Dining Out

พาคุณตะลุยกินซูชิ 2 สไตล์ ต้นตำรับ VS โมเดิร์น ที่คออาหารญี่ปุ่นต้องลอง!

Pinterest LinkedIn Tumblr

By Lady Manager

แค่ได้ยินชื่อ “อาหารญี่ปุ่น” สาวๆ หลายคนเป็นต้องหูผึ่ง ตั้งตารอชม อาหารสุดสวย ที่พิถีพิถัน จัดออกมาอย่างน่าชม ดูแล้วเจริญตา ยั่วน้ำลายให้ท้องหิวเป็นแน่

เราจึงขอพาไปชม ชวนไปชิม อาหารญี่ปุ่นจาก 2 ร้านดัง ร้านแรกเป็นอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม ด้วยเสน่ห์ของรสชาติ และความงามที่ต้นตำรับ อีกร้านออกแนวโมเดิร์น (Modern) นอกจากแต่งหน้าอาหารทุกจานได้สวยชนะใจแล้ว รสชาติก็แปลกใหม่!



สไตล์ต้นตำรับ TEN – SUI
หน้าตางดงาม อร่อยแบบดั้งเดิม

ร้านอาหารเท่นสุ่ย (TEN-SUI) แห่งนี้เปิดบริการมากว่า 4 ปีแล้ว โดยความร่วมมือของหุ้นส่วนชาวญี่ปุ่น และชาวไทย ผู้อยากให้คนบ้านเราได้ลิ้มรสอาหารญี่ปุ่น ที่เป็นต้นตำรับแท้ๆ

“ร้านนี้เปิดมา 4 ปีแล้วครับ มีสาขาเดียว เจ้าของเป็นชาวญี่ปุ่น ที่มาร่วมหุ้นกับชาวไทย เชฟใหญ่ของร้าน เป็นเชฟชาวญี่ปุ่น อาหารที่นี้จึงเน้นเป็นอาหารต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ๆ และเน้นขายของตามฤดูกาล เพื่อให้ได้อาหารสดใหม่จริงๆ”

ศิริพงค์ ด้วงโสภา ซูชิเชฟของร้านให้ข้อมูล ก่อนเล่าต่อถึง ความหมายของรสชาติต้นตำรับแบบญี่ปุ่นว่า มิใช่มีเพียงแค่รสจืด อย่างที่หลายคนเข้าใจ

“อาหารญี่ปุ่น ถ้าถามว่ารสชาติอย่างไร ต้องบอกว่าบางชนิดก็จืด บางชนิดก็เค็ม หรือชนิดที่เปรี้ยวก็ยังมี คือ รสชาติไม่ได้เน้นว่าต้องจืดเท่านั้น มันเหมือนกับว่าอาหารแต่ละชนิดจะมีรสชาติเฉพาะตัวอยู่แล้ว ซึ่งร้านเราก็จะทำให้ออกมาแบบนั้น เช่น อาหารชนิดนี้ต้องเค็ม เราก็จะทำเค็ม แต่อาหารนี้ชาวญี่ปุ่นกินจืด เราก็จะทำออกมารสจืด”

บรรยากาศ โอ้ว ว้าว! เมื่อย่างก้าวเข้ามาถึง นึกว่าอยู่ในแดนอาทิตย์อุทัย ยังไง ยังงั้น

เพราะแม้พื้นทุกตารางนิ้วบนถนนสุขุมวิทจะแพงแสนแพง แต่ทางร้านก็ทุ่มทุนเนรมิต สวนญี่ปุ่นแสนสวย ไว้ต้อนรับผู้มาเยือนตั้งแต่ประตู เข้ามาช่วงกลางวันว่าสวยแล้ว ทางร้านกระซิบด้วยว่า มื้อดินเนอร์จะสวยยิ่งกว่า เพราะมีการเปิดไฟ เปิดน้ำพุ กลายเป็นสวนสวยที่มีสีสันไปอีกแบบ

ภายในกว้างขวาง มีให้เลือกนั่งทานทั้งแบบโต๊ะธรรมดา หน้าบาร์ รวมถึงห้องส่วนตัว บรรยากาศเงียบสงบ ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ เข้าไปถึงครั้งแรก หลายคนเป็นต้องแอบนึกถึงภาพ ‘โอชิน’ ขึ้นมาเชียว ขณะที่น้องพนักงานแต่งชุดกิโมโน ตามแบบสาวญี่ปุ่นน่ารักคิกขุ บริการนุ่มนวล จนน่าประทับใจ
น่าดู.. น่าโดน เมนูที่เชฟจัดมาให้ดู คัดมาให้โดนใจเรา เป็นอาหารยอดฮิตของร้านทั้งนั้นเล้ย…

Mikago Suchi (400 บาท) ออเดิร์ฟชื่อสวย ‘มิคาโกะ ซูชิ’ เชฟศิริพงค์ อธิบายว่าเป็นซูชิทานเล่น ที่มีความสวยงาม ประกอบไปด้วยซูชิมากหน้าหลายตา ทั้งไข่หอยเม่น ปลาแซลมอน ปลาสร้อย ปลากระพงญี่ปุ่น รวมไปถึงซูชิเก๋ๆ ที่มาในรูปแบบของใบไผ่ เปิดเปลือกแย้มออกมาจึงเจอกุ้งและข้าวอยู่ภายใน เสิร์ฟคู่กับรากบัว รากไม้ญี่ปุ่น หัวไชเท้า และผักสีสวยตระกูลข่าของญี่ปุ่น ที่ทานแล้วเผ็ดนิดหอมหน่อย

ตกแต่งให้คงความเป็นญี่ปุ่นอีกนิด ด้วยดอกบ๊วย ที่เราแอบสงสัยว่าทำไมต้องเป็นดอกไม้ชนิดนี้ เชฟหนุ่มเฉลยให้เราฟังว่า

“ดอกบ๊วยเป็นสีสันของเดือนนี้ แต่ละเดือนดอกไม้ที่ประดับมาในอาหารจะไม่เหมือนกัน เปลี่ยนไปตามฤดูกาลท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ช่วงนี้เป็นช่วงของดอกบ๊วยบาน ก็เลยนำดอกบ๊วยมาประดับ เดือนหน้าเป็นซากุระ ก็จะมีซากุระมาประดับ”

ดอกไม้สวยที่มาจากญี่ปุ่นแบบนี้ หลังทานอาหารอิ่มอร่อยแล้ว จะเก็บกลับไปเป็นที่ระลึก ทางร้านเค้าก็ไม่ว่ากันค่ะ
(ซ้าย) Mikago Suchi  / (ขวา) Shikisai Bento
Shikisai Bento (780 บาท) ข้าวอบญี่ปุ่น อาหารดั้งเดิมที่หาทานได้ไม่บ่อย เป็นการนำข้าวญี่ปุ่นมาหุงให้นุ่ม ก่อนผสมโชยุ (ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น) และสาเก (เหล้าญี่ปุ่น) จนได้กลิ่นหอม และรสละมุนลิ้น โรยหน้าด้วยเครื่องเคราสารพัด ทั้งแซลมอน ปลาไหลทะเล หอยเชลล์ ซึ่งขอย้ำว่า ของสดทุกชนิดส่งตรงมาจากญี่ปุ่นเท่านั้น ส่วนเครื่องเคียงที่ให้มาทานคู่กันมีหลากหลาย ทั้งลูกชิ้นกุ้งทอด ผักต้ม ซูชิ ซุป รวมถึงของทานเล่นอย่าง ปลาแซลมอนย่างซีอิ้ว ไข่หวาน ลูกชิ้นไก่ ปลาซัมมะ (Samma) ต้มซีอิ้ว เรียกได้ว่าสั่งเซ็ตเดียว ก็อิ่มหลากหลายแล้ว

ข้าวอบญี่ปุ่นนี้ เสิร์ฟมาพร้อมควันฉุยเลยค่ะ เก๋สุดๆ ตรงที่ด้านล่างกล่องข้าว เป็นเหมือนซึ้งนึ่งอาหารบ้านเรา มีการจุดไฟเล็กๆ ด้านล้างเพื่อต้มน้ำ ให้ไอน้ำส่งผ่านมาช่วย คงอุณหภูมิความร้อนของข้าวให้ครุกรุ่น หอมโชยุ โชยมาแต่ไกล ส่วนรสชาติ กลมกล่อม เค็ม หวาน กำลังดี เชื่อมะ? ว่ากินข้าวอบเฉยๆ ก็อร่อยแล้ว อ๊ะ! ถ้าไม่เชื่อต้องมาลองเอง…

Special Roll (650 บาท) อาหารพิเศษสุด ที่ทางร้านคิดสูตรขึ้นเอง มิใช่อาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม แต่คือการฟิวชั่นใหม่ ผสานอาหารญี่ปุ่นให้ออกมามีรสชาติ และสีสัน ที่แปลกใหม่ยิ่งขึ้น

ซูชิคำโต ด้านในสอดไส้หน่อไม้ฝรั่ง และเนื้อวัวคุณภาพดี เผาให้สุกปานกลาง ปรุงรสด้วยซอสรสเผ็ดสูตรเฉพาะของร้าน ก่อนใช้เนื้อเกรดA พันด้านนอกโรลอีกที แล้วจึงโรยหน้าด้วยกระเทียมทอดกรอบ ด้วยเพราะเนื้อคุณภาพดี ไม่มีเหนียว แถมรสชาติยังได้เชฟฝีมือดีปรุงแต่ง โรลแต่ละคำจึงกลมกล่อม เผ็ดเล็กน้อยพอเจริญอาหาร ไม่ขาด ไม่เกิน กินได้เพลินๆ แทบลืมอิ่ม
(ซ้าย) Special Roll / (ขวา) Hime – Suchi gozen
Hime -Suchi gozen (630 บาท) ซูชิรวม หน้าตาสะสวย เป็นการรวมตัวของอาหารหลายอย่างไว้ ทั้งซูชิ สลัด และข้าวญี่ปุ่นที่โรยหน้าด้วยปลาหั่นเต๋า ก่อนราดหน้าด้วยซอสหวาน ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในเซ็ตเดียวกัน

ขึ้นชื่อว่าเป็นซูชิ สิ่งสำคัญอยู่ที่ความสดของเนื้อปลา และต้องบอกเลยว่า ชนะเลิศ! ทั้งความสด นุ่ม หวานกรอบ จนแทบไม่มีกลิ่นคาว คงต้องยกความดีให้กับการคัดสรรวัตถุดิบของทางร้านที่เน้นเสมอว่า ขายของตามฤดูกาล เพื่อให้ได้ของสด ใหม่ และเปี่ยมคุณภาพจริงๆ

ที่ตั้ง เลขที่ 12 ซอยสุขุมวิท 16 รัชดาภิเษก คลองเตย กรุงเทพฯ

เวลาอร่อย เปิดสองรอบคือ 11.30-14.00 น. และ 18.00-22.00 น.

กริ๊งกร๊าง 02-6632281 ทางร้านรับสั่งจัดอาหารชุดส่งตรงถึงบ้านแถบสุขุมวิท และละแวกใกล้เคียงด้วย (รับเฉพาะกลุ่มเล็ก 5-6 คน) คิดราคาหัวละ 2,500 บาท สนใจโทรไปสอบถามสั่งจองกันได้เลยจ้า


สไตล์โมเดิร์น Rainbow Roll Sushi
ดีไซน์เปรี้ยว รสชาติถูกลิ้นคนไทย

บินตรงกันมาเลยเชียว สำหรับแฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่นน้องใหม่ “เรนโบว์ โรล ซูชิ” แห่งนี้ ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ เมื่อกลางปีที่แล้ว หลังได้รับความนิยมจากในประเทศญี่ปุ่น และไต้หวัน ก็ถึงคราที่คนไทย ผู้ฝักใฝ่ในรสชาติอาหารที่แปลกใหม่ แต่มีความอร่อยเป็นสไตล์เฉพาะตัวจะได้ลิ้มลอง

บรรยากาศ ตกแต่งภายใต้คอนเซ็ปต์ Modern Japanese Restaurant ซึ่งสอดคล้องกับทุกเมนูอาหารของร้าน ที่เป็นอาหารญี่ปุ่นสมัยใหม่

“การตกแต่งร้านได้รับอิทธิพลความเป็นสมัยใหม่มา คือ มีความเป็นโมเดิร์น เน้นโทนสีดำ เน้นความหรูหรา ต่างจากร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป ที่เข้าไปจะเจอไม้ไผ่ เจอทุกอย่างที่เป็นสีไม้ๆ บ้านๆ

แต่ของร้านเราเข้ามาเจอกระเบื้องดำ หินขัด และการตกแต่งที่เน้นกระจกสีสด นี่คือ ความแตกต่างอีกอย่างที่เราไม่เหมือนร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป”

พชร พิศาลภัทรกุล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ร้านเรนโบว์ โรล ซูชิ ให้คำจำกัดความ สไตล์การตกแต่งร้าน
น่าดู.. น่าโดน สำหรับเมนูที่ตกแต่งสวยงาม น่าดูชม และน่าจะโดนใจ คออาหารญี่ปุ่นทั้งหลาย ทางร้านเค้าเน้นหนักมาเลยว่าคือ “ซูชิ” เพราะของเค้าแปลกจริง อะไรจริง! ชนิดที่คนญี่ปุ่นเองยังต้องทึ่ง

ผู้จัดการฯ พชร อธิบายต่อถึงเมนูอาหารภายในร้านว่า “ต้องถือว่าเป็นอาหารที่คนญี่ปุ่นยังแปลกใจ เพราะเป็นอาหารญี่ปุ่นสมัยใหม่จริงๆ เราจึงคิดว่าอาหารของเรา เหมาะกับตลาดคนไทยที่ใช้ชีวิตแปลกใหม่ มีสไตล์” และเมนูเด็ดสุดๆ ที่ขึ้นชื่อคือ ซูชิ ที่มีให้เลือกกว่า 18 ชนิด

“เมนูโรลของร้านเรา หน้าตาไม่เหมือนใคร เวลาเราทานซูชิ เราจะนึกถึงซูชิว่าคือ ข้าวปั้นที่มีสาหร่ายห่ออยู่ข้างนอก แต่ของเราเป็นโรลที่จะกลับไส้ออกมาข้างนอก เพื่อให้มีสีสัน และความสวยงามมากขึ้น นี่เป็นเอกลักษณ์ของเราที่ไม่ว่าไปทานที่ไหน ก็ไม่เหมือนกับร้านเราแน่” ว่าแล้ว ผู้จัดการหนุ่มก็นำเสนอเมนูเด็ดของทางร้านมาให้เราได้ชม และชิม..

Iwanori Salad (250 บาท) แม้จะขึ้นชื่อเรื่องโรล ทว่าอาหารญี่ปุ่นชนิดอื่นๆ ก็มีให้เลือกสรรอีกว่า 40 เมนู ทางร้านจึงนำเสนอเมนูเรียกน้ำย่อย มาให้เราโดนใจกันก่อน สำหรับ Iwanori แปลว่าสาหร่ายโขดหิน ซึ่งขึ้นอยู่ตามโขดหินในจังหวัดชิมาเนะแห่งเดียวในญี่ปุ่น ซึ่งทางเชฟการรันตีมาว่า เป็นสาหร่ายที่มีรสชาติความอร่อยเป็นสามเท่าของสาหร่ายทั่วไปเลยหล่ะ

สลัดเมนูนี้เชฟจะนำเจ้าสาหร่ายที่อร่อยคูณสาม มาคลุกเคล้ากับผักสดกรอบอื่นๆ อาทิ กระเจี๊ยบ มะเขือเทศเชอรี่สีแดงสด หัวไชเท้าฝานบางกรอบ รวมถึงแฮม และหอยเชลล์สดรสหวานนุ่ม เมื่อได้น้ำสลัดที่เปรี้ยวนิดๆ เคี้ยวในปากแทบจะได้ยินเสียงกรุบกรับออกมาด้านนอก ได้คุณค่าและวิตามินจากผัก แถมยังเรียกน้ำย่อยได้ดีนักเชียว
(ซ้าย) Iwanori Salad  / (ขวา) Thai Roll
Thai Roll (350 บาท) ทางร้านให้เหตุผลน่ารักน่าชังว่า “ทำเพื่อเอาใจคนไทยโดยเฉพาะ” ดังนั้นโรลนี้จึงมีเฉพาะที่สาขาเมืองไทย ส่วนในญี่ปุ่นและไต้หวันไม่มีโอกาสได้ทานแบบเราหรอกนะ ^_^

เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นไทยโรล เลยขอเอาใจด้วยซอสรสเผ็ดที่ถูกปากคนไทย เมื่อคีบมาพินิจก่อนหยิบเข้าปาก เราแยกได้ว่าสีเขียวอ่อนสวยคือ อะโวคาโด (Avocado) สดสไลด์เป็นแผ่นนุ่ม แซลมอนสีส้มเข้ม ที่สั่งตรงมาจากญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลว่าหากเป็นแซลมอนเลี้ยงในไทย ชั้นไขมันไม่เยอะ รสชาติอาจไม่อร่อยถึงขีดสุดขนาดนี้ และสุดท้ายไม่ลืมเพิ่มความเป็นไทยอีกนิดด้วยกระเพรากรอบ หอมหวล

เมื่อพิจารณาแล้วก็ได้เวลาคีบเข้าปาก รสชาติกลมกล่อมกำลังดี และแม้จะมีสีแดงสดทว่ารสชาติเผ็ดนิดหน่อยเท่านั้น แนะว่าถ้าชอบแซ่บซ่าน ให้คีบพริกไทยสีชมพู (pink pepper) ที่ประดับอยู่บนจานมาทานด้วยจะเผ็ดร้อน แถมหอมขึ้นมาอีกมากโข

Dragon Roll (450 บาท) “ดรากอนคือ มังกรดีๆ นี่เอง มีเกร็ดสีเขียว แล้วก็ครีบสีส้ม และจะเป็นมังกรไม่ได้เลย ถ้าข้างในไม่มีส่วนของปลา เราจึงสอดไส้ปลาไหลอยู่ด้านใน จานนี้ก็จะดูเป็นมังกรยิ่งขึ้น ตัวนี้เด่นที่รสชาติค่อนข้างหวาน ถามว่าทำไมจานนี้ถึงแพง ถ้าเคยไปทานข้าวหน้าปลาไหลตามร้านทั่วไป 1 จาน ก็เกือบ 400 บาทแล้ว ทั้งที่เป็นปลาไหลเลี้ยงในไทย แต่อันนี้เรานำเข้าปลาไหลมาจากญี่ปุ่นด้วย มูลค่าปลาไหลในจานนี้ก็เท่ากับข้าวหน้าปลาไหล 1 จานเหมือนกัน” ผู้จัดการพชรให้นิยามความคุ้มค่าของโรลชนิดนี้

สำหรับคนชอบทานปลาไหล ขอบอกว่าสวรรค์ของคุณอยู่ตรงหน้าแล้ว เพราะปลาไหลที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น เมื่อนำมาปรุงรสแล้วหอมนุ่มเสียเหลือเกิน เมื่อได้เคี้ยวคู่กันไปกับข้าวญี่ปุ่นนุ่มเหนียว ซอสรสหวานมันกำลังดี ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของงาขาว อะโวคาโด และเคี้ยวกรุบกรับ อีกนิดด้วยไข่กุ้ง อร่อยเหาะ…
(ซ้าย) Dragon Roll / (ขวา) Rainbow Roll
Rainbow Roll (350 บาท) ปิดท้ายเมนูฮิต ด้วยซิกเนเจอร์ของทางร้านฯ ซูชิที่ภายอัดแน่นไปด้วย 13 ไส้อร่อยทั้งปลาแซลมอน ปลาหมึก ปูอัด ไข่กุ้ง ไข่หวาน แตงกวา ผักกาด น้ำเต้าดอง แครอท ฯลฯ ซึ่งส่วนผสมทั้งหมดเมื่อมองแล้วจะได้ครบ 7 สีสมชื่อกับเรนโบว์ และหากอยากทานซูชินี้ให้หมดในคำเดียว ต้องอ้าปากให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะขนาดเค้าใหญ่บิ๊กเบิ้มสุดๆ ซึ่งทางร้านการันตีเลยว่าหาทานที่อื่นไม่ได้ เพราะมีเจ้าเดียวในประเทศ ที่ทำซูชิใหญ่ยักษ์เพียงนี้

เรื่องรสชาติต้องยกให้เค้า เพราะชิ้นใหญ่เต็มปากเต็มคำ ขอบอกตามตรงว่าแค่เห็นก็อร่อยแล้ว เพราะสวยแปลกตามาก ยิ่งพอได้อ้าปากกว้าง ส่งชิ้นซูชิเข้าไปอยู่ในกระพุ้งแก้ม รสกลมกล่อมทีเดียว แม้จะเคี้ยวอยู่นานกว่าจะหมดปาก แต่ก็ต้องหยิบเบิ้ลซ้ำอีกซะหลายที ก็กินรวมกันแล้วมันอร่อยจริง…จิ๊ง

พิเศษ! ทางร้านจัดโปรโมชั่น 3 คุ้มมาเอาใจ แบบแรก Weekend Happy Hour จัดให้คุ้มวันเสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่ 14.00-17.00 น. ลดค่าอาหารและเครื่องดื่มไปเลย 15% คุ้มแบบสองกับ Big Value Pack จ่าย 1,200 บาท ให้คุณเลือกคุ้มอร่อยกับ 4 โรล คุ้มสุดท้าย Small Value Pack จ่าย 600 บาท ทานได้ 2 โรล ..คุ้มเชียวค่ะ เพราะ 1 โรล ก็เท่ากับ 1 จานใหญ่ ทานคนเดียวก็แทบไม่หมดแล้ว อ้อ! โปรโมชั่นถึงแค่เดือนมีนาคม ศกนี้ อยากคุ้มต้องรีบหน่อยจ้า

ที่ตั้ง ชั้น 2 โครงการ K Village (เค วิลเลจ) ถนนพระราม 4 เขตคลองเตย กรุงเทพฯ (สามารถเข้าจากซอยสุขุมวิท 26 ได้)
 

เวลาอร่อย จันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00-14.00 น. และ 18.00-22.00 น. / วันเสาร์-อาทิตย์ เปิดยาวตั้งแต่ 11.00-22.00 น.

กริ๊งกร๊าง หากอยากได้ความเป็นส่วนตั๊วส่วนตัว ทางร้านมีห้องพิเศษไว้คอยบริการด้วยค่ะ สำรองที่นั่งได้ที่ 02-6615052


>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net

Comments are closed.

Pin It