Travel

"โคเปนเฮเกน" ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ กับเรดิสสัน บลู ที่รอคอย!?

Pinterest LinkedIn Tumblr


>> ปลดเปลื้องพันธนาการจากสังคมอันยุ่งเหยิงและงานที่มีอยู่อย่างล้นมือ แล้วโบยบินอย่างอิสระเสรีสู่ท้องฟ้าเพื่ออิ่มเอมหรรษาไปกับความงดงามในดินแดนทางซีกโลกเหนือ “โคเปนเฮเกน” …เมืองที่ร่ำรวยไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรม และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยบนเขตสแกนดิเนเวียน

หากวันหนึ่งคุณกำลังนั่งทำงานอย่างขมักเขม้น แล้วโหยหาความสุขลองหลับตาจินตนาการถึงดินแดนที่เต็มไปด้วยสีสัน และความเป็นอารยะ อย่าง “กรุงโคเปนเฮเกน” (Copenhagen) ประเทศเดนมาร์ก เชื่อแน่ว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยผลักดันให้คุณรีบแพ็กกระเป๋าแล้วเดินทางไปสัมผัสดินแดนเหนือจินตนาการแห่งนี้

ผมคนหนึ่งเลือกเดินทางไปเยือนกรุงโคเปนเฮเกน เพราะด้วยชื่อเสียงที่มีมาอย่างยาวนาน พร้อมๆ กับคำบอกเล่าของชาวเดนนิชจริงๆ ระหว่างที่เขามาเยือนมาเมืองไทยว่า “เป็นเมืองที่ไม่หลับใหลพอๆ กับกรุงเทพฯ” ทำให้ผมตัดสินใจได้ไม่ยากที่จะไปเยือนเมืองนี้ แล้วก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ โคเปนเฮเกนเมืองหลวงที่มีการผสมผสานกันอย่างลงตัว ระหว่างความขลังของสถาปัตยกรรมกับไลฟ์สไตล์และเทคโนโลยีสมัยใหม่

บรรยากาศและสถาปัตยกรรมอันงดงามของกรุงโคเปนเฮเกน ช่วยให้ผู้มาเยือนผ่อนคลายดั่งต้องมนต์เสน่ห์ เรียกว่าใครมาเยือนแล้วย่อมลืมไม่ลง โคเปนเฮเกนเป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองชายฝั่งทะเลของประเทศเดนมาร์ก ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันออกของเกาะซีแลนด์ และเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญ เนื่องจากมีการทำประมงและเป็นเมืองท่าของการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม นอกจากนี้ โคเปนเฮเกนยังเป็นเมืองใหญ่ที่สวยงามและน่าสนใจ ด้วยมีลักษณะของการผสมผสานวิถีชีวิตหลากหลาย

ที่จะขาดเสียไม่ได้เลยก็คือ ศิลปินอิสระ และนักมายากล ที่กลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของยุโรปและสแกนดิเนเวีย พวกเขาต่างพากันมาแสดงงานที่หน้าศาลากลางเป็นประจำ เพื่อให้ผู้สัญจรไปมาได้ชม และแลกกับเงินยังชีพที่ผู้สัญจรจะให้ตามศรัทธา หากคุณไม่อยากเดินก็สามารถเช่าจักรยานขี่เที่ยวชมเมืองได้ในราคาประมาณ 120 บาท ทางเท้าในโคเปนเฮเกนนี้ ยังขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุด และยาวที่สุดในโลกอีกด้วย

พลันที่เดินทางมาถึงผมเลือกเช็ก-อิน เข้าพักที่ “โรงแรมเรดิสสัน บลู รอยัล โฮเต็ล, โคเปนเฮเกน” (Radisson Blu, Royal Hotel, Copenhagen) เนื่องจากเป็นโรงแรมที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน และสะดวกสบายต่อการเดินทาง เพียง 5 นาที จากสถานีรถไฟหลักของเมือง เพียง 2 นาที จากสวนสนุกที่เก่าแก่ของโลกอย่าง “ติวาลี” (Tivali) และเพียง 10 นาที ในการเดินไปชอปปิ้งบนถนนหลัก

ในอดีตโรงแรมเรดิสสัน บลู รอยัล โฮเต็ล โคเปนเฮเกน เป็นของสายการบินสแกนดิเนเวียน มีไว้เพื่อให้ลูกเรือได้เข้าพักและเป็นออฟฟิศสำหรับการบริหารจัดการสายการบิน ปัจจุบันโรงแรมแห่งนี้ได้มีการเปลี่ยนชื่อและมีการตกแต่งดีไซน์ใหม่เกือบทั้งหมด ที่สำคัญเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นผลงานของอินทีเรียดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก อย่าง “อาร์น จาคอบเซน” (Arne Jocobsen) ปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารงานของ “เรซิดอร์ โฮเต็ล กรุ๊ป” (Rezidor Hotel Group) ที่มีโรงแรมในชื่อเรดิสสัน บลู อยู่ทั่วทุกมุมโลก ดังนั้น การที่ได้มาพักยังโรงแรมแห่งนี้ จึงเป็นความภาคภูมิใจทั้งเจ้าของและผู้มาเยือน

ผมได้เข้าพักชั้น 12 ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พลันที่เปิดประตูเข้ามา ผมรีบหย่อนร่างลงบนเก้าอี้ดีไซน์เก๋ ที่ออกแบบโดยอินทีเรียดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก “อาร์น จาคอบเซน” ก่อนที่จะเตรียมอาบน้ำและแต่งตัวด้วยชุดเก๋ๆ ออกไปเดินทางสัมผัสเมือง หากเปิดหน้าตาออกมาจะมองเห็นสถานีรถไฟ ซึ่งเป็นศูนย์กลางหากจะเดินทางไปเมืองต่างๆ รวมทั้งสนามบินโคเปนเฮเกน

หากเหลือบสายตาไปทางด้านซ้ายจะเห็นสวนสนุกที่เก่าแก่ของโลกอย่าง “ติวาลี” ยิ่งเป็นตอนตอนค่ำด้วยแล้ว “สวนสาธารณะติโวลิ” จะดูคึกคักมากเลยทีเดียว และสุดโรแมนติกด้วยไฟจากโคมดวงเล็กๆ หลากหลายสีสันที่ส่องประกายระยับไปทั่วบริเวณ เหมือนจำลองดวงดาวนับหมื่นแสนดวงมาจากฟากฟ้า โดยจำนวนโคมไฟที่นับได้ก็ประมาณ 110,718 ดวงเห็นจะได้

หลังแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมมุ่งหน้าไปยังถนนชอปปิ้ง แต่ก่อนจะไปไหนผมแนะนำว่าให้ไปหาข้อมูลที่ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวโคเปนเฮเกนก่อน ซึ่งอยู่ติดกับโรงแรมที่ผมพักพอดี เพื่อให้แน่ใจว่าไม่หลงและทราบว่าแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ อยู่ตรงไหนบ้าง

สำหรับนักชอปที่โคเปนเฮเกนมีงานศิลปะของเดนิชที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น เครื่องลายครามของ “รอยัล โคเปนเฮเกน” (Royal Copenhagen) และไฮไฟแสนเท่าของ “แบง แอนด์ โอลเฟน” (Bang & Olufen) และยังมีหลายดีไซเนอร์นานาชาติที่มีชื่อเสียงของที่นี่อีกด้วย ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ งานออกร้านประจำปีด้วยบรรยากาศคึกคัก และมีสินค้าหลากหลายชนิดให้เลือกซื้อหาได้ตามใจชอบ

ส่วนสินค้าแฟชั่นก็มีทั้งแบรนด์เนมอย่าง ซาร่า (Zara) เอช แอนด์ เอ็ม (H&M) หรือจะเป็นแบรนด์วัยรุ่นของท้องถิ่นก็มีให้เลือกชอปมากมาย แต่สำหรับผมคิดว่าการดีไซน์ยังไม่จัดพอ และราคาค่อนข้างสูง เพราะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะตกต่ำ แต่เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย อันประกอบไปด้วย นอร์เวย์ เดนมาร์ก สวีเดน และฟินแลนด์ กลับไม่สะทกสะท้าน ขนาดอาหารไทยในร้านอาหารไทยยังจานละประมาณ 500 บาทเลยทีเดียว

ผมใช้เวลานั่งเรือชมเมืองในช่วงสาย (เพราะจะได้ไม่ร้อนมากนักเพราะมาเยือนในช่วงซัมเมอร์) สามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือคริสเตียน ซึ่งมีรูแปบบคล้ายกับบรรยากาศการนั่งเรือเลียบคูคลองในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ราคาไม่แพงมาก เลือกเที่ยวเดียวประมาณร้อยกว่าบาท เรือจะพาลัดเลาะไปตามซอกซอยต่างๆ เพื่อให้ได้สัมผัสกับวิถีการดำเนินชีวิตของชาวเดนนิชในโคเปนเฮเกน รวมถึงตึกเก่าโบราณ พิพิธภัณฑ์ และสำนักงานต่างๆ ที่มีการตกแต่งอย่างงดงามแบบเดนนิช สไตล์

นอกจากนี้ ยังมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งที่เพิ่งสร้างใหม่เอี่ยมที่ “ไอส์แลนด์ บริกเกอร์” และไม่ไกลจากที่นี่ก็มีสาธารณรัฐคริสเตียเนีย ซึ่งเป็นรัฐเอกเทศขนาดเล็กๆ มีกฎหมายของตนเอง และมีประชาชนอาศัยอยู่รวมกันประมาณ 900 คน เท่านั้นเอง ตั้งแต่เที่ยงวันจะมีนักท่องเที่ยวมายังพระราชวังหลวงคือ “ชโลส อะมาเลียนบอร์ก” กันอย่างเนืองแน่น เพื่อชมการสับเปลี่ยนเวรยามของทหารหน้าพระราชวังหลวง ซึ่งมีความเป็นระเบียบสง่างามขึ้น

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการมาเยือนโคเปนเฮเกน เมืองหลวงที่ได้ขึ้นชื่อว่า “เป็นเมืองแห่งเทพนิยายในฝันของใครหลายคน” และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่ได้กล่าวเกินจริง หากไม่เชื่อ…ต้องมาพิสูจน์ แล้วพบกันฉบับหน้ากับมุมมองใหม่ๆ ในกรุงโคเปนเฮเกน

::เก็บตกจากโคเปนเฮเกน

>>มีนิทานเล่ากันว่าราชินีเกฟิออนแปลงร่างลูกชาย 4 คนให้เป็นโคเพื่อไถพื้นดินขึ้นมาจากใต้น้ำ เกิดเป็นประเทศเดนมาร์กในทุกวันนี้

>>รูปปั้นเงือกน้อย (Little Mermaid) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโคเปนเฮเกน ตัวละครเอกในนิยายของ “ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน” นักแต่งนิทานชาวเดนนิชที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก

>>เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในวงการวรรณกรรม สำหรับชาวเดนนิชเขาเป็นหนึ่งในวีรบุรุษของประเทศ และสำหรับคนทั่วโลกเขาคือผู้แต่งแต้มจินตนาการของวัยเยาว์ ด้วยเรื่องเล่าแสนประทับใจ

>>นิทานของแอนเดอร์สันได้รับการยกย่องว่าเป็นนิทานสมัยใหม่ เพราะเป็นเรื่องที่เขาเขียนเองแทบทั้งหมด แม้จะมีบางเรื่องที่ได้เค้าโครงจากนิทานพื้นบ้าน แต่เขาก็นำมาเล่าใหม่ด้วยภาษาที่ ตรงไปตรงมาของตัวเองและสอดแทรกข้อคิดคติธรรมลงไปด้วย ต่างไปจากนิทานของสอง พี่น้องตระกูลกริมม์ที่รวบรวมนิทานเก่าแก่เป็นหลัก :: Text by FLASH mag.

 
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net


















Comments are closed.

Pin It