Art Eye View

ยามเมื่อลมหนาวพัดหวน : องุ่น เกณิกา สุขเกษม

Pinterest LinkedIn Tumblr

คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม

บนเตียง…

เสียงลมหนาวพัดดังหวีดหวิวอื้ออึง อยู่ที่ข้างนอก กอไผ่ข้างบ้านไหวเอนตามแรงลมเสียดสีกับผนังไม้ดัง ออดแอด..ออดแอด

ในความสลัวลางของยามฟ้าสางนั้น ฉันได้สัมผัสแล้วกับลมหนาว ที่พัดมาอย่างครื้นเครงให้หมู่ใบไม้สั่นไหวไกวเอนและส่งเสียงอันราวกับเสียงหัวเราะ


สำหรับเดือนแห่งเวลาปลายฝนต้นหนาวเช่นนี้นั้น เป็นเดือนในความชอบอันเป็นพิเศษสำหรับฉันเป็นยิ่งนัก ฉันรักหน้าหนาวที่สุด และฉันเกิดเมื่อหน้าหนาว

แม่เล่าให้ฟังว่า ตอนคลอดฉันใหม่ๆ ยังนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ในเวลาช่วงนั้นแม่เห็นเขาจุดพลุกันจากท้องสนามหลวง ประกายพลุวิบวับสวยงามอย่างมากมายที่พุ่งกระจายขึ้นไปบนท้องฟ้า แม่นอนมองจากเตียงพักในโรงพยาบาลหลังจากคลอดฉันออกมาได้เพียงสองวัน และช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองปีใหม่

ปีแล้วปีเล่าผ่านพ้นไป ฉันเติบโตมาอย่างไรกับการอยู่ในอ้อมอกของแม่นั้น คงยังเด็กเล็กเกินไปกว่าที่ฉันจะจดจำได้

จนมารู้สึกถึงวัยเด็กและเรื่องราวในความทรงจำต่างๆ ที่มีมานั้น ก็เป็นวัยที่ได้มาอยู่บ้านนอกกับย่าเอาเสียแล้ว

ในวัยวันที่เคยวิ่งซุกซน เวลายามเช้าตรู่ของฤดูที่ลมแรงเช่นเช้านี้ เด็กๆ อย่างฉันและลูกของอาอีกสองคนจะพากันตื่นแต่เช้าเพื่อวิ่งไปแย่งกันเก็บลูกมะม่วงมากมายที่ปลิดปลิวด้วยแรงลมลงสู่พื้นดินโคนต้น ต้นแล้วต้นเล่า ที่สวนหลังบ้านยันถึงต้นที่ท่าน้ำหน้าบ้านซึ่งเป็นมะม่วงกะล่อนลูกเล็กๆ รสชาติเปรี้ยวอมหวานมีกลิ่นหอมฉุนรุนแรง

การได้แย่งกันเก็บลูกมะม่วงนั้นเป็นความสนุกสนานในวัยเด็กเป็นอย่างยิ่ง หรือในบางเช้าตรู่ที่อากาศชื้นพื้นดินแฉะ การวิ่งไปเก็บเห็ดที่กองฟางก็ช่างเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจของเด็กอย่างฉันเป็นยิ่งนัก

ภาพความหลังเหล่านี้ ได้ถูกระลึกขึ้นพร้อมกับการพัดมาของสายลมหนาว ในวัยวันที่ฉันมีอายุ 47

แต่วันเวลาในความเป็นเด็กของฉันนั้น กลับช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนยาวนานด้วยเช่นกัน


ฉันยังจดจำความรู้สึกของตัวเองได้ดีว่า ฉันมักจะรู้สึกว่าวันๆ นั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้าและแสนนาน ฉันอยากจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็วๆ จะได้ไปไหนมาไหนได้

นั่นคงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกไม่เป็นสุขกับปัจจุบันที่ฉันรู้จักมันตั้งแต่วัยเด็ก และฉันเริ่มเป็นนักฝันนับแต่วัยนั้น

ฝันเริ่มแรกนั่นคือการฝันอยากเป็นผู้ใหญ่ในเร็ววันนั่นเอง ฉันเคยเอามือน้อยๆ ของฉันในวัยนั้นบดบังที่ดวงตาเพื่อให้เห็นก้อนเมฆบนท้องฟ้าได้ชัดเจนขึ้น และคิดไปว่านิ้วมือของตัวเองใหญ่กว่าก้อนเมฆ ที่ฉันมองเห็นเป็นตัวนางฟ้าที่มีปีก

ฉันยังจดจำเสียงของเพลงลูกทุ่ง “สาวสวนแตงสิ้นแรงแน่หรือ” ที่ดังแว่วมาจากที่ใดที่หนึ่งในสวนหลังบ้านท่ามกลางแสงแดดตอนกลางวันที่ช่างแห้งแล้ง ภาพใบกล้วยสีเหลืองในแสงแดด ทำให้ฉันรู้จักถึงความเบื่อหน่ายในวันเวลา ตั้งแต่วัยนั้น

ในโอ่งน้ำที่วางเรียงรายอยู่รอบบ้านของย่าเต็มไปด้วยกล้วยน้ำว้าที่ตัดจากต้นวางเรียงรายบ่มไว้ในตุ่ม เวลาเล่นซนจนหิวน้ำไม่ว่าจะมุ่งหน้าไปเปิดฝาโอ่งใบไหน ใบไหน ก็ให้เป็นอันจะเจอกล้วยน้ำว้าวางเรียงรายอยู่ในนั้น แทนที่จะเจอน้ำฝนใสเย็นดื่มกินได้ และนี่เป็นมูลเหตุของการไม่กินกล้วยน้ำว้าของฉัน

อันจิตมนุษย์นี้หนอ มีความลึกล้ำยากแท้หยั่งถึง ก็เพียงแค่สายลมหนาวพัดมา ก็ทำให้พัดเอาความทรงจำอันเก่าแก่เหล่านี้หวนกลับมาด้วย

ในช่วงเวลานี้ ที่รอบบ้านของฉันเริ่มมีดอกไม้บานกันหลายต่อหลายชนิด ดอกปีบที่ร่วงหล่นพรูอยู่บนระเบียง ให้ฉันได้เก็บมาใส่แจกันอยู่คู่กับงานปั้นหญิงสาว

ดอกเฟื่องฟ้าสีขาว ที่แย้มบานล้อเล่นอยู่กลางสายลมและแสงแดด ดอกลัดดาวัลย์ดอกไม้ที่มีชื่อไพเราะดุจเดียวกับหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ ก็กำลังออกช่อเป็นปุ่มปม รอวันแตกออกและผลิบานเป็นช่อดอกหอม มีเพียงช่วงเวลาเดียวเท่านั้นของดอกไม้นี้ที่จะผลิบานให้เห็นคือช่วงปลายฝนต้นหนาวเท่านั้น

หญิงสาวของฉันกับหนังสือต่างๆ ก็วางอยู่ข้างในตู้ เธอดูไปด้วยกันได้อย่างเหมาะเจาะเหลือเกิน ดุจดังหญิงสาวผู้ช่างฝันและรักการอ่าน

เมื่อพูดถึงหนังสือ ความสนใจในเรื่องราวใดๆ ที่มีของฉันก็ถูกค้นหาคำตอบเอาจากหนังสือนั่นเอง

หนังสือในวัยเด็กที่บ้านนอก ฉันเคยเปิดอ่านจากบ้านญาติเป็นหนังสือเก่าวางระเกะระกะอยู่ตามชานบ้าน ชื่อว่าหนังสือ “แปลก” ในนั้นมีเรื่องราวประหลาดและปนสาระด้วยมากมายหลายเรื่อง

แต่เรื่องที่ฉันจำได้ว่าตัวเองอ่านด้วยความสนใจและแอบปิดไม่ให้ใครเห็นว่าอ่านอะไรนั้นกลับเป็นบางหน้าที่เขียนถึงบทรัก อันโฉ่งฉ่างเร่าร้อน

จากตัวหนังสือในนิยายประจำฉบับ การอ่านบทรักจากนิยายในหนังสือแปลก เป็นการอ่านบทรัก จากหนังสืออันเป็นหนังสือเล่มแรกของฉันในวัยนั้น ฉันจำได้ว่าฉันต้องหลบสายตาผู้ใหญ่ไม่ให้เห็นในขณะเวลาที่ฉันอ่านเสมอๆ

และเมื่อพูดถึงหนังสือ ฉันเป็นคนที่รักการอ่านคนหนึ่ง ฉันเติบโตมากับหนังสือ คำสั่งสอน ทัศนคติและค่านิยมหลายต่อหลายอย่างที่มีอิทธิพลต่อฉันมาถึงปัจจุบันนี้ได้รับมาจากการอ่านหนังสือ ความสนใจในเรื่องราวใดๆ ที่มีของฉัน ถูกค้นหาคำตอบเอาก็จากการอ่านหนังสือ

หนังสือจึงมีอิทธิพลกับความเป็นมาเป็นไปของฉัน ตั้งแต่วัยเด็กถึงปัจจุบันเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งในการทำงานปั้น หลายต่อหลายคราวที่แรงบันดาลใจ

นั้นก็เกิดมาจากการอ่านหนังสือ ถ้อยคำงามๆ ที่ได้อ่านเจอ ช่วยให้โลกที่อ้างว้างในวัยเด็กของฉันงดงามขึ้น สวยขึ้น มีความหวังและมีกำลังใจขึ้น

หนังสือกับงานปั้นของฉันถึงถูกวางคู่กัน อย่างไม่ขาดไปจากกันและกัน

รู้จัก… องุ่น เกณิกา สุขเกษม

จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี

ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด

ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี

เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า

“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ

รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข

ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”

ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW

ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com

และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews

Comments are closed.

Pin It