ART EYE VIEW—ภาพภายนอกที่ดูจะขัดแย้งกับความคิด ความเชื่อภายในของสมาชิกวงดนตรีฮิปฮอป บุดด้า เบลส (Buddha Bless) ไม่ใช่แค่เรื่องสนใจธรรมะที่หลายคนทราบดีว่าพวกเขาพยามจะเสนอผ่านเนื้อร้องของเพลงแต่ละเพลงมาโดยตลอด
แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่อยากจะพูดกับสังคม เป็นต้นว่า สนับสนุนให้ “ดื่มนม” แทนการ “ดื่มเหล้า” ยืนยันได้จาก Single นม อัลบั้มใหม่ล่าสุดที่เพิ่งออกมา
“จริงๆแล้ว หน้าอย่างผม มันน่าจะดื่มเหล้ามากกว่า(หัวเราะ) สมัยก่อนผมก็ดื่มนะ แต่ตอนนี้ด้วยความที่เราเห็นตัวอย่างว่า คนอื่นหรือเพื่อนๆที่ดื่ม หรือแม้แต่ตัวผมเองด้วย เวลาดื่มแล้วจะเสียงดังมีเรื่องมีราว จนเพื่อนในวงต้องคอยบอกว่าเมาแล้วเป็นแบบนี้มันไม่ได้นะ คือบางทีเวลาเมาเราไม่รู้ตัว ในที่สุดก็เลยเลิกดื่ม เพราะว่าคุณพ่อก็มีปัญหาเรื่องการดื่มเหล้าด้วย”
โก๋เอ็ม – กิตติพงษ์ คำสาตร์ หนึ่งในสมาชิกวง บอกเล่า และกล่าวว่าจุดยืนในเรื่องนี้ ไม่ได้สร้างความแปลกแยกให้กับเขา เวลาอยู่ท่ามกลางสังคมเพื่อนที่ย่อมต้องมีนัดพบปะสังสรรค์ผ่านการดื่มเหล้าบ้าง
“ผมว่ามันหมดยุคแล้วล่ะ ที่ว่า ไม่ดูดบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้ามันไม่เท่ห์ แล้วผมโชคดีที่ผมอยู่ในวงสังคมที่พูดถึงเรื่องความสามารถมากกว่า Skillในการดื่มเหล้าหรือดูดบุหรี่ เพราะฉนั้นเพื่อนผมหลายๆคนก็ไม่ดื่มนะ แล้วเวลาไปเที่ยวกัน เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาเลย
ดังนั้นผมอยากจะบอกทุกคนว่า อย่าส่งเสริมว่าการดูดบุหรี่ การดื่มหล้า มันเท่ห์ ดูกันเรื่องงานดีกว่า เพราะค่าของคนอยู่ที่ผลงาน”
โก๋เอ๋ม สรุปสั้นๆ ขณะที่คนฟังก็อดที่จะซักต่อไม่ได้เกี่ยวกับแรงบันดาลใจในการเนรมิตทรงผมแนวมันส์ๆมาร่วมงาน แถลงข่าว “ศิลป์สรรสยาม” ซึ่งงานนี้เขาไม่ได้มาในฐานะนักร้อง แต่มาในฐานะกราฟฟิตี้หนุ่มผู้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงาน กับศิลปินกราฟฟิตี้ไทยและต่างประเทศรวม 28 คน บนเนื้อที่ 63 ไร่ ของ สยามสแควร์
“เป็นทรง Davil (ซานตานหรือปีศาจ) เพราะผมอยากจะทำตัวแย่… ไม่ใช่(หัวเราะ) เป็นแฟชั่นมากกว่าครับ เพราะผมเป็นนักร้อง บางทีการแต่งตัว การเลือกทรงผม มันก็เป็นการให้เกียรติคนดู เขาอาจจะไม่ได้อยากฟังเพลงของเราอย่างเดียว แต่อาจจะอยากดูการแต่งตัวของเราด้วย”
แต่ถ้าใครอยากจะชมผลงานกราฟฟิตี้ของเอ็มผ่านกิจกรรมครั้งนี้ ที่แอบมี “เฟอร์บี้” ของเล่นในกระแส มาแทรกเป็นส่วนหนึ่งของผลงานด้วย
“ผมอยากจะสื่อสารกับประชาชนทั่วไปในสังคม เกี่ยวกับเรื่องของสัตว์ เพราะผมรู้สึกว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ในเมืองหรือว่าตามต่างจังหวัด เรากำลังบุกรุกพื้นที่ป่า แล้ววันหนึ่งผมเชื่อว่าสัตว์ป่าจะกลับมามีบทบาทมากขึ้น”
รวมไปถึงเรื่องราวของ “อุกกาบาต” ที่เขายอมรับว่าส่วนตัวรู้สึกใจหายใจคว่ำ กับข่าวคราวการพุ่งชนโลกของเจ้าสิ่งนี้ไม่ต่างกับหลายๆคน
“ผมว่าทุกคนน่าจะรู้สึกอยู่ลึกๆ เหมือนกันว่า มันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่จริง ผมเอามาเป็นมุกหนึ่งในการทำงาน ดังนั้นส่วนหนึ่งของงาน จึงมีดาวหาง มีอุกกาบาต เสมือนว่ามีมนุษย์ต่างดาวมาบุกโลก
ผมว่าข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องนี้มันน่าตกใจนะ เหมือนมันเข้าใกล้ความจริงเข้าทุกที มีกระแสในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ที่เขาตื่นเต้นกัน แล้วตัวเราก็รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย เหมือนเราได้ดูหนังARMAGEDDON (วันโลกวินาศ) เมื่อหลายปีก่อน ภาพมันเหมือนจริงขึ้นเรื่อยๆ มันไม่ใช่การตัดต่อในหนังอีกแล้ว แต่มันคือสิ่งที่กลายเป็นข่าวทั่วโลกจริงๆ มันน่าขนลุกดี แล้วถ้าวันหนึ่งถ้ามันเกิดการเปลี่ยนแปลง คนจะรับกันได้ไหม ผมเชื่อว่าทุกอย่างมันเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ งานของผมจึงสื่อออกมาอย่างนั้น วันหนึ่งโลกของเราจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง”
ไม่น่าแปลกใจที่หนุ่มคนนี้จะวางไมค์มาทำงานกราฟฟิตี้บ้าง เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพเดิมที่ทำมาก่อนจะมาเป็นนักร้อง
“ผมทำงานอาร์ตเป็นอาชีพ ก่อนจะเป็นนักร้องครับ เคยเขียนแอร์บรัช ทำกราฟฟิตี้ แล้ววันหนึ่ง ศิลปะก็นำพามาเจอเพื่อน ได้ร่วมงานกัน
แล้วกราฟฟิตี้มันเป็น Element ของ ฮิป ฮอป แนวดนตรีที่ผมทำอยู่ด้วย พวกเพื่อนๆพี่ๆที่รู้จักกันตอนนี้ เรามีศิลปะเป็นตัวกลางด้วยซ้ำไป”
เพียงแต่ว่าพักหลังอาจจะไม่ค่อยได้มีโอกาสออกไปพ่นสเปรย์ฝากผลงานเอาไว้ตามตึกร้างหรือสถานที่ต่างๆ และเริ่มคำนึงถึงความรู้สึกของเจ้าของสถานที่และชุมชนโดยรอบ
“จะไม่ค่อยได้ออกไปทำงานข้างนอก และตอนนี้มันไม่ค่อยมีพื้นที่ให้ทำแล้วด้วย การที่ครั้งนี้สยามแสควร์เปิดโอกาสให้ศิลปินมาทำ จึงดีมากๆเลย พื้นที่ๆจะให้ทำกราฟฟิตี้หรือสตรีทอาร์ตไม่ค่อยมีแล้ว สมัยก่อนมีเยอะ สมัยนี้มันน้อยลงมาก ผลงานนี้จึงเป็นการทำงานนอกสถานที่ครั้งแรก ในรอบหลายปีของผม”
เมื่อหลายสิบปีก่อนผมทำอย่างนั้น แต่ว่าตอนนี้เราเริ่มรู้สึกว่า บางทีมันอาจจะมีผลกระทบ ต่อเจ้าของพื้นที่ เขาอาจจะไม่ได้รับรู้ตอนเราไปทำ และด้วยสีด้วยสเปรย์อาจจะมีกลิ่นที่ไปรบกวนชุมชนรอบข้าง
ทำมาหลายปี ผมรู้เลยว่าผลกระทบ มันเกิดขึ้น เพราะฉนั้นถ้าใครคิดจะไปทำในพื้นที่เปิด เหมือนสยามสแควร์อย่างนี้ ควรจะมีการทำเรื่องขออนุญาต พูดง่ายๆอย่าทำให้มันเดือดร้อนใคร เพราะว่าบางทีการทำในพื้นเปิด คือการไปบุกรุกพื้นที่เขาด้วยเหมือนกัน ในเวลาเดียวกัน ผมก็อยากจะฝากไปถึงคนทำงานสตรีทอาร์ตในยุคนี้ด้วยว่า ถ้าเกิดเป็นบ้านของเราเอง ไม่เป็นไร
ผมเคยมีรุ่นน้องคนหนึ่งที่ชอบพ่นกราฟฟิตี้ แต่แล้ววันหนึ่งมันเหมือนกรรม ที่วันหนึ่งถูกคนมาพ่นหน้าบ้านตัวเองบ้าง แล้วจึงได้รู้สึกเลยว่า มันไม่ดีจริงๆกับการไปพ่นในพื้นที่ๆไม่ได้รับการอนุญาต ที่ของคนอื่นเขา มันอาจจะมองดูสวยงาม แต่ถ้าเจ้าของเขาไม่แฮปปี้ มันก็คือการไปทำความเดือดร้อนให้กับเขา”
ที่ผ่านมาโก๋เอ็มจึงเลือกที่จะผลักความชอบในส่วนนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งของงานดนตรีที่ทำอยู่
“อย่างในเรื่องการทำอัลบั้ม ในเรื่องที่เกี่ยวกับงานอาร์ต หรือเอ็มวีตัวใหม่ก็จะมีกราฟฟิตี้เข้าไปอยู่ด้วย ตัวผมเองก็ได้ลงมือพ่นเองด้วยในเอ็มวี ศิลปะกับเพลงมันมีส่วนร่วมกันอยู่แล้ว แล้วผมก็ยังทำอยู่ตลอดเวลา อารมณ์อยากวาดก็วาด”
ถ่ายภาพโดย วารี น้อยใหญ่
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW เซกชัน Celeb Online www.astvmanager.com และ M-Art eye view เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews
Comments are closed.