Interview

อัปเดตชีวิตช่างภาพมือทอง “วสันต์ ผึ่งประเสริฐ” ในวันที่แทบไม่ได้ลั่นชัตเตอร์!

Pinterest LinkedIn Tumblr


เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ไปเต็มๆ เช่นกัน สำหรับอาชีพ “ช่างภาพ” เพราะด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดทำให้การออกกองเพื่อถ่ายแฟชั่น เซ็ต หรือ จัดงานอีเวนต์ ถ่ายโฆษณาแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แม้แต่ “เปิ้ล–วสันต์ ผึ่งประเสริฐ” ช่างภาพแฟชั่นชื่อดังระดับแนวหน้าของเมืองไทย ที่ผันตัวมาเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ให้กับ นิตยสาร โว้ก ประเทศไทย พร้อมกับรับงานช่างภาพโฆษณาและอีเวนต์ต่างๆ ก็ยังยอมรับว่า งานของฝั่งโว้กยังมีเข้ามาบ้าง แต่ถ้าเป็นงานอื่นๆ คือเงียบไปเลย”


แต่ยังโชคดีที่นอกจากอาชีพช่างภาพ เปิ้ลยังผันตัวมาเป็นอาจารย์พิเศษ ประจำภาควิชาออกแบบเครื่องแต่งกาย คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ควบคู่ไปกับได้การเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาในการทำวิทยานิพนธ์ให้กับนักศึกษา ​เข้าปีที่ 11 แล้ว ช่วงนี้เลยแค่ปรับตัว จากที่ไปต้องไปมหาวิทยาลัยมาสอนออนไลน์แทน

“ที่ผ่านมา งานที่เราทำส่วนใหญ่จะเกี่ยวเนื่องกับสิ่งที่เราถนัด นั่นคือการถ่ายภาพและแฟชั่น เพราะก่อนหน้าจะมาเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ เราก็เป็นช่างภาพที่นิตยสารดิฉันมาก่อน ฉะนั้น พอมาเป็นอาจารย์พิเศษ เราก็เน้นเรื่องการสอนถ่ายภาพแฟชั่น เริ่มตั้งแต่พื้นฐานการถ่ายรูป ประวัติช่างภาพแฟชั่น สอนตั้งแต่ทฤษฎีไปจนถึงการลงมือปฏิบัติ ไฮไลต์ของวิชาเราคือ ก่อนจบคอร์ส จะพานักศึกษาไปถ่ายงานในสตูดิโอจริงๆ ก่อนไปเขาต้องทำการบ้านตามโจทย์ที่ได้รับบรีฟ มีการขายไอเดียก่อนค่อยไปลงหน้างานจริง”


แต่ด้วยสถานการณ์โรคระบาด ก็ต้องลุ้นว่าปีนี้จะยังทำตามแผนเดิมได้หรือไม่ หรือต้องหาแผนสำรอง เพราะขนาดการเรียนการสอนยังต้องย้ายมาอยู่บนโลกออนไลน์

“พอต้องสอนออนไลน์ก็ต้องปรับตัวพอสมควร ต้องทำการบ้านมากขึ้น เพราะเดิมเราเน้นสอนทฤษฎีควบคู่ไปกับปฏิบัติ เพื่อให้เข้าใจยิ่งขึ้น แต่พอสอนแบบไม่ได้เจอหน้า เราก็ต้องหาตัวอย่างมาให้เห็นภาพ เตรียมตัวให้หนักขึ้น จนตอนนี้แทบจะเขียนตำราได้แล้ว (หัวเราะ)”


อย่างไรก็ตาม แม้จะยอมรับว่าต้องปรับตัวเยอะ แต่เปิ้ลยังคิดบวกว่าถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ สร้างความสนุกไปอีกแบบ ได้อัปเลเวลผู้สอนไปอีกขั้น

“แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดคือ พออยู่บ้านตลอดก็มีช่วงที่ซึมๆ แทบแยกไม่ออกว่าวันไหนวันธรรมดาวันไหนวันหยุด เพราะทุกวันแทบจะเหมือนกันไปหมด ยิ่งไม่ได้ออกไปเจอผู้คนเหมือนแต่ก่อน ช่วงแรกๆ ก็เหมือนจะรับมือได้ แต่พอเราอยู่กับโควิดมาเกือบ 2 ปี ก็มีบางช่วงที่เหงาๆ ยังดีที่มีช่วงกลางๆ ปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ ที่เรายังได้ออกไปพบปะผู้คนบ้าง”


ถามว่า พอจู่ๆ แทบไม่ได้ถ่ายภาพเหมือนแต่ก่อน คิดถึงงานช่างภาพแค่ไหน เปิ้ลตอบว่า ตอนนี้ไม่ใช่แค่คิดถึงการหยิบกล้องขึ้นมาลั่นชัตเตอร์ แต่เสื้อผ้าที่ซื้อก็แทบไม่ได้ใส่ เพราะไม่รู้จะแต่งตัวไปไหน

“รองเท้าบางคู่ พอไม่ได้ใส่นานๆ ก็พังไปเลย (หัวเราะ) ส่วนถ่ายรูป ตอนนี้ก็ใช้มือถือถ่ายไปบ้าง คิดว่าถ้าได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ช็อตแรกๆ อาจจะต้องมีเคาะสนิม เพราะว่าไม่ได้ถ่ายนาน แต่ 2-3 ช็อตก็ลุยต่อได้แล้ว ไม่มีปัญหา”


ส่วนโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่อยากทำ เปิ้ลแย้มว่ามี ซึ่งก็ยังวนเวียนอยู่ในแวดวงแฟชั่นและการถ่ายรูป “จริงๆ ก็ฟอร์มทีมไว้แล้ว แต่พอโควิดระลอกใหม่มาเลยพักไว้ก่อน คิดว่าถ้าสถานการณ์ดีขึ้นอาจจะได้เห็นโปรเจกต์ใหม่ที่น่าสนุกอย่างแน่นอน เพราะเราอยู่วงการนี้มา 20 กว่าปีก็จริง ครั้งนี้น่าจะหนักสุด เพราะไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ ไม่ได้เจอผู้คนด้วย บวกกับที่ผ่านมาตอนที่เจอวิกฤตเศรษฐกิจใหญ่ๆ เราก็ยังมีงานประจำ แต่พอผันตัวมาเป็นฟรีแลนซ์ก็ต้องรับผิดชอบ​ตัวเองซึ่งเราก็เป็นคนที่พยายามไม่คิดลบ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อย่างน้อยเกิดแล้วขอให้เรายังปรับตัวได้เป็นพอ” เปิ้ลทิ้งท้าย

Comments are closed.

Pin It