Dining Out

เปิดสำรับอาหารไทย by เชฟมอร์เทิน ที่เบญจรงค์

Pinterest LinkedIn Tumblr

เชฟมอร์เทิน นีลเซิน
ด้วยเสน่ห์ของอาหารไทยที่มีความสุนทรีย์รสและผูกโยงกับวิถีชีวิตคนไทยอย่างแนบแน่น จึงมีฝรั่งต่างชาติจำนวนไม่น้อยที่หลงใหลจนกลายเป็นเชฟอาหารไทย แถมทำหน้าที่ช่วยเผยแพร่ความอร่อยของอาหารไทยให้ดังไปทั่วโลก อย่างเดวิด ทอมป์สัน มิชลินสตาร์หนึ่งดาวเจ้าของร้านน้ำ Nahm ที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักความจัดจ้านของอาหารไทย
และถ้าจะมีเชฟฝรั่งที่รักการทำอาหารไทยเพิ่มมาอีกหนึ่งคนก็คงเป็นเรื่องดีไม่น้อย เขาชื่อ มอร์เทิน นีลเซิน (Morten Nielsen) เชฟหนุ่มรูปหล่อชาวเดนมาร์คที่เริ่มจากความสนใจกลายมาเป็นความหลงใหลและสั่งสมความชำนาญในการทำอาหารมากกว่า 12 ปี โดยเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำอาหารไทยจากร้านอาหารระดับแนวหน้าถึง 3 แห่ง
ต้มยำกุ้ง
โดยเริ่มจาก ห้องอาหารน้ำ (Nahm) ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นห้องอาหารไทยชื่อดังที่มีรางวัลดาวมิชลิน 1 ดาว การันตีความอร่อย และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหลงใหลในอาหารไทยและเชี่ยวชาญการทำอาหารไทย หลังจากนั้นเชฟมอร์เทินยังได้รับเชิญให้เป็นหัวหน้าเชฟที่ ห้องอาหาร กิน กิน (Kiin Kiin) ที่เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งเขาได้นำทีมให้ห้องอาหาร กิน กิน นี้ ได้รับรางวัลดาวมิชลิน 1 ดาว เชฟมอร์เทินดำรงตำแหน่ง เชฟเดอคูซีน ที่ ห้องอาหาร สระบัว บาย กิน กิน (Sra Bua by Kiin Kiin) ในประเทศไทย ก่อนที่จะมาร่วมงานกับ ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล
ยำปลาดุกฟูใส่มะม่วงและคัสตาร์ดรสต้มยำใส่เนื้อปู
ล่าสุดเชฟมอร์เทินย้ายมาเป็นพ่อครัวใหญ่ของ ห้องอาหารเบญจรงค์ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยภารกิจของเขาคือการปรับโฉมห้องอาหารไทยที่มีอายุกว่า 40 ปี ให้ดูเป็นร้านอาหารไทยร่วมสมัย Thai Modern Contemporary
ใครที่เคยมารับประทานอาหารไทยที่ห้องนี้ ถ้าแวะมาอีกครั้งคงสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเริ่มจากหน้าตาของอาหารที่ดูร่วมสมัย แต่รสชาติความเป็นอาหารไทยยังจัดจ้านครบถ้วน เพราะนอกจากเครื่องปรุงและรสชาติอาหารต้องเป็นไทยเป๊ะแล้ว เชฟฝรั่งยังเน้นความสดใหม่ของวัตถุดิบ อย่างพริกแกงทุกชนิดโขลกเองทุกวันจะได้ความหอมของสมุนไพรสด ๆ อันเป็นเสน่ห์ของอาหารไทย
เมนูใหม่ของห้องอาหารเบญจรงค์แบบอะลาคาด(ตามสั่ง) แบ่งเป็น 5 หมวด คือ ทานเล่น ซุป สตาร์ทเตอร์ จานหลักและอาหารที่ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ
แกงเขียวหวานซี่โครงเนื้อตุ๋น
เมื่อนึกถึงอาหารไทยจานแรกคงไม่พ้น “ต้มยำกุ้ง” ( 340 บาท ++ ) แต่ซุปรสแซบของเชฟมอร์เทินถ้วยนี้ต้องบอกว่าแปลกใหม่ในการนำเสนอมาก เพราะหน้าตาเหมือนซุปแห้ง ๆ ที่ไม่ได้เติมน้ำต้มยำมาด้วย
โดยใช้กุ้งแม่น้ำมาหั่นเป็นชิ้นพอคำแล้วนำไปทอดให้พอสุก วิธีนี้จะทำให้กลิ่นของเนื้อกุ้งหอมตลบอบอวลไปทั่ว ยิ่งได้มะนาวสด ๆ ที่บีบลงในถ้วยก่อนเสิร์ฟ กลิ่นกุ้งผสานกับความหอมของมะนาวสด ผสมเป็นกลิ่นรสของต้มยำกุ้งลอยมาตั้งแต่ยังไม่ได้สัมผัสเลย จากนั้นเชฟก็รินซุปน้ำใสใส่น้ำพริกเผาลงไป ซดโฮกเดียวจัดจ้านถึงรส 3แซบคือ เปรี้ยว เผ็ด เค็ม ครบรส
ยังไม่จบเพียงเท่านี้ อาหารไทยต้องมีเครื่องเคียงใช่มั๊ยะ!! เชฟจัดเต็มเครื่องเคียงแสนหรู เป็นคัสตาร์ดไข่ตุ๋นรสชาติต้มยำที่มีเนื้อปูผสมลงไป ทานคู่กับยำปลาดุกฟูกรอบ ตัก 2 อย่างใส่ปากเคี้ยว ๆ ได้รสเปรี้ยวหวานหอม อร่อยล้ำจริง ๆ

สันคอหมูพะโล้
แกงเขียวหวานซี่โครงเนื้อตุ๋น ( 470 บาท++ ) เสิร์ฟมาบนชามใหญ่เกือบเท่ากาละมัง เชฟ เลือกใช้เนื้อติดซี่โครงเพราะจะทำให้น้ำเนื้อฉ่ำกว่าเนื้อที่ตุ๋นเป็นก้อน ๆ ความยากอยู่ที่การตุ๋นเนื้อให้เปื่อยซึ่งต้องใช้เวลาถึง 72 ชั่วโมง เนื้อถึงเปื่อยนุ่มกำลังเคี้ยว ลองซดน้ำแกงเขียวหวานดู ตายแล้ว!!ถ้าไม่บอกว่าฝรั่งทำจะนึกว่าเป็นสูตรชาววังเพราะหอมละมุนทั้งพริกแกงสดที่โขลกใหม่ ๆ กับเครื่องเทศที่ใส่ลงไปโขลกด้วย ใครเห็นแกงถ้วยยักษ์นี้แล้วต้องรีบขอข้างสวยร้อน ๆ มาด่วน

ซี่โครงหมูกรอบหวาน
เมนูที่ 3 พอเสิร์ฟมาบนโต๊ะเรียกเสียงฮือฮาจากเหล่านักเปิบทั้งโต๊ะ ขนาดต้องอุทานว่า “อะไรน่ะ ใหญ่มาก ๆ ” เพราะมันคือ “แกงมัสมั่นน่องแกะ” ( 690 บาท ++) ซึ่งเชฟใช้น่องแกะทั้งชิ้น( น้ำหนักน่าจะไม่ต่ำกว่า 2 กิโลกรัม) ไปตุ๋น 72 ชั่วโมงหรือ 3 วันจนได้เนื้อติดกระดูกที่นุ่มละมุนลิ้น ส่วนน้ำแกงมัสมั่นมีรสชาติเปรี้ยว หวาน เค็มครบรส มีเม็ดบัวที่ใช้แทนถั่วลิสง เป็นอีกจานที่ไม่สั่งแล้วจะเสียดาย

ไส้อั่วไก่
สันคอหมูพะโล้ ( 470บาท ++) งานถนัดของเชฟ คือการตุ๋นหรือเคี่ยวของเหนียวให้มีความนุ่มพอดีเป๊ะ!! คือนานกว่านี้ก็เละแต่ถ้าน้อยกว่านี้ก็เหนียว ที่ชอบคือกลิ่นหอมของน้ำพะโล้ที่ราดลงไปบนสันคอหมู ให้ความอร่อยแบบลงตัวมาก ๆ
เชิญลิ้มลองความอร่อยกับเมนูอาหารไทยแนวร่วมสมัยได้แล้ววันนี้ ที่ห้องอาหารไทยเบญจรงค์ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯบริการตั้งแต่ 12.00 – 14.30 น. และ 18.00 – 22.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ 02 200 9000 ต่อ 2699

***เบญจรงค์ ซิกเนเจอร์ Tasting Journey***
เมนู 1 ปลาหมึกทอดขมิ้น ,หอยเชลล์ปรุงรสและมะละกอในน้ำกะทิ , หมูอบราดน้ำจิ้มมะเขือเทศรมควัน
เมนู 2 ต้มยำกุ้ง , ยำปลาดุกฟูใส่มะม่วงเขียวและคัสตาร์ดรสต้มยำใส่เนื้อปู
เมนู 3 ยำเนื้อวากิวกับเมลอนและแยมพุดดิ้ง
เมนู 4 อกเป็ดย่างราดน้ำมันหอยเสิร์ฟพร้อมมะเขือยาว กะหล่ำปลีและเกี๊ยวกรอบ
เมนู 5 ไอศกรีมโหระพาใส่เนื้อสับปะรดเสิร์ฟพร้อมเมอแรงรสเค็ม
ปิดท้าย กาแฟและชา พร้อมขนมหวานพิเศษของเบญจรงค์
ราคา 1,700 บาท++ / คน

Comments are closed.

Pin It