ความพิเศษของอาหารแต่ละมื้อ นอกจากอร่อยถูกปาก กินกับคนถูกใจแล้ว บรรยากาศก็เป็นอีกสิ่งสำคัญในการสร้างความประทับใจให้กับมื้ออร่อยสุดโรแมนติกของคุณ
โอกาสนี้เราจึงสแกนหาร้านอาหารสุดเลิศ My Collection HOME CUISINE ซึ่งจะช่วยเติมเต็มความสุขให้มื้ออาหาร ด้วยการเสิร์ฟอาหารรสเยี่ยม คัดเลือกเฉพาะวัตถุดิบชั้นดี ที่สำคัญยังตกแต่งแสนคลาสสิคในสไตล์โคโลเนียล (Colonial style) ให้ผู้มาเยือนได้ลิ้มลองอาหารอร่อย แถมได้สัมผัสความงามของศิลปะการตกแต่ง ที่ยิ่งมองก็ยิ่งทำให้อาหารตรงหน้าอร่อยขึ้นเป็นทวีคูณ
อร่อยสุขภาพดี ท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์สุดคลาสสิก
ร้านอาหารแสนคลาสสิกบนถนนวิทยุแห่งนี้สวยงามเก๋ไก๋ ตั้งแต่ประตูทางเข้าหน้าร้านที่ดูร่มรื่นและสดใส ที่สำคัญภายในร้านไม่ได้ขายแค่อาหาร หากแต่ยังมีเฟอร์นิเจอร์(furniture)ไม้เก่าจำหน่ายอีกต่างหาก!
คุณเจน บูรณฤกษ์ เจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่า ร้านแห่งนี้เปิดมา 9 ปีเต็มแล้ว ในครั้งแรกเธอตั้งใจเปิดร้านขายเฟอร์นิเจอร์เก่า ด้วยความที่ตัวเธอชื่นชอบศิลปะโคโลเนียลสไตล์ โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่า ที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยที่ประเทศพม่าตอนตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศอังกฤษ
ทว่าหลังเปิดร้านขายเฟอร์นิเจอร์ได้ไม่นาน มีผู้คนจำนวนมากเข้าใจผิด คิดว่าเธอเปิดเป็นร้านอาหาร เมื่อมีคนเข้ามาถามบ่อยเข้า คุณเจนซึ่งปกติชื่นชอบการทำอาหารอยู่แล้ว จึงเริ่มทดลองทำอาหารขาย ก็ปรากฎว่าขายดิบขายดี ทำให้จากเดิมที่เน้นขายเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ ก็ต้องตามใจลูกค้าด้วยการปรับให้เป็นร้านอาหารเต็มรูปแบบ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลายก็นำมาประดับไว้ตามมุมต่างๆ ของร้าน หากลูกค้ามาเยือนแล้วถูกใจเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหน ก็ยังสามารถเลือกซื้อหาได้เช่นเดิม
รื่นรมย์งามตา แฝงกลิ่นอายโคโลเนียล
ด้วยความที่นำเอาเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่ามาประดับประดาไว้ตามมุมต่างๆ ส่งผลให้บรรยากาศการตกแต่งของร้านออกมาในสไตล์ ‘เก่าผสมใหม่’ ที่ผสานความงามสุดคลาสสิกเข้ากับมนต์เสน่ห์ศิลปะสมัยใหม่ ออกมาเป็นร้านสวยสะดุดตา ที่ใครมาเห็นเป็นต้องเอ่ยปากชม
ภายในร้านแบ่งย่อยได้เป็น 3 มุมหลัก คือ ด้านหน้าที่ติดกระจกใส มองเห็นทิวทัศน์ภายนอกอย่างชัดเจน ทาผนังโทนสีม่วง ตกแต่งด้วยเก้าอี้ลายดอกไม้ และริบบิ้นหลากสี ได้ความรู้สึกสดใส โล่งโปร่งสบาย กลางร้านจัดให้เป็นโต๊ะไม้สักทอดยาวเรียงกัน แต่งแต้มด้วยสีเขียว ข้างกำแพงประดับกระจกไม้ และเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กๆ ให้นั่งดูเพลินระหว่างเจริญอาหาร
ด้านในสุดตกแต่งหรู ด้วยโซฟาลายดอกไม้สีแดง นุ่มนิ่ม นั่งสบาย มีผ้าม่านสีแดงบางเบาพริ้วไหว เพิ่มลูกเล่นอีกนิดด้วยมู่ลี่ดอกไม้ ที่ประดับด้วยไฟสีเหลืองอ่อน เหมาะนักที่จะมาดินเนอร์ (dinner) ใต้แสงเทียนสุดโรแมนติก
เมนูคุณภาพ แบบโฮมเมดแท้ๆ
อาหารของที่นี่ประกอบไปด้วยเมนูอาหารไทย และอาหารนานาชาติ ที่เน้นหนักคือ เมนูอาหารอิตาเลียน (Italian Food) ซึ่งเจ้าของร้านเธอคิดสูตรอาหารเองทั้งหมด และทำแบบโฮมเมด (homemade) จานต่อจาน แถมห่วงใยสุขภาพลูกค้า เลือกใช้น้ำมันมะกอกปรุงอาหารทุกชนิดอีกด้วย
ไม่รอช้าแล้วหล่ะ… มาผลโฉมอาหาร 5 เมนู ที่ทางเจ้าของร้านคอนเฟิร์มว่าเด็ดสุดๆ เลย มาดูซิว่า สีสัน-หน้าตาจะน่าหม่ำแค่ไหน ^_^
River Prawn + Bacon Spaghetti and Green Salad (390บาท)
เจ้าของร้านให้ข้อมูลว่า เส้นทุกชนิดที่ใช้ในร้านเป็นเส้นที่ทางร้านนวดแป้งเองบีบเส้นเอง ส่งผลให้ได้เส้นสดๆ ที่นุ่มเนียน อร่อยกว่าเส้นสำเร็จรูปที่วางขายตามท้องตลาดมาก
“จานนี้เป็นสปาเก็ตตี้ (Spaghetti) สุดฮิตของร้านค่ะ เราจะใส่แบล็คโอลีฟ (black olive) พริกแห้ง ไข่ไก่ พริกไทยสด เข้าไปผัดกับเส้น จากนั้นเราก็คิดว่าอยากทำอะไรให้อาหารจานนี้พิเศษยิ่งขึ้น เลยเพิ่มความพิเศษด้วยการเอากุ้งแม่น้ำมาเผา โรยเกลือและพริกไทยนิดหน่อย แล้วก็เพิ่มสลัดเข้าไปอีก เลยได้เป็นอาหารจานนี้ ที่ทุกอย่างทานแล้วก็เข้ากันดี”
ลองแล้วต้องขอยกนิ้วให้ ตรงที่เส้นเหนียวนุ่ม ด้านในกรุบกรับเล็กน้อย เคี้ยวได้เพลินๆ แถมหอมน้ำมันมะกอก พริกไทย และเครื่องเทศเต็มๆ ส่วนกุ้งแม่น้ำเผาตัวใหญ่เป้ง เนื้อสดแน่น มันกุ้งสีทองหอมมัน เมื่อทานคู่กันกับเส้นสปาเก็ตตี้แล้วเข้ากันสุดๆ เติมคุณค่าด้วยผักสดกรอบอีกนิด กับน้ำสลัดรสกลมกล่อมด้วย เพราะได้ทั้งคุณค่าอาหาร, หน้าตาสะสวย แถมรสก็ชาติเด็ด มิน่าล่ะจานนี้ถึงได้เป็นสปาเก็ตตี้ยอดฮิตของร้าน
Fettuccine Creamy Crab with Ebiko (390 บาท)
เฟตตูชินี (Fettuccine) เส้นเหนียวนุ่ม คลุกเคล้าด้วยครีมเข้มข้น ที่ใช้เนื้อปูขาวละเอียดผสมรวมกับ วิปปิ้งครีม (whipping cream) ปรุงรสให้กลมกล่อมด้วยเกลือและพริกไทยอีกเล็กน้อย ก่อนโรยหน้าด้วยไข่กุ้งสีสวย แค่เห็นก็แทบน้ำลายหก
จานนี้เสิร์ฟมาร้อนๆ ได้กลิ่นหอมของครีมปูมาแต่ไกล เมื่อนำไข่กุ้งเม็ดละเอียด คลุกเคล้าเข้ากับครีมปู ตักทานแต่ละคำ ได้ทั้งรสชาติหวานมันกลมกล่อม กัดเจอไข่กุ้งก็ได้สัมผัสความกรุบกรับ แถมหอมกลิ่นครีมปูจนขึ้นจมูก เราขอยกให้เป็นอีกสุดยอดเมนูความนุ่มลิ้น ที่เชื่อว่าน่าจะถูกใจใครต่อใครเป็นแน่
Spinach Ravioli with Porcini sauce (380 บาท)
“แป้งของอิตาลีจะเป็นแป้งลักษณะเดียวกันหมด อยู่ที่ว่าเราจะเอาไปทำเป็นรูปแบบไหน อย่างจานนี้จะทำเป็นแผ่นแป้งกลม คล้ายเกี๊ยวบ้านเรา แต่จานนี้ภายในจะเป็นผักโขมที่นำมาผัดกับกระเทียม ใส่พริกไทยนิดหน่อย แล้วเอามายัดไส้ เมื่อนำไปทำให้แป้งสุกแล้ว ก็นำมาราดด้วยซอสเห็ดราวีโอลี่ ซึ่งเห็ดชนิดนี้เราซื้อมาจากอิตาลี เพราะที่เมืองไทยจะไม่ค่อยมีขาย ตัวเองมีโอกาสได้เดินทางไปที่อิตาลีบ่อยๆ เราก็เลยซื้อกลับมา เอามาทำให้ลูกค้าได้ทานกัน” คุณเจนอธิบายถึงความพิเศษของอาหารจานนี้ ที่เธอต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปซื้อมาให้ลูกค้าของเธอได้ทาน
สำหรับจานนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นเกี๊ยวอิตาลี ที่รสชาติกล่อมกล่อม ภายในอัดแน่นไปด้วยผักโขมรสดี เด็ดสุดที่ซอสเห็ดราวีโอลี่ ที่หอมติดปลายลิ้น รสชาติกลมกล่อม เค็มนิด เผ็ดร้อนด้วยพริกไทยหน่อย อยากรู้ว่าจะอร่อยเกินหน้า เกินตา เกี๊ยวที่เราคุ้นเคยแค่ไหน คงต้องไปลองเองแล้วหล่ะ
Trio Soup (250บาท)
สำหรับเซตนี้เป็นซุป 3 รส 3 สไตล์ ประกอบด้วยซุปหน่อไม้ฝรั่ง รสชาติผักแท้ๆ เปี่ยมคุณค่า ต่อด้วยซุปมะเขือเทศรสเปรี้ยวนำ แต่หอมอร่อยไม่น้อย และปิดท้ายที่ซุปฟักทองสีเหลือง เนื้อข้นคลั่ก รสชาติหอมมัน
ชุดนี้เสิร์ฟมาพร้อมขนมปังกระเทียมกรอบนอกนุ่มใน ให้คุณได้ลิ้มรสควบคู่ไปกับซุปทั้ง 3 จะจิบเบาๆ ละเลียดรสเข้มข้นของซุปทีละนิด หรือจะยกดื่มให้หมดในคราเดียว ก็ได้คุณประโยชน์แบบเต็มๆ เหมือนกันจ้า
“ซุปนี้พิเศษตรงที่เราทำด้วยผักสดหมดเลย รสชาติจะเข้มข้นมาก อย่างฟักทอง เราก็เอาฟักทองมาเคี่ยว นานมาก และเราไม่ได้ใส่พวกผงปรุงรสใดๆ ทั้งสิ้น เติมแค่เกลือ และวิปปิ้งครีมนิดหน่อยเท่านั้น แต่ด้วยความที่เป็นผักสดและเคี่ยวนาน เราก็จะได้รสชาติของผักแบบเต็มที่” เจ้าของร้านอาหารสุดคลาสสิค อธิบายถึงความพิเศษของซุปทั้ง 3 ที่ไม่ได้มีดีแค่สีสวย แต่ยังรสดีแถมได้ประโยชน์จากผักอีกต่างหาก
Lava Cake (250 บาท)
ปิดท้ายกันด้วยเมนูของหวานขายดีอย่าง ลาวาเค้ก (Lava Cake) รสชาติดี สูตรนี้เจ้าของร้านเล่าว่า น้องชายของเธอไปท่องเที่ยวที่สหรัฐอเมริกา ได้ทานลาวาเค้กลักษณะนี้แล้วติดใจ จึงนำมาปรับเป็นสูตรของตัวเอง โดยลดระดับความหวานให้พอเหมาะ ถูกปากคนไทย ด้วยการเติมกาแฟชั้นดีเข้าไปนิด จนได้เนื้อช็อกโกแลตลาวาที่เข้มข้น หวานนิด ขมหน่อย โรยหน้าด้วยอัลมอนด์ และขนมปังกรอบให้เคี้ยวกันได้เพลินๆ
เมนูนี้เสิร์ฟมาพร้อมไอศกรีมวนิลา ส่วนเค้กก้อนพอเหมาะ มีเนื้อด้านนอกกรอบ ด้านในนุ่มเนียน เมื่อตัดก้อนเค้กจะได้เห็นเนื้อช็อกโกแลต (Chocolate) พุ่งทะลักออกมาสมชื่อลาวาเค้ก ให้คุณได้ทานเนื้อช็อกโกแลตอุ่นๆ ผสมกับเค้กรสดี และไอศกรีมหวานเย็น ทานแล้วชื่นใจ ปิดท้ายมื้ออร่อยได้สมบูรณ์แบบสุดๆ
เปิดบริการ วันจันทร์-วันเสาร์ (หยุดวันอาทิตย์) ช่วงเวลา 10.30 – 14.30 น. และ 17.30 – 22.30 น.
ที่ตั้ง 2/10 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (จอดรถฟรีที่โรงแรมปาร์คนายเลิศ)
กริ๊งกร๊าง สำรองความอร่อย 02-655-7502-3, 081-826-9973
เรื่องโดย Lady Manager
ภาพโดย ณัฐพันธ์ ครุธทิน
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Comments are closed.