Dining Out

ความอร่อยดั้งเดิมของอาหารญี่ปุ่นแบบล้ำสมัยกับ “ซูม่า”

Pinterest LinkedIn Tumblr


>>ร้านอาหารญี่ปุ่น “ซูม่า (ZUMA)” ตั้งอยู่ภายในโรงแรมเซนต์รีจิส กรุงเทพฯ ชั้น G เชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชดำริ ซึ่งแม้ ”ซูม่า” จะตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศใจกลางเมืองอันแสนวุ่นวาย แต่บรรยากาศในร้านกลับทำให้รู้สึกง่ายๆ สบายๆ เข้าถึงความมีเอกลักษณ์อันหลากหลาย ในสไตล์ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ถ่ายทอดต้นตำรับความเป็นญี่ปุ่นออกมาอย่างครบถ้วนด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัยตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่ยังคงซึ่งรสชาติและกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆแบบดั้งเดิมเอาไว้

ภายในร้านตกแต่งอย่างพิถีพิถันด้วยวัสดุจากธรรมชาติที่เน้นการรวมตัวในคอนเซปท์ของธาตุทั้งสี่ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ โต๊ะที่นั่งที่ถูกจัดวางให้ไฟส่องลงมาตรงกลางอย่างพอดี ประดับภายในร้านด้วยโคมไฟตั้งพื้นสีเหลืองแดงและผ้าไหมไทยวิจิตรสีแดงแบบธาตุไฟที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ภายนอกร้านมีสวนญี่ปุ่นและบ่อน้ำเล็กๆกับหินธรรมชาติที่ขนมาตกแต่งกันจากเชียงใหม่ให้บรรยากาศธรรมชาติสบายๆ ไม่ว่าจะมากันเป็นหมู่คณะ มาดินเนอร์กันสองต่อสอง หรือมาเป็นครอบครัว ทางร้านก็มีพื้นที่เหลือเฟือกว่า 200 ที่นั่งจัดสรรไว้อย่างลงตัว ทั้ง Private Dining Room เคาท์เตอร์บาร์ หรือเทอร์เรซที่สามารถสูบบุหรี่ได้ ก็ถูกจัดแยกไว้อย่างเป็นสัดส่วนเหมาะกับการมาสังสรรค์ในทุกโอกาสแน่นอน

ซูม่าได้รับแรงบันดาลใจจากการทานอาหารแบบไม่เป็นทางการหรือที่เรียกว่า อิซากายะ ซึ่งคนญี่ปุ่นนิยมแวะทานอาหารง่ายๆ หลังเลิกงานแบบเป็นกันเองในบรรยากาศที่ครึกครื้น โดยมักจะสั่งเบียร์หรือสาเกทานคู่กับอาหาร ไม่ว่าจะเป็นปิ้งย่างหรือเมนคอร์ส ร้านได้นำเอาหัวใจของอิซากายะสไตล์คือการเสิร์ฟอาหารแบบต่อเนื่องและเป็นอาหารที่แชร์กันระหว่างโต๊ะมาปรับใช้ สร้างเสริมบรรยากาศที่เป็นกันเองและสนุกสนานระหว่างมื้ออาหาร นอกจากนี้ยังนำไอเดียดั้งเดิมจากการทำอาหารรอบกองไฟของคนญี่ปุ่นมาประยุกต์ให้ทันสมัย โดยเลือกใช้ถ่านสำหรับเตาปิ้งย่างโรบาตะในการสกัดรสชาติแท้ๆของวัตถุดิบนั้นๆ ออกมา จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ซูม่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นร่วมสมัยที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก

อาหารแต่ละจานของซูม่าก็ทำได้อย่างประณีตตั้งแต่การสร้างงานศิลป์บนจาน ที่ทั้งตกแต่งอาหารอย่างพิถีพิถันน่ารับประทานและตื่นตาตื่นใจ ไปจนถึงภาชนะในแบบฉบับของซูม่าที่รังสรรค์ขึ้นมาเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพียงเท่านั้น ทั้งอุณหภูมิ รสชาติและความมีมิติที่เชฟใส่ลูกเล่นลงไปในอาหารทุกคำก็ทำให้ทานแล้วรู้สึกเซอร์ไพรส์กับรสชาติของอาหารที่มีกลิ่นอายของวัฒนธรรมญี่ปุ่นเก่าแก่ผสมผสานกับความโมเดิร์นอย่างลงตัวที่เป็นเสน่ห์ของที่นี่ ต้องบอกเลยว่าพลาดไม่ได้จริงๆ กับเมนูอาหารและเครื่องดื่มใหม่ๆ ของร้าน

เมนูเด่นประจำร้านก็คือ ปลาแบล็กคอดหมักซอสมิโซ ที่ใช้เวลาในการหมักถึง 4 วัน ทานกับซอสยูซึที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานลงตัว อีกเมนูหนึ่งที่เลือกใช้รสหวานหอมกลมกล่อมของปลาแบล็กคอดมาทำก็คือ เกี๊ยวซ่าไส้ปลาแบล็กคอดและกุ้ง นอกจากนี้ยังมีเมนูซูชิเด็ดๆ แบบที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครอย่าง ข้าวปั้นเนื้อวากิวทาทาร์พร้อมไข่ปลาคาเวียร์ ที่ใช้หัวไช้เท้าบางๆ ห่อแทนสาหร่าย รสชาติอร่อยติดลิ้น, ชุด Special Nigiri รวมข้าวปั้นรสเลิศหลากสไตล์ได้แก่ ข้าวปั้นหน้าปลาทูน่าติดมันพร้อมซอสวาฟู, ข้าวปั้นหน้าปลากะพงขาวพร้อมซอสเยลลี่โทซาซู, ข้าวปั้นหน้าแซลมอนลนไฟพร้อมไข่ปลาและรากบัวทอด, Spicy Otoro Maki ข้าวห่อไส้ปลาทูน่าส่วนท้องปรุงด้วยรสเผ็ดแบบตะวันออกจากพริกญี่ปุ่น ความอร่อยสุด Exclusive ที่ไม่มีให้สั่งในเมนู เรียกได้ว่าเป็นเมนูสุด Special ที่อร่อยจนลูกค้าเล่ากันแบบปากต่อปากต่อๆ กันให้มาสั่งเลยทีเดียว

เมนูใหม่อีกเมนูของซูม่าที่ต้องสั่งก็คือ Beef tatare with nori toast, shiso and lotus crisps เป็นเนื้อหั่นละเอียดผสมหอมใหญ่ แตงกวา งาดำ งาขาว เสิร์ฟพร้อมสาหร่ายกรอบและเครื่องเคียงอย่าง ขนมปังปลาหมึกสีดำและใบชิโซ ทานพร้อมกันแบบเมี่ยง อร่อยกับเนื้อสัมผัสที่ทั้งนุ่มและกรุบกรอบในคำเดียวกัน, Chilean Seabass with green chili ginger dressing ปลากะพงย่างเสิร์ฟพร้อมน้ำสลัดขิงและพริกหยวกที่มีรสอร่อยลงตัวระหว่างเนื้อปลานุ่มๆ และพริกเขียวครีมซอสมายองเนส เครื่องดื่มที่นี่ก็พลาดไม่ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Zuma Ice Tea ชาเขียวกับเสาวรสและแอปเปิลรสเปรี้ยวติดลิ้น, Yoshi Nura เครื่องดื่มซ่าๆ รสชาติสดชื่นเข้ากับอาหารได้เป็นอย่างดี ตบท้ายกันด้วยของหวานกับ Benzaiten Dessert Platter ช็อกโกแลตสูตรพิเศษสไตล์ซูม่าและคัสตาร์ดหน้ามะม่วงและมะพร้าวอ่อนราดฟองเสาวรส เสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีมวานิลลาและชาเขียวสุดอร่อยที่ทางร้านทำเอง
ปลาแบล็กคอดหมักซอสมิโซ
ซูม่าเปิดบริการเป็น 2 ส่วนคือส่วนของร้านอาหารเปิดให้บริการวันอาทิตย์-พุธ ช่วงมื้อเที่ยง 12.00-15.00 น. มื้อเย็น 18.00-23.00 น. ซึ่งในวันพฤหัสบดี-เสาร์ขยายเวลาช่วงมื้อเย็นจนถึงเวลา 23.30 น. ในส่วน Lounge and Bar เปิดบริการในวันจันทร์-พฤหัสบดีช่วงเวลา 12.00-00.00 น. และในวันศุกร์กับเสาร์ขยายเวลาปิดไปจนถึง 01.00 น.

โปรโมชันสุดพิเศษ “Happy Hour” ของซูม่าที่พลาดไม่ได้ ในช่วงเวลา 15.00-21.00 น. ของทุกวัน จะให้บริการเครื่องดื่มไวน์ขาวและไวน์แดงราคาเพียง 100 บาทต่อแก้ว หรือ 600 บาทต่อขวด พร้อมต้อนรับสาวๆ ด้วยโปรโมชัน “Ladies' night” ให้สาวๆ รับฟรีทันทีไวน์ขาวหรือไวน์แดง เมื่อมานั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ระหว่าง 21.00-23.00 น. ของทุกๆ วันพฤหัสบดี ใครอยากลองแวะไปสัมผัสเสน่ห์แห่งบรรยากาศและอาหารที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวแบบซูม่า ติดต่อสำรองที่นั่งและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2252-4707 หรือ http://www.zumarestaurant.com
ข้าวปั้นเนื้อวากิวทาทาร์พร้อมไข่ปลาคาเวียร์
เกี๊ยวซ่าไส้ปลาแบล็กคอดและกุ้ง
Spicy Otoro Maki
Special Nigiri
Beef tatare with nori toast, shiso and lotus crisps
Chilean Seabass with green chili ginger dressing
Benzaiten Dessert Platter
ภาชนะอันเป็นเอกลักษณ์ลิขสิทธิ์โดยเฉพาะของร้าน




Comments are closed.

Pin It