Art Eye View

ไม่มีอะไรว่างเปล่าแท้จริง : องุ่น เกณิกา สุขเกษม

Pinterest LinkedIn Tumblr

คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม

แม้จะรู้สึกถึงความแช่มช้าในวันและเวลาที่เคลื่อนไป

แต่ในรู้สึกเดียวกันนั้นก็พบสิ่งใหม่ๆ ที่กำลังคืบคลานเข้ามาในทุกๆ วัน

ฉันมองไปที่หลุมศพของสำลี
ต้นไม้เล็กๆ นั้นโตขึ้น
ความโศกเศร้าของฉันจางไป
ในวันเวลาทีีชีวิตดำเนินไปอย่างเรียบง่าย
แต่ไม่ได้เปล่าดาย
มันมีอะไรที่ดำเนินคู่กันไปกับเวลานั้นอยู่ด้วยอย่างช้าๆ
ฉันได้เรียนรู้ถึงการตายของบางสิ่งบางอย่าง
ฉันได้เรียนรู้ถึงการเกิดขึ้นของบางสิ่งอย่าง
ที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของคำว่า “วันและเวลา”


ฉันเรียนรู้ถึงความโศกเศร้าแห่งการพลัดพราก
และเรียนรู้ถึงการปิติยินดีกับสิ่งใหม่ๆ ที่ได้พบ
และมันคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะครอบครองในทุกสิ่งทุกอย่าง
หลายสิ่งหลายอย่างทีทะยอยกันเข้ามาในชีวิตของฉัน
ราวกับจะถูกจัดสรรไว้แล้วด้วยวันและเวลากระนั้น

แรกขณะที่ฉันก้าวผ่านหนทางต่างๆ ที่ผ่านมาแล้วนั้น
ช่างราวกับการยื่นมือไปในอากาศที่ว่างเปล่า
แล้วปล่อยให้ไปตามเข็มทิศแห่งโชคชะตา
และมันยังคงเป็นเช่นนั้นเสมอ
แม้ในกระทั่งทุกวันนี้
และฉันพบว่าไม่มีอะไรที่จะเป็นความว่างเปล่าที่แท้จริง

ในที่ว่างเปล่าเหล่านั้นจะมีบางสิ่งบางอย่างเข้ามาทดแทนกันอยู่เสมอ

ฉันอยากบอกคุณๆ ที่กำลังอยู่ในความกลัวว่า..

“โปรดอย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลงเลย…มันไม่ได้ทำให้เราตายจากโลกนี้ไปหรอก
มนุษย์ที่ชาญฉลาดเช่นเราๆ จะสามารถดำรงตนอยู่ในท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงได้เสมอ”

เพราะเราได้เติบโตขึ้น…แม้บางภาวะเราอาจเห็นแก่ตัวมากขึ้น..แต่บางภาวะเราก็กลับเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ด้วยเช่นกัน


ฉันค้นพบความไม่มีอะไรเป็นตัวตนที่แน่นอนภายในเบื้องลึกของสรรพสิ่ง

บางเวลา ฉันพบว่า ชีวิตราวกับได้รับของขวัญอันแสนพิเศษ ที่มาพร้อมๆ กับเวลาเหล่านั้น และเมื่อมันจากไปหรือเราใช้มันจนหมดสิ้นลง ทุกอย่างก็มิใช่เป็นความว่างเปล่า มันยังคงเหลือร่อยรอยแห่งความงดงามปรากฏไว้ในรูปรอยแห่งจิตใจเสมอ..

ส่วนบางเวลา ที่ชีวิตของฉันต้องประสบเคราะห์ร้ายทุกตรม..ที่ได้ผ่านเข้ามาพร้อมๆ กับวันเวลา และเมื่อมันจากไปหรือจบสิ้นลงไป ทุกอย่างก็มิใช่เป็นความว่างเปล่า แต่มันยังเหลือร่องรอยแห่งความทรงจำอันเป็นบทเรียนให้ฉันเข้มแข็ง และเติบโตขึ้นจากความโหดร้ายนั้นได้ด้วยเช่นกัน

สิ่งที่ฉันพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำก็คือ การบอกกับตัวเองในเวลาที่ฉันกำลังมีความสุขกับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวเองนั้น ฉันจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้หลงยึดติดและติดเป็นทาสของมัน เพราะฉันตระหนักลึกๆ เสมอว่า

ความสุขที่ขึ้นกับคนอื่นและสิ่งอื่นเป็นความสุขที่ไม่แน่นอน…เหมือนเปลวเทียนแสนหวานที่จะเจอกับสายลมแรงให้วูบไหวและดับลงเมื่อใดไม่อาจรู้

นั่นคือสิ่งที่ฉันคอยตระหนักและบอกกับตัวเองอยู่เสมอ…

โอ….งานปั้นล่ะ..?? ฉันแทบไม่ได้พูดถึงงานปั้นเลย

งานปั้นของฉันก็ดำเนินไปอย่างเนิบช้าในช่วงเวลานี้
ฉันได้ตุ๊กตาหญิงสาวนุ่งกระโปรงทรงสุ่มไก่คู่หนึ่ง เป็นงานใหม่เอาวางไว้ในตู้

ส่วนงานในตู้ฉันก็ยกไปเข้าโรงหล่อเสียจนหมด หลายต่อหลายวันที่ผ่านมาฉันไปนั่งแต่งขี้ผึ้งอยู่แต่ที่โรงหล่อนั่นเอง

เตาเผาของฉันก็ดันเสีย

งานบางชิ้นฉันเอาไปโรงหล่อทั้งที่ยังคงเป็นดินดิบ

ในปลายปีนี้ฉันจะมีงานบรอนซ์วางโชว์ที่บ้านกันหลายต่อหลายชิ้นทีเดียวละ

จริงๆนะ…ฉันรู้คิดแล้วก็รู้สึกอัศจรรย์ใจกับวันและเวลาเหลือเกิน


งานสามชิ้นที่เป็นงานโสเภณีที่ฉันปั้นขึ้นมานั้น เอาเข้าเตาเผาในครั้งสุดท้ายที่ผ่านมา และเตานั้นเผาไปได้เพียงครึ่งหนึ่งของกระบวนการเวลาในการเผา เตาก็มีปัญหาเกิดความร้อนไม่ขึ้น และคงทีอยู่แค่ที่ หกร้อยกว่าองศาเพียงเท่านั้น

ฉันแก้ปัญหาด้วยการปิดสวิทซ์ตัดไฟออก และเปิดเตาในวันถัดมา…สีของงานก็เป็นงานที่เหมือนจะสุกแล้ว แต่สีไม่สดใสนัก คงเป็นแค่สีน้ำตาลตุ่นๆ ใช้นิ้วดีดดูก็ดังแกร๊งๆ เหมือนกับงานที่สุกแล้วปานนั้น จนเมื่อฉันยกมันไปโรงหล่อทั้งหมด

เจ้าหน้าที่ถอดพิมพ์งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้มาถามฉันว่า ทำไมงานคราวนี้จึงแตกง่ายดายนัก เมื่อฉันไปดูก็พบว่า ชิ้นงานต้นแบบในครั้งนี้แตกออกจากกันอย่างไร้ระเบีียบ นั่นเป็นเพราะงานเผาไว้ไม่สุกดีนั้นเอง

ฉันนึกขอบคุณที่ผู้ใหญ่ที่ฉันเคารพท่านนั้นมิได้มาตามนัด เพราะถ้ามาตามนัดในวันก่อนนั้น ท่านจะต้องซื้องานเหล่านี้กลับไป และได้งานที่ไม่สุกไปแน่นอน

และอีกอย่างในขณะเวลาที่ฉันนั่งแต่งขี้ผึ้งนั้น ฉันก็นึกมองเห็นภาพหญิงโสเภณีเหล่านี้ในตอนที่ได้ทำออกมาเป็นบรอนซ์สีสวยๆ แล้ว ฉันก็ยิ่งเห็นความน่ารักในงานเซ็ตนี้

ฉันไม่รู้จะขอบคุณอะไรดี…ที่ทำให้ฉันไม่ต้องขายมันไปในขณะที่มันเป็นดิน!!!

เพราะมันจะหายไปอยู่ในที่แห่งใดแห่งหนึ่งอันเป็นที่เฉพาะอย่างเงียบเชียบ

และจะมิได้ปรากฏเป็นงานสีหวานๆ ในสไตล์ของฉันที่ชอบทำ และได้อวดโฉมต่อคนหมู่มากนั่นเอง

โอ..นี่ฉันไม่รู้จะขอบคุณกับอะไรดี ที่ทำให้บังเอิญเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

ฉันตระหนึกซ้ำอีกครั้ง…

กับการที่ว่าบางครั้งในชีวิตก็เหมือนกับการยื่นมือไปในอากาศที่ว่างเปล่า อันมีโชคชะตาที่คล้ายกับมีบางสิ่งบางอย่างกุมบังเหียนอยู่อย่างเงียบเชียบ

บางสิ่งบางอย่างอันลึกลับที่ฉันไม่สามารถจะมองเห็น บางสิ่งบางอย่างนั้นช่างเมตตาต่อฉัน

มันเป็นความคิดที่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นใจอย่างลึกๆ

ถ่ายภาพโดย : เกรียงไกร ไวยกิจ และ ชาญชัย แซ่ฉั่ว

หมายเหตุ : ขณะนี้ผลงานประติมากรรมของ องุ่น เกณิกา สุขเกษม ถูกนำมาจัดแสดงร่วมกับศิลปินท่านอื่นๆ ในนิทรรรศการ “สมาคมทัศนศิลป์นานาชาติ แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 7” ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ผู้สนใจสามารถไปชมกันได้

รู้จัก… องุ่น เกณิกา สุขเกษม

จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี

ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด

ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี

เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า

“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ

รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข

ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”

ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW

ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com

และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews

Comments are closed.

Pin It