Advice

“จูบ”ดี๊ยดี! ช่วยลดความดันฯ ฟันขาวขึ้น ภูมิคุ้มกันแน่น/Dr.DEN Sexociety

Pinterest LinkedIn Tumblr

คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN

มาพบเรื่องราวของ “จูบ” ต่อครับ

การจูบมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง

จากการศึกษาหลายครั้งแสดงให้เห็นว่าการจูบด้วยความยินดีอย่างที่สุดนั้น มีผลดีต่อคุณจริงๆ ในขณะที่แบคทีเรียส่วนใหญ่ในร่างกายของเราล้วนเหมือนๆ กันทุกคน แต่ 20% ของมันก็แตกต่างกันไปในแต่ละคน นี่ก็หมายความว่าการจูบทุกครั้งช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของเราโดยแท้จริง

ยิ่งกว่านั้น การจูบยังสามารถช่วยรักษาฟันของคุณให้สะอาดอีกด้วย น้ำลายที่ถูกผลิตเพิ่มขึ้นตอนคุณจูบจะชะล้างแบคทีเรียที่มีอันตรายออกไป ทำให้ฟันของคุณขาวแวววาว

นอกจากนี้การจูบยังสามารถลดความดันโลหิตของคุณอีกด้วย ในขณะที่อาการปั่นป่วนในช่องท้องและการเต้นรัวของหัวใจจะทำให้หลอดเลือดของคุณขยายออก

แน่นอน ประโยชน์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าคุณจูบใครบางคนที่ป่วย เชื้อโรคอย่างเริม ไข้หวัดทั่วไป และแม้แต่โรคเยื้อหุ้มสมองอักเสบ สามารถแพร่ไปได้โดยการจูบ อย่างไรก็ตาม กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นได้ยากมาก และนักวิทยาศาสตร์เห็นพ้องกันว่าการจูบมีประโยชน์มากกว่าโทษหลายเท่านัก

วิทยาศาสตร์การจูบ

ในการศึกษาเรื่องการจูบนั้น ผู้ศึกษามักจะไม่เพ่งความสนใจไปแค่ที่ชีววิทยาของการจูบและฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ยังศึกษาอีกด้วยว่าทำไมเราถึงจูบกัน

หลายคนบอกว่าจูบแรกทำให้เกิดความประทับใจอันยิ่งใหญ่ แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามันสามารถไปไกลเกินกว่านั้น พวกเขาเชื่อว่าการจูบสามารถให้เบาะแสของประสาทสัมผัส เช่น รส กลิ่น และเสียง ซึ่งยั่วยุให้มีการจูบต่อไปอีก แต่ถ้าจูบนั้นไม่ดี มันก็อาจให้เบาะแสแก่อีกฝ่ายให้เผ่นหนีไปเลย จาการศึกษาแสดงให้เห็นว่า 59%ของผู้ชาย และ66%ของผู้หญิงมีเสน่ห์ลดลงหลังจากจูบครั้งแรก

ในการศึกษาอีกครั้งหนึ่งซึ่งมีนักศึกษามหาวิทยาลัย 1,000 เข้าร่วมโครงการ เผยว่าผู้หญิงมีแนวโน้มที่ชอบการจูบมากกว่าผู้ชาย และพวกเธอมีแนวโน้มที่จะยืนยันให้มีการจูบก่อนผ้าหลุดมากกว่าผู้ชายเยอะ วิทยาศาสตร์ยังอธิบายด้วย ว่าทำไมการจูบจึงให้ความรู้สึกที่ดีมากทางกายภาพ นั่นก็เพราะริมฝีปากมีความไวสัมผัสสูง และมีปลายประสาทอัดแน่น มากกว่าอวัยวะส่วนใหญ่ในร่างกายของเรา

สถิติโลกของการจูบ

เมื่อเร็วๆนี้ สถิติการจูบยาวนานที่สุดในโลกเป็นของคนไทยคู่หนึ่งที่ชื่อ เอกชัย และ ลักษณา ติรณะรัต ทั้งคู่ทำลายสถิติโลกเดิมของกินเนสเวิลด์ ประกบปากจูบกันยาวนานถึง 58.35.58 ชั่วโมง ที่จัดขึ้นโดย Ripley’s Believe It Or Not Event พัทยา

ทั้งคู่ทำลายสถิติเดิมซึ่งทำไว้โดย แอนเดรีย ซาร์ติ และ แอนนา เฉิน ในปี 2004 ซึ่งหนุ่มสาวคู่นี้จูบกันเป็นเวลา 31 ชั่วโมง 18 นาที แต่ทั้งคู่หยุดจูบเพราะพวกเขาใกล้จะเป็นลม เฉิน ต้องนอนพักในขณะที่ซาร์ติต้องให้อ๊อกซิเจน แต่เรื่องราวของพวกเขาจบลงอย่างมีความสุข ซาร์ติใช้เงินรางวัล 12,700 ดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อแต่งงานกับนางสาวเฉิน

แม้แต่ในหมู่คนที่ไม่ได้เป็นเจ้าของสถิติโลก ปริมาณการจูบโดยเฉลี่ยของคนทั่วไปก็ยังน่าทึ่ง จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า บุคคลโดยเฉลี่ยมีการจูบรวมแล้วเป็นเวลาสองสัปดาห์เต็มตลอดชีวิตของพวกเขา คนส่วนใหญ่เผาผลาญพลังงานประมาณ 1,560 แคลอรี่สำหรับทุกชั่วโมงของการจูบ หมายความว่าคนเราโดยเฉลี่ยสูญเสียพลังงาน 30,240 แคลอรี่ตลอดช่วงชีวิต ด้วยการล็อคริมฝีกปากกันเพียงอย่างเดียว

แน่ละ ทั้งหมดนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจูบแบบไหน การจุ๊บเบาๆ เร็วๆไม่ได้ช่วยอะไรมากเลย แต่ถ้าคุณจูบอย่างหนักหน่วงจนคุณหายใจหายคอแทบไม่ทัน คุณก็จะสามารถเผาผลาญไขมันได้บ้างอย่างแน่นอน

แต่มันไม่ได้มีประสิทธิภาพมากมายเท่ากับการวิ่งออกกำลังกายหรือการว่ายน้ำหรอก ดังนั้นอย่าคิดว่ากินข้าวขาหมูเข้าไปสองจานแล้วจะลดความอ้วนด้วยการจูบแต่เพียงอย่างเดียว มันไม่ได้ผลหรอก

แต่มันสนุกกว่าการวิ่งหรือว่ายน้ำอย่างแน่นอน
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)

 
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net
 

Comments are closed.

Pin It