Dining Out

Sunday Brunch ที่ Flow สุดจะคุ้มจุงเบย!!!!!

Pinterest LinkedIn Tumblr

รองท้องด้วยอาหารว่างที่“ทรีซิกตี้” เป็นแจ๊ส เล้าจน์ บนชั้น 32 ของโรงแรมฯ
ผู้เขียนไม่รู้ว่าฝรั่งมีอาหารมื้อที่เรียกว่า Sunday Brunch หรือเปล่า แต่สำหรับโรงแรมหรูในกรุงเทพฯนั้นอาหารมื้อพิเศษนี้ที่รวบมื้อเช้าและมื้อกลางวันเข้าด้วยกันนั้นกำลังฮิตมากในขณะนี้ เพราะเหมาะกับไลฟสไตล์คนไทยที่ชอบตื่นสาย ๆ ในวันอาทิตย์แล้วพาครอบครัวหรือนัดเพื่อนฝูงไปทานข้าวกันสบาย ๆ นั่งชิว ๆ กินอาหารได้ตั้งแต่ 11 โมงไปจนถึงบ่าสามโมง แถมจ่ายในราคาเดียว
ตอนนี้หลาย ๆ โรงแรมก็เลยหันมาแข่งกันทำ Sunday Brunch กันเป็นแถว สุดแต่ว่าใครจะงัดอะไรมาดึงดูดลูกค้า โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ ถือเป็นรายล่าสุดที่มาทำ Sunday Brunch กับเขาเหมือนกัน ในชื่อว่า“บรันช์ ออน เดอะ ริเวอร์” เพราะดึงจุดเด่นที่เป็นโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา นั่งทานอาหารบุฟเฟ่ต์แล้วดูวิถีชีวิตที่อาศัยอยู่บนสายน้ำเจ้าพระยาไปด้วย
มุมสลัด โปรดสังเกตุใบผักที่ทั้งใหญ่และสดมาก
“บรันช์ ออน เดอะ ริเวอร์” เป็นบุฟเฟ่ต์ในสนนราคาที่ 1,999 บาท ++ หรือถ้าต้องการดื่มไวน์บุฟเฟ่ต์(คือดื่มได้ตลอด) ราคา 2,999 บาท ++ และในช่วงนี้จนถึง 31 ธันวาคม ปีนี้ ทางโรงแรมจัดโปรโมชั่นแบบFull Option แบบจัดหนักจัดเต็มรียกว่าถ้าใช้บริการทั้งหมดถือว่าคุ้มสุด ๆ
ซันเดย์ บรั้นช์ที่อื่น ๆ มาถึงก็ทานเลย แต่ที่นี่เริ่มเวลา 11 โมง ให้ลูกค้าขึ้นไปอุ่นเครื่องแบบสบาย ๆ ก่อนได้ที่ “ทรีซิกตี้” เป็นแจ๊ส เล้าจน์ บนชั้น 32 ของโรงแรมฯ ที่สามารถมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาจากมุมสูงแบบ 360 องศา เรียกว่าดูแบบเต็ม ๆ ตา พร้อมเสิร์ฟนานาชนิดให้เลือกสั่ง แถมยังมีอาหารทานเล่นมาเสิร์ฟอีกคนละชุด แต่อย่าเพลินจนทานอิ่มเกินไป เพราะศึกใหญ่ยังรออยู่ด้านล่างที่ห้องอาหารโฟลว์
แฮมที่ยกมาทั้งขาเลย
สำหรับบุฟเฟ่ต์นานาชาติที่ห้องโฟลว์เปิดประมาณเที่ยงตรงสามารถนั่งทานได้จนถึง 4 โมงเย็น หลังจากเลือกที่นั่งตามใจชอบแล้ว (มีทั้งอินดอร์กับopen air ) ขอแนะนำให้เดินชมอาหารรอบหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจทาน เพราะอาหารมีมากมายจนเลือกกินไม่ถูก เดี๋ยวทานอิ่มไปแล้วจะเสียดายว่ายังมีของชอบอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทาน โดยเฉพาะขนมหวานและชีสก็รวมอยู่ในราคานี้ด้วย
เดินเข้ามาในห้องอาหารจะเจอมุมซีฟู้ดด้านขวามือเป็นอันดับแรก ทั้งกุ้งตัวโต หอยนางรมสด ๆ จากฝรั่งเศส ปูอลาสก้า รวมทั้งกั้ง ฯลฯ.แช่อยู่ในน้ำแข็งรอให้ลูกค้าเลือกตามใจชอบ แถมมีสารพัดซอสเป็นเครื่องจิ้ม โดยเฉพาะน้ำจิ้มซีฟู้ดที่ขาดไม่ได้ ที่นี่ปรุงได้รสแซบเหลือหลาย
ปูอลาสก้าจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ด
อยู่อีกด้านเป็นสลัดที่จะปรุงใหม่สดให้ลูกค้า อย่าลืมทานซีซาร์สลัดรสชาติเข้มข้นผักสดหวานกรอบ แถมตักtoppingได้ตามใจชอบ จะเพิ่มชีส เบคอนทอดหรือขนมปังทอดก็ตามแต่ใจเลย ใครที่ชอบแฮมหรือโคลด์คัทก็มีให้เลือกหลากหลาย เดินเรื่อย ๆ ไปจะเป็นมุมอาหารยุโรป ในแต่ละสัปดาห์จะมีจานเด่นไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ได้มา อย่างอาหารสุขภาพวันที่ไปชิมเป็นปลาแซลมอนน่าทานมากเนื้อสีส้มสดมีริ้วไขมันแทรกเป็นลายหินอ่อน จานเด่นของวันนั้นเป็นปลาแซลมอนทอดในน้ำมันมะกอกแบบสโลว์เบค เพื่อให้เนื้อปลานุ่มฉ่ำน้ำที่หวานยังซ่อนอยู่ในเนื้อปลา ราดด้วยครีมซอสสีเขียวที่ทำจากผักรอคเก็ตและไวท์ไวน์ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการด้วยผักโขม จานนี้อร่อยเหลือหลาย
ปลาหิมะนึ่งมะนาว
มุมอาหารไทยนำมาจากห้อง maya มีตั้งแต่สาคูปากหม้อเอาไว้ทานเล่น หรือจะทานแบบจริงจังก็มีข้าวเหนียวส้มตำ แกงเขียวหวาน ยำ ฯลฯ. ส่วนแมนูพิเศษในวันนั้นมีให้เลือกสั่ง เช่น ส้มตำปูนิ่ม เมี่ยงคำ ปูผัดผงกะหรี่ ปลาหิมะนึ่งมะนาว ผัดผักกระเฉดไฟแดง เป็นต้น
อาหารจีนจากห้องหยวนนอกจากติมซำที่ต้องลิ้มลองความเด้งของเนื้อกุ้ง หมูหัน หมูแดง หมูกรอบ ยังมีซิกเนเจอร์หรือจานเด่นมาให้เลือกสั่ง เช่น เนื้อผัดพริกไทยดำ หอยเชลตัวโตผัดซอสเอ็กซ์โอ ปูอบวุ้นเส้น เป็นต้น
อีกมุมที่ลูกค้าแวะเวียนไปไม่ขาดคืออาหารญี่ปุ่นมีเชฟมาปั้นซูชิกันใหม่สด อยากทานข้าวปั้นหน้าอะไรสั่งได้เลย หรือขี้เกียจรอก็มีสารพัดข้าวปั้นให้เลือกตัก ส่วนใครชอบปลาดิบมีทั้งแซลมอน ทูน่า ฮามาจิ ปลาไหล ปลาหมึกยักษ์ หรืออยากทานรวม ๆ ก็สั่งให้มาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารได้
เมี่ยงคำ
ผู้เขียนขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งทานอิ่ม เพราะไฮไลต์เด็ดอีกอย่างอยู่ที่ขนมหวานที่ไม่ใช่เพียงจัดอยู่ในบุฟเฟ่ต์ไลน์เท่านั้น แต่ที่นี่เสิร์ฟกันทั้งร้านขนมหวานเลย เห็นพ่อแม่ผู้ปกครองจูงลูก ๆ ข้ามจากห้องโฟลว์ไปที่ห้อง The Lantern ซึ่งเป็นร้านเค้กและชอกโกแลต จะบอกให้ว่าทั้งร้านนี้เป็นของคุณเลยหล่ะ
ธันดูว์ไก่ย่าง จากมุมอาหารอินเดีย
สามารถเลือกสารพัดเค้กที่อยู่ในตู้มาทานได้ทุกชิ้น เชฟห้องนี้เป็นชาวสวีสที่เก่งขึ้นชื่อเรื่องขนมหวานดังนั้นรับรองว่าเด็ก ๆ จะสนุกเพลิดเพลินจนไม่อยากออกจากห้อง ไม่ว่าจะเป็นฟองดูว์ ฟาวเท่นที่ให้เลือกผลไม้มาจิ้มกับชอกโกแลต มีวาฟเฟิลที่ทำใหม่ ๆ สด ๆ และไอศกรีมเทปันยากิ หรือไอศกรีมผัดที่เด็ก ๆ เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะต้องขอลงมือขอเป็นพเชฟเอง อีกอย่างที่ขายดีคือไอศกรีมสปาเก็ตตี้โดยนำไอศกรีมไปกดในเครื่องทำพาสต้าออกมาเป็นเส้น ๆ นอกจากนี้ยังมีชอกโกแลตของแท้มาเสิร์ฟกันแบบไม่อั้น
ปลาแซลมอนเนื้อสีส้มน่ากินมาก
ถ้ายังเหลือพื้นที่ในกระเพาะอยู่บ้าง ขอแนะนำให้ไปหาประสบการณ์เกี่ยวกับชีสที่ Cheese Room ที่มีสารพัดชีสจากทุกมุมโลกกว่า 50 ชนิด เริ่มตั้งแต่ชีสธรรมดาไปจนถึงชีสที่ทำจากวัตถุดิบแปลก ๆ โดยชีสแต่ละก้อนจะมีป้ายเขียนให้ความรู้ ใครรู้มั๊ยว่าชีสจะมีเครื่องเคียงเป็นถั่วและผลไม้อบแห้งหรือผลไม้ส ซึ่งเลือกกินได้มากมายในห้องนี้ และถ้าใครเลือกชีสในรสชาติที่ถูกใจแล้วขอแนะนำให้ลองเลือกไวน์สักแก้วที่กินคู่กับชีสจะช่วยให้รสชาตินุ่มละมุนขึ้น
โปรโมชั่นนี้จะมีไปจนถึงสิ้นเดือนธันวาคมนี้เท่านั้น สนใจสำรองที่นั่งที่โทรศัพท์ +66 (0) 2442 2000
เมนูเพื่อสุขภาพ
 เข้าสู่โหมดอาหารญี่ปุ่น

ทั้งหมดนี้คือขนมหวานที่สามารถเลือกทานได้ทุกชิ้น

อาหย่อยค่ะ
เด็ก ๆ กำลังรอทานไอศกรีมเทปันยากิจากเชฟชาวสวิส


Comments are closed.

Pin It