Art Eye View

ตัวตนก่อเกิดงาน ระลึกรู้ก่อเกิดการเติบโต‏ : องุ่น เกณิกา สุขเกษม

Pinterest LinkedIn Tumblr

คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม

บ่ายร้อนแดดแรง…

ฉันนอนหลับไปและฟื้นตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลแม้จะยังง่วงอยู่และงัวเงีย แต่ก็พ่ายแพ้แก่อากาศอันร้อนอบอ้าวและแดดแผดกล้าที่สาดส่องห้องนอนตัวเองที่อยู่ทางทิศตะวันตก

ฉันมองปลายเท้าทั้งสองข้างของตัวเองที่มีอาการบวมได้ลดลงไปบ้างแล้ว การนั่งรถทั้งคืนและห้อยขาอยู่โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถทำให้ขาและเท้าบวมอยู่บ่อยครั้ง ฉันพบอาการเท้าบวมของตัวเองครั้งแรกนี้หลังจากการเดินทางนั่งรถข้ามคืนเมื่อหลายปีที่ผ่านมา จนมันกลายเป็นอาการที่ฉันไม่ได้ตกอกตกใจอีกต่อไป

เมื่อคืนนี้ฉันนั่งรถมาทั้งคืน บนรถทัวร์ปรับอากาศชั้นสองที่จอดรับส่งคนโดยสารขึ้นลงไปในทุกๆ จังหวัด เบาะนั่งนั้นจึงดีตามสมควรแก่ราคา คือปรับเอนได้นิดหน่อยและเพียงมีที่วางขาให้ แต่ก็มีพื้นที่อันจำกัดที่จะไม่สามารถเหยียดตัวหรือปรับท่านั่งได้สบายมากนัก แต่มันก็เป็นการเดินทางที่ฉันเลือก

ในตอนดึกรถจอดให้คนโดยสารได้ลงไปรับประทานอาหารและเข้าห้องน้ำระหว่างทาง มันดึกเกินกว่าที่ฉันคิดว่ามันควรจะกินอะไรเข้าไปเพราะมันน่าจะเป็นเวลาของการนอนหลับ ฉันจึงไม่ได้กินอะไร เท้าทั้งสองข้างของฉันพาฉันเดินไปยังห้องน้ำ
ที่แสนจะทำให้รู้สึกกลัว คือมันเฉอะแฉะไปหมดในทางเดินที่เท้าทั้งสองของฉันกำลังเหยียบย่ำ ปนไปด้วยคราบรองเท้าคู่อื่นๆ ที่เดินเข้ามาแล้วจากไป ทิ้งร่องรอยแห่งการมาและความสกปรกไว้ ฉันเดินอย่างระมัดระวังและนึกขอบคุณเท้าของตัวเองอันเป็นอวัยวะต่ำสุดที่เสียสละเหยียบย่ำสัมผัสพื้นนั้น

และมาบัดนี้ที่ถึงบ้านแล้ว ฉันจึงพยายามเอาใจใส่ดูแลเท้าของฉัน

นับตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้วที่ฉันเดินทางไปปฏิบัติธรรมอันเป็นกิจและหน้าที่ประจำของฉันในทุกๆ ปี แต่ปีนี้มีสิ่งพิเศษคือฉันได้รับโอกาสที่แสนดีไปเข้าร่วมการอบรม “วิถีสู่ความตายอย่างสงบ” เป็นเวลาหลายวัน และได้เรียนรู้วิธีการหลายสิ่งหลายอย่างอันเกี่ยวกับการทำใจและทำกิจ อันเกี่ยวกับความป่วยและความตาย
ในกิจกรรมหลายๆ บทที่ฉันได้เข้าร่วมทดสอบ บอกให้ฉันรู้เห็นจิตใจของตนเองว่า ฉันมีสิ่งรักมากที่สุดคือ “บ้านและงาน” ฉันมี “คนที่รักและห่วงใย” และยังไม่พร้อมจะตายไปจากพวกเขา และเห็นคุณค่าในเวลาขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างยิ่ง คิดอยากจะกลับมาทำงาน คิดถึงผู้หญิงสาวในงานของตัวเองอย่างจับจิตจับใจ

เห็นความเกาะเกี่ยวผูกพันธ์ที่เหนียวแน่นเกินสลัดออกในตัวตนของตนเองที่มีต่อการงาน เห็นความมีตัวตนของตัวเองที่มีมาก มากจนถูกดึงออกมาสร้างมาใช้ทำการงาน ซึ่งอันที่จริงความมีตัวตนนั้นเป็นเครื่องทำให้คนเรามีความทุกข์ แต่ฉันพบว่าสิ่งนี้แหละคือสิ่งสำคัญที่กระตุ้นเตือนให้ฉันทำงาน

นี่เพียงแค่เดือนปลายเดือนกุมภาพันธ์ แต่แดดบ่ายที่บ้านของฉันก็ร้อนจนทำให้ภาวะความรู้สึกของฉันเกือบที่จะตกไปในห้วงของความแห้งแล้งเบื่อหน่าย ฉันก้าวออกจากห้องนอน เตรียมตัวอาบน้ำ เสื้อผ้าและสิ่งของที่ถูกรื้อจากกระเป๋าเดินทาง วางอยู่เกลือนบ้านไปหมด

ฉันเดินเข้าห้องน้ำเปิดสายน้ำที่เย็นฉ่ำจากฝักบัวแล้วอาบกับสบู่หอมเพียงแค่นั้นความสดชื่นก็คืนกลับมา ฉันคิดถึงแม่และพ่อซึ่งอยู่ในวัยชรา ว่านี่ขนาดฉันซึ่งยังมีเรี่ยวแรงและมีกำลังใจดี และได้รับการถูกฝึกให้คิดเป็น ยังไม่วายที่จะทุกข์และสุขกับสิ่งแวดล้อมและหลงในอารมณ์อยู่บ่อยๆ อันเช่นว่าในวันที่อากาศร้อนก็รู้สึกแห้งแล้งไปถึงหัวใจ

หรือเวลาเย็นโพล้เพล้ๆ บ่อยครั้งที่ฉันก็เศร้าขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ แล้วคนชราอย่างพ่อกับแม่ล่ะ จะน่าสงสารเพียงไรหนอ ในเมื่อเรี่ยวแรงก็อ่อนโรยไปตามวันเวลา หน้าที่การงานก็ไม่มีให้ภูมิอกภูมใจอะไรอีกแล้ว

ความอ่อนไหวอ่อนแอในอารมณ์ของท่านคงจะมีเหมือนฉัน และมันเป็นสิ่งที่ฉันควรจะดูแล ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเพียงแค่ฉันเจออากาศร้อน เมื่อก่อนฉันร้อนฉันก็จะคิดถึงว่าทำอย่างไรให้ตัวเองหายร้อนและสบาย แล้วก็ง่วนอยู่กับการทำสิ่งต่างๆ ให้ตัวเอง

ตามประสาของคนมีโลกส่วนตัวและอยู่คนเดียว แต่เมื่อคิดถึงคนอื่นๆ ด้วย ฉันกลับพบว่าฉันมีพลังใจมีความสุขใจที่กว้างขวางกว่าการคิดว่าจะดับร้อนและหาความสุขให้ตัวเองคนเดียวอย่างไรเช่นแต่ก่อน พ่อกับแม่ของฉันยังแข็งแรงมีความป่วยเจ็บบ้างตามประสาคนชรา และที่ผ่านก็ไม่ได้ทำให้ฉันต้องลำบากลำบนเฝ้าไข้หรือดูและเรื้อรังอันใดเลย

ท่านทั้งสองกลับเป็นฝ่ายคอยดูแลสิ่งต่างๆ ให้ฉันเวลาฉันไม่อยู่บ้านด้วยซ้ำ ฉันขอบคุณใจตัวเองที่ได้รู้สึกมุมมองใหม่ขึ้นมาอย่างประหลาดคือเมื่อเวลาตัวเองคิดถึงความทุกข์ของตัวเองแล้วให้คิดถึงความทุกข์ของคนอื่นๆ ไปพร้อมๆ กันด้วย แล้วเราจะเห็นว่าความทุกข์ของตัวเองนั้นมันเล็กลงไปถนัดใจถนัดตา

ฉันแกะถุงที่ใส่ผ้าถักชายลูกไม้ หยิบผ้าผืนใหม่ที่ซื้อมาปูวางเปลี่ยนให้กับชั้นวางหนังสือแล้วจัดวางข้าวของบนนั้นเสียใหม่แล้วยิ้มกับตัวเอง บอกกับงานบอกกับบ้านเหมือนอย่างที่คิดในใจซ้ำๆ ติดต่อกันมาหลายต่อหลายวันว่า

“ฉันซื้อผ้าผืนใหม่มาฝากนะเจ้าชั้นหนังสือที่รักของฉัน ฉันได้กลับมานอนเตียงที่แสนคิดถึงแล้วนะ

และบอกกับงานปั้นรูปหญิงสาวที่มีสีชมพูว่า “ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน ฉันกลับมาบ้านแล้ว”

ฉันพบว่านี่เองคือโลกของฉัน โลกแห่งตัวตนที่แสนยิ่งใหญ่ของฉันปรากฏชัดที่สุด มันผูกพันธ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอยู่กับบ้านและงานปั้นหญิงสาวทั้งหลายนี่เอง

และเมื่อเราก็รักบ้านของเรารักงานของเรา คนอื่นก็ต้องรักบ้านของเขาและรักงานของเขาเหมือนๆ กันกับฉัน

โอ!!! นี่ฉันเกิดการเติบโตภายในขึ้นมาในอีกเรื่องหนึ่งแล้วหรือนี่!!!

และมันเป็นเรื่องที่ฉันรู้สึกดีใจเหลือเกินที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองในเรื่องนี้ นั่นคือการรู้สึกอย่างแท้จริงถึงตัวเองและคนอื่นควบคู่กันไปเสมอ ไม่ใช่เป็นการคิดถึงแต่ตัวเองเช่นวันเก่าๆ ที่ผ่านมา และไม่ใช่การคิดได้ที่เกิดจากการอ่านหนังสือท่องจำแล้วสั่งให้ตัวเองคิด

แต่มันเป็นการระลึกรู้ที่เกิดขึ้นอย่างลึกซึ้งภายในจิตใจ

ถ่ายภาพโดย : ชาญชัย แซ่ฉั่ว







รู้จัก… องุ่น เกณิกา สุขเกษม

จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี

ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด

ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี

เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า

“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ

รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข

ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”

ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW

ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com

และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews

Comments are closed.

Pin It