Advice

เครื่องสำอางสภาพใด ควรตัดใจทิ้งได้แล้ว/@Bitchy

Pinterest LinkedIn Tumblr

By Lady Manager @Bitchy

สาวหลายคนพอมาสคาร่าแห้ง ก็รีฟิลด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ ปาดขนตาอยู่น่านแหละ หรืออายแชโดว์แข็งโป๊ก ชีก็ดัดแปลงบี้ใส่โลชัน ทาทั่วทั้งตัวกะให้สีผิวส่องประกายวิ้งๆ บางนางลิปสติกเปลี่ยนสภาพ กลิ่นหืนๆ ทาไปเนื้อสีไม่กระจาย ริมฝีปากแลดูแตกแห้งช้ำเหมือนถูกแฟนชก ก็ยังดั้นทุรังใช้…

รู้จักประหยัดน่ะเป็นนิสัยที่ดีค่ะ แต่ทว่าต้องคำนึงถึงสุขภาพด้วย

สาวบางคนบอก-ชั้นจิ้มๆ แต้มๆ ปาดๆ จนถึงวันหมดอายุตามระบุข้างกล่องก็โอแล้ว

โอ้ว ม่ายยค่ะ อย่าคิดตื้นเขินแค่นั้น

การดูวันหมดอายุข้างกล่องเป็นวิธีหนึ่ง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยนะคะ เพราะไลฟ์สไตล์การใช้ตลอดจนการเก็บรักษาเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งอาจทำให้เครื่องสำอางสุดเลิฟของคุณเสื่อมคุณภาพก่อนวันอันควร

เราไปไล่ดูกันเลยว่า คอสเมติกแต่ละตัวเวลาเสื่อมคุณภาพน่ะ..เป็นอย่างไร

มาสคาร่า

นักเคมีคอสเมติก Jim Hammer กล่าวไว้ใน Allure.com ว่า ต้องระแวดระวังอุปกรณ์เนรมิตขนตายาวเด้งหนางอนชนิดนี้มากซู้ด เพราะเจ้าแปรงมาสคาร่าที่ถูกใช้ชักเข้าชักออกบ่อยๆ นั่นแหล่ะตัวดี เป็นที่มาของการติดเชื้อแบคทีเรีย อาจทำให้เกิดอาการแดง คันระคายเคือง บริเวณดวงตา กระทั่งเป็นสาเหตุโรคตาแดงได้

“เปลี่ยนมาสคาร่าทุก 2-3 เดือน แล้วจะปลอดภัย” เมกอัพอาร์ทติส Pati Dubroff แนะ พร้อมให้สังเกตว่า หากเจ้ามาสคาร่ามีกลิ่นคล้ายๆ แก๊สโซลีน (gasoline) ออกมา จงทิ้งมันไปเถอะ แต่ถ้ายังทู่ซี้ใช้ และรู้สึกคันระคายเคืองบริเวณตา 2-3 วันไม่หายสักที รีบไปหาหมอได้เลยจ้า

รองพื้น

เชื้อแบคทีเรียโปรดปรานรองพื้นซึ่งเป็นพวก water-based นัก

“ถ้ารองพื้นขวดไหนยังไม่เคยถูกเปิดใช้เลยสามารถอยู่ได้ 2 ปี แต่หากแกะฝา เปิดใช้แล้ว” Hammer บอกว่า “อายุการใช้งานที่ดีที่สุดจะอยู่ในช่วง 6-12 เดือนเท่านั้น”

เขาแนะให้หลีกเลี่ยงการเก็บวางรองพื้นในสิ่งแวดล้อมอันอับชื้น อย่าง ห้องน้ำ รวมทั้งตั้งให้ไกลจากความร้อน เนื่องจากอุณหภูมิสูงๆ เป็นบรรยากาศเหมาะเหม็งต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์

และแน่นอน ลงรองพื้นแล้วคันหนังหน้า หรือเอ ใช้ไป ใช้ไป ไหงสีรองพื้นเปลี่ยน กลิ่นรองพื้นทะแม่งๆ ทิ้งไปเลยค่ะ

แป้ง

ปกติอายุการใช้งานอยู่ได้อย่างน้อย 2 ปีเชียว

“แป้งมีส่วนผสมของน้ำ ซึ่งเป็นสารสกัดจากพืช” นักเคมีคอสเมติกอีกท่าน Ni'Kita Wilson ยกตัวอย่าง คาโมไมล์ (chamomile), ว่านหางจระเข้ (aloe), ไผ่(bamboo), และชาเขียว (green-tea) เป็นต้น

“มันเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าวางแป้งไว้ในห้องน้ำ”

สรุปคือ อยากประหยัดตบแป้งตลับเดียวนาน 2 ปี ก็อย่าเผลอวางทิ้งไว้ที่ห้องน้ำ ชัวร์สุด

บรัชออนทาแก้ม

กรณีบรัชออนเป็นเนื้อฝุ่นก็จะมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียเหมือนแป้ง แต่ถ้าเป็นเนื้อครีม ควรจะเปลี่ยนหลังจากใช้แล้ว 1 ปีค่ะ

นักเคมี Wilson แนะวิธียืดอายุการใช้บรัชออนทุกชนิดนานๆ ด้วยการหมั่นทำความสะอาดแปรงปัดอย่างสม่ำเสมอ และเก็บวางตลับบรัชออนในที่มืดและแห้ง

“ถ้าแปรงปัดแก้มเปียกชื้น เชื้อแบคทีเรียมาหาแน่นอน” เขาบอก

ขณะที่ช่างแต่งหน้า Dubroff ห่วงใยเรื่องน้ำมัน (oil) ที่ติดมากับแปรงปัดแก้ม หลังจากปัดแก้มต่อจากลงมอยส์เจอไรเซอร์และรองพื้นทันที

“มันจะส่งผลให้เนื้อสีบรัชออนออกด้านๆ แข็งๆ ขาวๆ”

เธอแนะหลังจากลงมอยส์เจอไรเซอร์และรองพื้น รอสัก 2 นาทีค่อยปัดแก้ม ครั้นปัดเสร็จ เช็ดแปรงปัดแก้มนั้นด้วยผ้าขนหนูนิ่มๆ ทันที

และไม่ว่าบรัชออนจะเป็นเนื้อฝุ่นหรือเนื้อครีม ถ้า ‘แข็ง’ โป๊ก ‘แตกกะเทาะ’ เป็นก้อนเล็กก้อนน้อย ..หาซื้ออันใหม่มาใช้เลยดีกว่าค่า

อายแชโดว์

สาเหตุการเกิดแบคทีเรียในอายแชโดว์ จะคล้ายๆ กับแป้งและบรัชออน ทว่าความที่เราต้องทาอายแชโดว์บริเวณแปลือกตา ซึ่งเป็นผิวส่วนที่บอบบาง นักเคมี Hammer จึงแนะให้เปลี่ยนอายแชโดว์หลังจากใช้ตลับนั้นแล้ว 3 เดือน

ยิ่งอายแชโดว์เป็นเนื้อครีม ยิ่งมีโอกาสเกิดแบคทีเรียง่ายกว่าเนื้อฝุ่น แล้วถ้าคุณสาว(ชอบ)ใช้นิ้วจิ้มเนื้อครีมด้วยแล้ว แม่เจ้าโว้ย เสี่ยงติดทั้งเชื้อโรคทั้งความชื้น! ต้องบังคับตัวเองล้างนิ้วล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งเสียก่อน เพื่อความสะอาดปลอดเชื้อชื้นค่ะ

อย่าลืม คอยสังเกตสีกับกลิ่น ถ้าเปลี่ยน..ก็หยุดใช้ซะนะ

อายไลน์เนอร์

ไม่ว่าจะเป็นดินสอหรือชนิดน้ำ-ลิควิด(liquid) ทำใจใช้แค่ 3 เดือนพอ เพราะแหม อ่ะนะ เล่นเขียนขอบตา ซึ่งเป็นตำแหน่งบอบบางที่สุด เห็นชัดๆ อันตรายกว่าอายแชโดว์อีก เชื้อแบคทีเรียสามารถเข้าสู่ดวงตาได้ง่ายกว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอื่นๆ ใดๆ ทั้งสิ้น

“ที่สำคัญ เวลามีการปนเปื้อนของเชื้อโรค จะมองไม่ออกเลย” Hammer เตือน

อาการจะออกตอนที่คุณรู้สึกคันระคายเคือง หนักสุดก็ตาแดงแล้วน่ะแหล่ะ

“ใช้ดินสอจะปลอดภัยกว่าลิควิด” Dubroff แนะว่า ควรเหลาดินสอก่อนเขียนขอบตาทุกครั้ง นอกจากความแหลมช่วยให้เขียนขอบตาได้สวยคมเฉี่ยวแล้ว ยังช่วยเรื่องความสะอาด ขจัดความชื้นด้วย

ลิปสติก ลิปกลอส

เพราะเราต้องทาลิปซ้ำแล้วซ้ำอีกบนริมฝีปาก Hammer บอกเปลี่ยนลิปสติกแท่งใหม่ได้เลยหลังจากใช้แล้ว 1 ปี

“คุณจะรู้ว่าลิปสติกเสื่อมสภาพแล้วจากการทา ทำไมเวลาทาแล้ว เม็ดสีไม่กระจายกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับริมฝีปาก” Dubroff บอกวิธีสังเกต

“ส่วนเนื้อลิปกลอสก็จะไม่สม่ำเสมอ บางตัวมีส่วนผสมน้ำมัน อาจมีกลิ่นเหม็นหืนออกมา”

สรุปดูง่ายค่ะ ลิปสติกลิปกลอส เนื้อลิปไม่ไหวจะทา น่านแหล่ะถึงเวลาโยนทิ้งไปเล้ย

อุปกรณ์แต่งหน้า

จริงๆ แล้ว ถ้าทำความสะอาดสม่ำเสมอ และเก็บวางอย่างถูกต้อง ..ใช้ได้หลายปีทีเดียวค่ะ

ทว่าเมื่อเห็นขนแปรงหลุดลุ่ย หรือร่วงหล่น นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าต้องซื้อชุดใหม่แล้วล่ะ

Dubroff เธอแนะให้ทำความสะอาดทุก 2 สัปดาห์ด้วยแชมพูสระผมอ่อนๆ จากนั้นใช้ผ้าขนหนูนิ่มๆ ซับหมาดๆ ก่อนเป่าให้แห้ง และเวลาเก็บ ก็เสียบวางส่วนก้านลงในถ้วยแก้ว ส่วนที่เป็นขนจะอยู่ด้านบน เพื่อได้ถ่ายเทอากาศ ระวัง! อย่าให้ขนเบียดเสียดซึ่งกันและกัน เสียรูปทรง

เอาล่ะ กลับไปสำรวจประดาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบนโต๊ะเครื่องแป้งกันเลยนะคะ ชิ้นไหนไม่ไหวจะเคลียร์ ก็โยนทิ้งซ้า มิฉะนั้นเชื้อแบคทีเรียตรึม..บนใบหน้าสวยๆ ของคุณเองน่ะแหล่ะ

>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net
 

Comments are closed.

Pin It