กระแสวันสิ้นโลกน่ากลัว โดยเฉพาะ คนรวยและคนดัง ที่ดูเหมือนจะกลัวตายมากกว่าคนธรรมดาสามัญ ล่าสุด หลายคนออกมาเคลื่อนไหวหาทางรอดกันแล้ว ลองมาดูว่าพวกเขาทำอะไรกันบ้าง?
ทางเลือกซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่มหาเศรษฐีชาวอเมริกันตอนนี้คือ บังเกอร์หลบภัย ที่ตกแต่งอย่างหรูหราพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งสระว่ายน้ำ โรงภาพยนตร์ ยิมออกกำลังกาย ซึ่งอยู่ภายใต้เกราะกำบังที่ต้านทานการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ได้ มีนักธุรกิจหัวใสออกแบบสร้างที่อยู่อาศัยแบบบังเกอร์ขายหลายแห่งแล้ว อาทิ ‘Survival Condo’ สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ยามที่โลกอวสานไม่ว่าในรูปแบบใด ออกแบบสร้างโดย กรมทหารวิศวกรรมประจำกองทัพสหรัฐฯ ชนิดทนทานแม้จะโดนระเบิดนิวเคลียร์ถล่ม จุคนได้ถึง 75 คน และใช้ชีวิตอยู่โดยไม่ต้องไปไหนนาน 5 ปี ราคาสูงสุด 4 ล้านดอลลาร์ต่อยูนิต
ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัว หรูหรา สะดวกสบาย ก็ต้องแมนชั่น ‘Billionaire Bunker’ ที่ไมอามี ซึ่งกำลังมาแรง ขนาดมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก “เจฟฟ์ เบซอส” เจ้าของ Amazon.com ยังย้ายจากซีแอตเทิลที่เคยอยู่ 29 ปี มาพักอาศัยที่นี่แล้ว ราคาหลังละ 79 ล้านดอลลาร์ ภายในมีหลุมหลบภัยใต้ดินพื้นที่ 5,000 ตารางฟุต ไม่เพียงเท่านั้น เจฟฟ์ เบซอสยังศึกษาเรื่องท่ออวกาศขนาดยักษ์โคจรรอบระบบสุริยะเพิ่มเติม เพื่อสร้างอาณานิคมให้คนอยู่อาศัยยามเมื่อวันสิ้นโลกมาถึงอีกด้วย
คนที่ไม่ซื้อบ้านสำเร็จรูปก็สร้างบังเกอร์หรือหลุมหลบภัยในบ้านตัวเอง อย่าง “บิล เกตส์” อภิมหาเศรษฐีพันล้าน มีบังเกอร์หลบภัยใต้ดินทั้งในบ้านที่วอชิงตันและแคลิฟอร์เนีย สร้างโดย “โรเบิร์ต วิซินิโอ” เจ้าของบริษัทVivos ซึ่งสร้างบังเกอร์หลบภัยที่ป้องกันภัยพิบัติในเยอรมนีขายราคา 3.52 หมื่นล้านบาท ทนต่อระเบิดนิวเคลียร์ อาวุธเคมี แผ่นดินไหว สึนามิ และการโจมตีจากภัยธรรมชาติอื่นๆ พื้นที่ใต้ดินนี้ประกอบไปด้วยอุโมงค์หลายชั้น มีระบบการรักษาความปลอดภัยส่วนตัว และประตูที่ป้องกันระหว่างความปลอดภัยภายในและภายนอก หลุมหลบภัยใต้คฤหาสน์ของบิล เกตส์ทั้งสองแห่งก็หรูหรา ปลอดภัย และใช้ชีวิตได้อย่างปกติเพราะมีแหล่งอาหารพร้อมสรรพ
ส่วน “มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” ผู้ก่อตั้ง Facebook ก็ไม่น้อยหน้า กว้านซื้อที่บนเกาะ Kauai ที่ฮาวายจากคนพื้นถิ่นได้ถึง 750 เอเคอร์ สร้างคฤหาสน์ 30 ห้องนอน 30 ห้องน้ำ บ้านต้นไม้ 11 หลัง และที่เด็ดสุดคือ หลุมหลบภัยใต้ดินพื้นที่ 5,000 ตารางฟุต ประตูทำจากเหล็กนิรภัย และผลิตพลังงานเองได้ เต็มไปด้วยเสบียงอาหาร ในช่วงก่อสร้างพนักงานต้องทำสัญญาว่าจะไม่เปิดเผยข้อมูลเรื่องบ้าน ใครปูดหรือเผลอโพสต์รูปลงโซเชียล จะโดนไล่ออกสถานเดียว บ้านหลังนี้มีมูลค่าถึง 270 ล้านดอลลาร์
บางคนก็หันไปมองหารูปแบบอื่น อาทิ “สตีฟ ฮัฟฟ์แมน” ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานผู้บริหารของ Reddit สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดัง ไปทำเลสิคเพราะหากถึงวันสิ้นโลกจริง การจะหาคอนแทกต์เลนส์หรือเลนส์แว่นสายตาให้ได้สักคู่นั้น คงยากลำบาก บางคนก็สะสมอาวุธ อย่าง “มาร์วิน เลียว” บางคนก็ย้ายประเทศไปหาดินแดนปลอดภัย อย่าง นิวซีแลนด์ ซึ่งมีทั้ง “แซม อัลท์แมน” และ “ปีเตอร์ ธีล” โดย ปีเตอร์ ธีล ลงทุนด้านการวิจัยเรื่องการแช่แข็งสมองและร่างกายที่โน่นด้วย คืออย่างไรเสียก็ไม่ยอมตาย ว่างั้นเถอะ
ปิดท้ายที่ “อีลอน มัสก์” บอกว่า หากเรายังอาศัยอยู่บนโลกต่อไปสักวันก็จะถึงจุดจบ แต่ถ้าย้ายไปอยู่ที่ดาวดวงอื่น อย่าง ดาวอังคาร ก็จะมีชีวิตรอด ไม่พูดเปล่า เขาสร้างยาน Starship จำนวน 1,000 ลำ เตรียมส่งมนุษย์ไปดาวอังคาร และภายในปี 2050 เตรียมสร้างเมืองบนดาวอังคารที่มีรัฐบาลปกครองตนเอง หลายคนสงสัยไอเดียของเขาว่า เป็นเพราะฤทธิ์ยาที่เขาเสพตามที่เป็นข่าวหรือเปล่า
Comments are closed.