Art Eye View

เที่ยว(กรุงเทพ) ด้วยกล้อง กับ ราฟ กิ๊บสัน ช่างภาพอเมริกัน หนึ่งในสมาชิกของ LM100

Pinterest LinkedIn Tumblr


ART EYE VIEW–นับแต่เชื้อเชิญ เจอโรม ซานต์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ศิลปะในปักกิ่ง และผู้มีส่วนร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์ศิลปะในปารีส ซึ่งมีประสบการณ์ การทำงานในฐานะภัณฑารักษ์มากว่า 30 ปี มาเริ่มเป็นที่ปรึกษาให้กับทางโรงแรม เมื่อปี 2006

โรงแรม เลอ เมอริเดียน ในหลายประเทศทั่วโลก ที่ถูกวางคาแรคเตอร์เอาไว้ว่า เป็นโรงแรมที่ส่งเสริมให้แขกที่มาพักได้ซึมซับกับสถานที่ ณ ที่ซึ่งโรงแรมตั้งอยู่ผ่านงานศิลปะร่วมสมัย จึงมีกิจกรรมด้านศิลปะหมุนเวียนไปจัดอยู่เรื่อยๆ

โดยศิลปินแต่ละแขนงที่เคยมีโครงการร่วมกับทางโรงแรมฯจะถูกขึ้นทำเนียบเป็นสมาชิกของ LM100 ซึ่งขณะนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 30 คน

หนึ่งในจำนวนนั้นคือ ราฟ กิ๊บสัน ช่างภาพอเมริกัน วัย 73 ปี ผู้ได้รับรางวัล Lucie Award เมื่อปี 2008 ที่ล่าสุดเพิ่งมีเวิร์คชอป ด้านการถ่ายภาพ ภายใต้หัวข้อ A Look through Bangkok ให้แก่ ช่างภาพ 9 คนจากเอเชีย ได้แก่ ราฟ ทูเทน,วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์,อาทิตย์ ศิริ,ลีนาวตี โก,จอห์น แม็คเดอร์มอท,ลี จิงเฟย,เอสัน,คิงส์ลีย์ อัง และ อามิต เมราห์ ที่ต่างมีความชื่นชอบในผลงานของราฟอยู่เป็นทุนเดิม ณ โรงแรม เลอ เมอริเดียน กรุงเทพ

กว่า 50 ปี ที่ราฟทำงานในฐานะช่างภาพ โดยในแต่ละปี เขามีคิวที่ต้องเวิร์คชอปด้านการถ่ายภาพให้แก่ลูกศิษย์ของเขา ประมาณ 2-3 ครั้ง

แม้จะไม่สามารถการันตีได้ว่า อีก 10 ปีข้างหน้า คนเหล่านั้นจะเติบโตไปเป็นช่างภาพมืออาชีพ แต่เขาเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจว่า อีก 10 ปีข้างหน้า คนเหล่านั้นจะยังคงรักการถ่ายภาพ เหมือนเช่นกันกับเขา

ราฟรักการถ่ายภาพมากถึงขนาด ยอมเลิกดื่มเหล้าตอนอายุ 54 ปี และตื่นขึ้นมาเล่นโยคะทุกเช้า เพื่อให้ร่างกายมีความฟิตมากพอที่จะสามารถแบกกล้องออกไปตะลอนถ่ายภาพ พร้อมกับลมหายใจที่ยังเชื่อว่า ตัวเองยังสามารถทำในสิ่งที่รักให้ดีมากขึ้นไปอีก

3 วันของการทำเวิร์คชอปในไทย อันดับแรก เขาทำความรู้จักกับ 9 ช่างภาพ ด้วย Portfolio ที่ทุกคนมีติดมือมา ก่อนจะโยน 3 คำถามให้ทุกคนได้ตอบ ได้แก่ 1. คุณคิดว่าความสามารถของตัวเองอยู่ตรงจุดไหนแล้วตอนนี้ 2. ในอนาคตคุณฝันจะเป็นอะไร และ 3. อะไรที่มันเป็นอุปสรรคขัดขวางให้คุณไม่สามารถพาตัวเองจาก ข้อ 1 ไปสู่ ข้อ 2

ซึ่งเหตุผลที่ราฟมีคำถามเหล่านี้กับลูกศิษย์หน้าใหม่ของเขา เพราะต้องการปรับโหมดของทุกคนไปสู่โหมดของการ “ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง” และเชื่อว่าการได้สารภาพอย่างหมดเปลือก จะทำให้ทุกคนรู้สึกอิสระและเป็นตัวของตัวเอง


ความรอบรู้ด้านการถ่ายภาพที่สะสมอยู่ในตัวราฟมานาน นอกจากแบ่งปันให้กับลูกศิษย์หน้าใหม่ในไทยผ่านพ้นไปแล้ว รวมถึงได้ลงพื้นที่ถ่ายภาพตามสถานที่สำคัญในกรุงเทพฯร่วมกัน ราฟยังได้แบ่งปันแก่เราอีกครั้งว่า

“การถ่ายภาพ สำหรับผม คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่า เราจะถ่ายภาพอย่างไรให้ออกมาดี แต่คำถามที่เราควรจะถามตัวเองเวลาที่จะถ่ายภาพก็คือ เราจะถ่ายอะไร

และเมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะถ่ายอะไร คำถามต่อไปก็คือ จะมองเห็นสิ่งที่จะถ่ายในรูปแบบไหน ในเมื่อเรายกให้สิ่งๆนั้นเป็นประธานของภาพถ่ายแล้ว

เพราะการถ่ายภาพของผม มันไม่ใช่แค่เรื่องของวัตถุที่อยู่ในภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องที่ตัวผมมองเห็นวัตถุตัวนั้นเป็นอย่างไร”

เขาใช้มือจับพลิกช้อนที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารตรงหน้า พลางกล่าวต่อไปว่า

“ช่างภาพที่ดีเนี่ย แค่ถ่ายภาพช้อน ก็สามารถถ่ายออกมาให้ดูดีได้ บางเวลาผมก็นั่งถ่ายภาพช้อนอยู่ในสตูดิโอของตัวเอง แค่จับมันเปลี่ยนมุมนิดเดียว ก็สามารถได้ภาพช้อนที่สวยแปลกต่างออกไปจากมุมเดิมๆ

อย่างไรก็ตาม ผมอยากบอกว่า การถ่ายภาพมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนต้องมานั่งคิดหนักชนิดเอาปืนมาจ่อหัว แต่คนถ่ายภาพอาจจะต้องรู้จักเปลี่ยนมุมมองในการมองรูป มองวัตถุที่จะถ่ายออกมา”

ครั้งนี้ที่กรุงเทพ ช้อนไม่ใช่ประธานในภาพถ่ายของราฟ แต่เป็นรอยสักบนหลังของพระสงฆ์รูปหนึ่ง

“ผมชอบในตัวอักษร แม้ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่ผมมั่นใจว่ามันน่าจะต้องเป็นบทสวดมนต์หรือะไรสักอย่าง สำหรับผม ในเวลาที่เดินทางไปไหนแล้วไม่สามารถเข้าใจในภาษาที่พบเห็น ผมก็มองเห็นมันเป็นแค่เพียง shape ต่างๆและมองเห็นประเทศนั้นเป็น shape ตามตัวอักษรเหล่านั้น”


ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ราฟเดินทางมาประเทศไทย แต่ผลงานภาพถ่ายของเขา ซึ่งเป็นภาพชายนิรนามกับสุนัขพันธุ์หนึ่ง ถูกนำมาทำเป็นปริ๊นสกรีนติดที่บานประตูทางเข้า โรงแรม เลอ เมอริเดียน กรุงเทพ มาหลายปีแล้ว

ขณะที่แขกชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ มักตั้งคำถามว่า ผู้ชายในภาพเป็นใคร? แขกชาวจีนกลับมักตั้งคำถามว่า สุนัขในภาพเป็นพันธุ์อะไร?

ราฟไม่มีคำตอบให้กับทั้งสองคำถาม แต่บอกเพียงว่าเป็นภาพที่เขายกกล้องขึ้นถ่าย ในเช้าวันอาทิตย์วันหนึ่งที่ซานฟรานซิสโก เมื่อครั้งที่เขายังมีอายุเพียง 21 ปี

ไม่ว่าจะเดินทางไปไหน การพบกันครั้งแรกของราฟกับสถานที่นั้นๆก็ไม่ต่างอะไรกับการทดลองเอาเท้าลงไปแตะพื้นน้ำ ก่อนจะตัดสินใจลงไปแหวกว่าย

ราฟบอกว่า ระหว่างเขากับกรุงเทพฯ แค่ครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจ จนอยากจะตัดสินใจลงไปแหวกว่ายในทันที ดังนั้นจึงไม่ต้องตั้งคำถามว่าครั้งที่สองของเขานั้นจะรู้สึกอย่างไร เพราะเป็นช่วงเวลาที่เขาได้ดื่มด่ำกับความเป็นกรุงเทพยาวนานกว่าครั้งแรก เป็นไหนๆ

“ผมเคยไปญี่ปุ่น ไปเกาหลี แต่ผมชอบเมืองไทยมากกว่า และรู้สึกว่าผู้คนมีความสุขมากกว่า

สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ กรุงเทพเป็นเมืองที่เติบโตค่อนข้างเร็วมาก แม้ไม่สวยเท่าปารีส ไม่มีสถาปัตยกรรมที่สูงตะหง่าน และสวยงามอย่างโตเกียว แต่ว่าในตัวของเมืองมีความน่าสนใจมากกว่าปารีสบวกกับโตเกียว

ผมมีเพื่อนชาวไทยคนหนึ่ง เป็นช่างภาพและเป็นเจ้าของแกลเลอรี่ (โอ๋ – ปิยะทัต เหมทัต) เขาพาผมนั่งตุ๊กๆชมเมือง มันทำให้รู้สึกว่ากรุงเทพเป็นเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจ และผมมีไอเดียอยากจะกลับมาทำหนังที่กรุงเทพ ผมไม่ใช่คนสูบบุหรี่และไม่ได้ติดยานะ แต่ผมรู้สึกว่า กรุงเทพเป็นยาเสพติดของผม และอยากจะให้ทางโรงแรมเชิญผมมาอีก”

ช่างภาพผู้ไม่เพียงอยากบันทึกภาพกรุงเทพไว้ในภาพถ่าย แต่ยังอยากบันทึกเอาไว้ในใจไปนานแสนนาน หยอดคำหวานทิ้งท้าย ซึ่งอาจทำให้ คนรักกรุงเทพ หัวใจพองโต

Text  by  ฮักก้า  Photo by  ศิวกร เสนสอน
+

ชมผลงานของ ราฟ กิ๊บสัน และ 9 ช่างภาพจากเอเชีย ในนิทรรศการ A Look through Bangkok วันนี้ – 31 พฤษภาคม พ.ศ.2555 ณ บริเวณ Le Meridien Bangkok's Hub โรงแรม เลอ เมอริเดียน กรุงเทพฯ ถ.สุรวงศ์ โทร.0-2232-8825

ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ และ Celeb Online www.astvmanager.com โทร.0 -2629 – 4488 ต่อ 1530 Email: thinksea@hotmail.com

>> อัปเดตข่าวในแวดวง สังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม ศิลปะ และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net

Comments are closed.

Pin It