Interview

“ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ” ลูกสาวคุณหญิงหน่อย ไม่สนการเมือง ประเดิมงานแรกในวงการแฟชั่น

Pinterest LinkedIn Tumblr


เผลอแป็บเดียว “จินนี่-ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ” ลูกสาวคนสวยของ คุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กับสมยศ ลีลาปัญญาเลิศ ก็คว้าปริญญาหลักสูตร BBA (นานาชาติ) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ มาให้คุณพ่อคุณแม่ได้ชื่นใจ แถมตอนนี้เธอก็กำลังเพลิดเพลินกับโลกแห่งการทำงาน ซึ่งประเดิมงานแรก ในฐานะ Sectional Marketing Manager ดูแลในส่วนแฟชั่น-ลักชัวรี ของศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม และ ดิ เอ็มควอเทียร์


ความรับผิดชอบหลักๆ ของจินนี่คือ ดูแลการทำตลาดในส่วน Fashion&Luxury ให้กับศูนย์การค้า รวมถึงการประสานงานดูแลร้านค้า แบรนด์ Fashion และ Luxury ภายในศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ ทั้งหมดร่วมกับทีม

“เพิ่งเรียนจบเมื่อปีที่แล้วค่ะ ตอนนี้เริ่มทำงานได้ 5 เดือน ชีวิตการทำงานท้าทายกว่าที่คิดมากค่ะ ถึงที่ผ่านมาจินนี่จะชอบไปฝึกงานช่วงปิดเทอม เคยไปฝึกงานในเอเจนซี บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ หรือสายงานแฟชั่น ซึ่งตอนนั้นก็รู้สึกว่าท้าทายระดับหนึ่ง แต่พอมาทำงานจริงๆ ถึงได้รู้ว่าท้าทายกว่าเยอะ เพราะเราต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น กดดันจากการถูกคาดหวังว่าจะต้องทำงานให้สำเร็จ ยากกว่าตอนฝึกงานเยอะค่ะ แต่ก็ยังสนุกที่ได้ลองชาเลนจ์ใหม่ๆ” จินนี่เปิดฉากเล่าถึงชีวิตที่กำลังก้าวสู่แชปเตอร์ใหม่


แม้ดูผิวเผินจะเหมือนว่า สายงานที่ทำไม่ได้ตรงสายกับที่เรียนมามากนัก แต่จินนี่กลับมองว่า งานที่เธอทำเป็นการจับคู่สิ่งที่ชอบกับความรู้ที่เรียนมาอย่างลงตัว

“ด้วยความที่จินนี่ชอบหลายอย่าง ดังนั้น ตอนที่จะเลือกคณะจึงเป็นโจทย์ที่ยากมาก เพราะสมัยก่อนจินนี่จะติดกรอบว่า ต้องเรียนในสิ่งที่ชอบเท่านั้น แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยถึงได้รู้ว่า ไม่ว่าจะเลือกเรียนคณะไหนก็มีประโยชน์ เพราะสามารถนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์กับสิ่งที่เราชอบได้ อย่างตอนที่เลือกเรียนสายบิซิเนส เพราะจินนี่ก็สนใจด้านธุรกิจ เห็นคุณพ่อคุณแม่ทำธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก เลยอยากได้ความรู้และวิธีการคิดแบบมีระบบ”

“แต่อีกด้าน จินนี่ก็ชอบด้านศิลปะ แฟชั่นมาตั้งแต่เด็ก เพราะพี่ชายคนโตก็ชอบแฟชั่น ​แต่ก่อนอาจจะศึกษาแฟชั่นจากการดูหนัง นิตยสาร พอเริ่มโตก็จะสังเกตการแต่งตัวของคนรอบข้าง ยิ่งเวลาไปเมืองนอก การได้นั่งมอง นั่งสังเกตการแต่งตัวของผู้คนรอบตัว เป็นอะไรที่มีความสุขมาก ดังนั้น พอเริ่มทำงาน ด้วยจังหวะที่ลงตัวว่าจินนี่เคยฝึกงานที่นี่อยู่แล้ว พอเรียนจบ พี่ๆ ก็ให้โอกาส ชวนมาทำงาน ซึ่งจินนี่มองว่าเป็นโอกาสที่จะได้ทำงานที่ชอบ”


นอกจากจังหวะ ความชอบที่โคจรมาเจอกัน ด้วยความที่เคยฝึกงาน ซึ่งเหมือนเป็นการชิมลางการทำงานร่วมกันมาก่อน ทำให้พอมาลงสนามจริง ทุกอย่างก็ราบรื่น

“เป็นความโชคดีค่ะ ที่ได้ทำงานในบริษัทที่เคยฝึกงานมาก่อน เลยทำให้ไม่ต้องปรับตัวมากเท่าไหร่ อย่างพี่ๆ ในทีมก็เคยเห็นหน้า รู้จักกันอยู่แล้ว แต่ที่ยากขึ้น จากเด็กฝึกงานพอมาเป็นพนักงาน ความรับผิดชอบ ความคาดหวังก็เยอะขึ้น ซึ่งด้วยความที่เราใหม่ ก็อาจจะมีคำถามเยอะ แต่พี่ๆ ทุกคนก็ใจดีช่วยสอนงาน อธิบาย”


บทเรียนสำคัญของการทำงานที่ทำให้จินนี่รู้สึกว่า นี่คือการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การเป็น “ผู้ใหญ่” อย่างแท้จริง คือความรับผิดชอบในการทำงาน ไม่ใช่แค่ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ หรือส่งให้ตรงตามเวลา แต่รวมไปถึงเมื่อมีความผิดพลาดต้องพร้อมที่จะยอมรับผิด และพร้อมรับคำวิจารณ์ของคนที่มีประสบการณ์มากกว่า

“ที่ผ่านมา การฝึกงานหรือการทำงานในมหาวิทยาลัย เราอาจจะไม่ได้มีข้อผิดพลาดใหญ่ แต่พอมาทำงานจริงๆ อาจจะมีบางอย่างที่เราทำไม่ถูกต้อง หรือวิธีการที่ไม่ถูกต้อง มีวิธีอื่นที่ดีกว่า เราก็ต้องกล้าที่จะยอมรับความผิด หรือคำวิจารณ์จากคนอื่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เราโตขึ้น ทำให้เราเปิดใจพร้อมรับฟังคนอื่น”


ทั้งนี้ จินนี่ยอมรับว่า ถึงจะเติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจ แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยกำหนดกรอบว่า ลูกๆ แต่ละคนต้องเดินไปในสายทางไหน

“คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้บังคับว่าต้องเรียนอะไร หรือเลือกทำงานสายไหน แค่ขอว่าอย่าทิ้งธุรกิจที่บ้าน อย่าง จินนี่เองช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย ก็มีโอกาสเรียนรู้งานจากคุณพ่อบ้าง​”

สำหรับไลฟ์สไตล์วันว่างของจินนี่ เธอออกตัวว่า เป็นครอบครัวนักเดินทาง “ที่บ้านชอบเที่ยวค่ะ ทั้งในไทยและต่างประเทศ จนพอเจอโควิด-19 ก็ห่างหายไปบ้าง แต่ถ้าพูดถึงทริปที่ประทับใจ ยกให้ทริปล่าสุดที่เพิ่งไปดำน้ำที่ภูเก็ต ที่พิเศษคือ เราไปเรียนจนได้ไลเซนส์ดำน้ำมา ซึ่งจริงๆ เป็นแผนที่คุยกันไว้นานแล้ว แต่เพิ่งทำสำเร็จ เหตุผลที่ชอบดำน้ำเพราะพี่ชายทั้งสองคน ซึ่งเป็นสายชอบเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม ด้วยความที่เป็นน้องคนเล็ก ถึงทักษะจะยังไม่เท่าพี่ๆ แต่ก็อยากตามพี่ๆ ไปบ้าง ซึ่งตอนนี้ก็ง่ายขึ้นเพราะได้ไลไซนส์แล้ว”


อย่างไรก็ตาม เห็นลุกคุณหนูแบบนี้ แต่จินนี่บอกเลยว่า “ไม่ใช่คนอยู่ยาก ไปไหนไปกัน อย่างตอนไปปีนแหลมกระทิง ก็ตามพี่ๆ ไป

“ถึงจะเดินไกล แต่วิวสวยมาก เสียดายที่วันนั้นอาจจะเตรียมตัวไม่พร้อม ไม่ได้ใส่รองเท้าปีนเขา ใส่รองเท้าแตะไป ก็เดินไปจุดถึงจุดหมาย แต่กลับมาถึงที่พักก็ขาพอง” จินนี่เล่าไปขำไปก่อนเสริมว่า “ตอนนี้มีอีกเป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ คือ เวคเซิร์ฟ เพราะเห็นคนอื่นเล่นแล้วดูสนุก เลยคิดว่าอยากจะให้เวลาไปลอง”

ถามว่า เล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่มีกังวลหรือไม่ จินนี่บอกว่า “คุณพ่อคุณแม่ให้อิสระกับลูกทุกคน อาจจะห่วงจินนี่มากกว่าพี่ชายนิดหนึ่ง แต่ก็จะสอนเสมอว่าให้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองอยากใช้ ขอแค่อย่าทำความเดือดร้อนให้คนอื่น สามารถรับผิดชอบตัวเองและครอบครัวในอนาคต และที่สำคัญคือ สามพี่น้องต้องรักใคร่ปรองดอง ส่วนงานอดิเรกจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ อย่างมากก็จะเตือนว่าให้มีสติดูแลตัวเองดีๆ เพราะสมัยหนุ่มๆ คุณพ่อก็เป็นสายเอ็กซ์ตรีม ชอบดำน้ำ เล่นกีฬาเหมือนกัน”


มาถึงความสนิทสนมกับคุณแม่ ในฐานะลูกสาวคนเดียว จินนี่บอกว่า “ตอนที่มาช่วยงานการเมือง คุณแม่ไม่ได้เอ่ยปากชวนตรงๆ แต่จินนี่เองที่เห็นว่าเราเป็นลูกคุณแม่ อยู่กับคุณแม่ตลอด เวลาคุณแม่มีอะไรก็จะมาปรึกษา ขอความเห็นตลอด เราก็จะพยายามช่วยและพูดคุยกับคุณแม่เยอะ”

“หรืออย่างเรื่องแฟชั่น จินนี่ชอบสายนี้ แต่คุณแม่อาจจะไม่ใช่สายชอปปิ้ง ส่วนใหญ่ถ้าคุยกันเรื่องแฟชั่นจะเป็นการอัปเดตมากกว่า อย่างคุณแม่เห็นว่าจินนี่ใส่สูทโอเวอร์ไซส์ ก็จะชมว่าสวย เท่ดี”


ถามว่า จินนี่เป็นคนชอบแต่งตัวแนวไหน จินนี่มองว่าตัวเองไม่ได้มีสไตล์ที่ชัดเจน เน้นแต่งตัวตามใจ

“วันไหนถ้าอยากใส่สูทโอเวอร์ไซส์ แบบบอยๆ ก็ใส่ บางวันก็เดรสหวานๆ เน้นใส่แล้วมั่นใจ​ ไม่ต้องพะวง ไม่ได้จำกัดว่าเราต้องแต่งตัวสไตล์หวานหรือเท่”


มาถึงวันนี้ จินนี่พูดได้อย่างเต็มปากว่า “ภูมิใจที่เป็นลูกคุณแม่ แม้สมัยเด็กอาจจะเคยไม่สบายใจเวลาบอกใครว่าเป็นลูกนักการเมือง เพราะกลัวฟีดแบคว่า บางคนอาจะไม่ชอบแม่เรา หรือไม่ชอบนักการเมืองเป็นทุนเดิม เลยไม่ค่อยกล้าบอกใคร แต่พอโตขึ้นเห็นการทำงานของคุณแม่ ได้สัมผัสการทำงานของคุณแม่จริงๆ ถึงได้พบว่า จริงๆ ไม่มีอะไรต้องอาย เพราะคุณแม่ทำงาน ซึ่งท่านทำงานหนักมากๆ ทุกครั้งที่เห็นข่าวคุณแม่ก็รู้สึกภูมิใจ”


สำหรับแผนการในอนาคต จินนี่บอกว่า ตอนแรกคิดว่าจะทำงานสักพักแล้วไปเรียนต่อ แต่พอเริ่มทำงานก็เริ่มสนุก จนอยากโฟกัสตรงนี้ก่อน ​พร้อมกับปลุกปั้นแบรนด์เสื้อผ้า

“ตอนนี้นอกจากงานประจำ จินนี่ยังมีอาชีพเสริมคือ แบรนด์เสื้อผ้า The Daughters Club ซึ่งมีเสื้อผ้าทุกแนว เน้นใส่ง่าย เพิ่งเริ่มทำ เพราะโควิด-19 ทำให้รู้ว่าอะไรก็เกิดได้ตลอดเวลา ถ้าเราอยากทำอะไรก็ทำ เลยคุยกับเพื่อนๆ ที่อยากทำแบรนด์เสื้อผ้าอยู่แล้ว​​ มาทำด้วยกัน ก็อยากเชิญชวนใครที่สนใจเสื้อผ้าสวยๆ แม่ค้าใจดีมาก ทักมาคุยได้ตลอดค่ะ” จินนี่ทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มสดใส

Comments are closed.

Pin It