Dining Out

เมดิชี่ คิทเช่น อิตาเลียนอร่อยล้ำ

Pinterest LinkedIn Tumblr


ร้านอาหารเปิดใหม่หลายแห่ง กว่าจะสร้างชื่อเสียงจนมีลูกค้าแห่มาอุดหนุนนั้น ต้องใช้เวลาไม่น้อย แต่ร้าน เมดิชี่ คิทเช่น ที่โฮเทล มิวส์ ถนนหลังสวน เปิดมาแค่ไม่กี่เดือน ก็มีคนพูดกันปากต่อปากเรื่องความอร่อย จนมีลิสต์จองดินเนอร์แน่นแทบทุกวัน
เมื่อไปสัมผัสด้วยตัวเองจึงรู้ว่า คำกล่าวอ้างนี้ไม่ได้เกินเลยไปจริงๆ เพราะเชฟหนุ่ม ฟรานเชสโก เลนซิ เลือดมักกะโรนีแท้จากแคว้นทัสคานี เป็นคนพิถีพิถันและใส่ใจอาหารทุกจานที่ออกมาจากครัวจริงๆ แถมตัวเชฟเองยังเน้นเลือกสรรวัตถุดิบที่ต้องมาจากแหล่งคุณภาพเท่านั้น บางอย่างเชฟต้องบินไปเสาะหามาเองโดยไม่สั่งผ่านซับพลายเออร์ เช่นเชฟบอกว่า ชีสที่อร่อยเยี่ยมต้องเลือกสรรจากผู้ผลิตรายเล็กๆ ในเมืองการ์ฟัญญานาจากแคว้นทัสคานี

ห้องนี้มีชื่อเต็มๆว่า เมดิชี่ คิทเช่นแอนด์บาร์ (Medici Kitchen & Bar) ตั้งอยู่ชั้นใต้ดินของโฮเทล มิวส์ ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดเล็กๆ ที่เพิ่งเปิดใหม่ โดดเด่นในเรื่องการตกแต่งที่สวยคลาสสิกไม่เหมือนใคร ส่วนห้องอาหารเมดิซี่ ก็มีคอนเซ็ปต์ตกแต่งในสไตล์นีโอ-อินดัสเตรียล บรรยากาศสลัวๆ เหมือนหลุดเข้าไปในฉากหนังเรื่องแบทแมน ในเมืองก็อตแฮม โดยมีมุมหนึ่งของห้องทำเป็นครัวเปิดให้ลูกค้ามองเห็นเชฟ4-5 คน ที่กุลีกุจอทำอาหารกัน

เห็นแล้วท้องก็เริ่มร้อง มาเริ่มที่อาหารเรียกน้ำย่อยกันดีกว่า หอยเชลล์อลาสก้า เป็นจานยอดนิยมที่ลูกค้าเกือบทุกคนจะต้องสั่ง ความอร่อยอยู่ที่ เนื้อหอยเชลล์สด นำไปจี่ในกระทะพอสุก ปรุงด้วยพาสลีย์สับ กระเทียมสับ เลมอน และไวน์ขาว ซอสที่ราดช่วยดับความคาวของเนื้อหอยให้มีแต่รสหวานโดดขึ้นมา กินคู่กับผักร็อกเก็ต และโพเลนต้าหรือแป้งข้าวโพดทำเป็นชิ้นบางๆ กรอบๆ และมะเขือเทศเชอร์รี่ซันดรายด์รสเข้ม (4 ตัว/520 บาท++)
จานเด่นอาหารเรียกน้ำย่อยอีกอย่างคือ ซาลูมี่ (Salumi) หลากชนิดทั้งแฮม ไส้กรอก ผลิตภัณฑ์เนื้อต่างๆ ที่เรียกว่า โคลด์คัท รวมไปถึงชีสหลากหลาย จากแคว้นทัสคานี ทั้งหมดเสิร์ฟในถาดไม้ เพื่อจะได้ลิ้มลองได้หลายๆ อย่าง และถ้ามากันหลายคนที่นี่ทำถาดพิเศษยาว 1 เมตรเอาไว้ต้อนรับคนรักแฮมชีสอีกด้วย

ขึ้นชื่อว่าอาหารอิตาเลียน ต้องมีเมนูสปาเก็ตตีและพาสต้าที่ล้วนแต่เป็นโฮมเมด ทำกันวันต่อวันให้กินกว่า 10 เมนู ที่แปลกและน่าสนใจคือ Candy Pasta (540 บาท++) เป็นเมนูที่ทำจากราวิโอลี หรือ เกี๊ยวอิตาเลียนสอดไส้ด้วยฟัวกราส์หรือตับห่านกับริคอตต้าชีส เท่านั้นยังมันเข้มข้นไม่พอ เชฟยังทำซอสราดเป็นครีมทรัฟเฟิลกับตับห่านบดราดลงไปอีก ใครที่ชอบกินตับห่านได้กินจานนี้แล้วสะใจจริงๆ แป้งราวิโอลีก็นุ่มกรุบกำลังดี แถมความมันของตับห่านผสมกับความหอมของเห็ดทรัฟเฟิลบอกได้เลยว่าอร่อย
สำหรับจานหลักนั้นมีให้เลือกหลากหลาย ส่วนมากเป็นเนื้อนำเข้า ซึ่งในเมนูจะบอกไว้ละเอียดว่า เป็นเนื้ออายุกี่วันพร้อมบอกวิธีทำคร่าวๆ ให้เข้าใจด้วย วันนี้ผู้เขียนเลือกชิม ฟิเลตโต้ อัลลา รอสซินี (1,290 บาท++) ที่ใช้ชื่อ “รอสซินี” เพราะเป็นชื่อของนักประพันธ์เพลงโอเปร่าชื่อดังวชาวอิตาเลียน ซึ่งมีรสนิยมในการกินอาหารชั้นเลิศ เมนูนี้เก่าแก่ยาวนานถึง 200 ปีมาแล้ว พอเอ่ยชื่อเมนูนี้ ทุกคนจะต้องรู้ว่าปรุงด้วยตับห่านและเห็ดทรัฟเฟิล

ส่วนเนื้อที่ใช้นั้น เชฟเลือกใช้เนื้อสันในหรือเทนเดอร์ลอยด์แองกัสจากทัสมาเนีย อายุ 150 วัน น้ำหนัก 200 กรัม เนื้อย่างแบบสุกนอกแต่เนื้อในยังชุ่มด้วยน้ำเนื้อ อายุเนื้อประมาณนี้จะนุ่มเคี้ยวสบาย เวลาจัดวางจะรองด้านล่างด้วยผักโขม ฟัวกราส์จากฝรั่งเศส ท็อปด้านบนด้วยแบล็กทรัฟเฟิลสไลด์บางๆ ส่วนซอสเป็นไวน์แดง ขอแนะนำให้กินทุกอย่างในคำเดียวจะได้อรรถรสล้ำเลิศ
ส่วนขนมหวานปิดท้ายดินเนอร์มื้อนี้เป็น แอปเปิลกรัมเบิ้ลราดซอสซาบาโยเน่ (250 บาท++) ใช้แอปเปิลเขียวสับหยาบๆ ผัดกับเนย น้ำตาลทรายแดง ซินนามอน ส่วนซอสซาบาโยเน่เป็นไข่แดงผสมน้ำตาลตีบนไอน้ำจะขึ้นฟูเบา เมนูนี้กินกับไอศกรีมรสวานิลลา หวานเปรี้ยวอร่อยชื่นใจ

ห้องอาหารเมดิซี่ ตั้งอยู่ถนนหลังสวน เปิดบริการมื้อเที่ยวเวลา 12.00-14.30 น. และมื้อเยเวลา 18.00-22.00 น. แนะนำให้โทร.จองล่วงหน้าที่ 0-2630-4000
 
Text by : ปราณ ชีวิน
Photo by : วรงค์กร ดินไทย

Comments are closed.

Pin It