Lifestyle

“เครียดอย่างฉลาด” โลกมีไว้ให้เหยียบ ไม่ใช่มีไว้เเบก!

Pinterest LinkedIn Tumblr


>>“ความเครียด” ซึ่งเป็นปัญหาใกล้ตัวที่เกิดขึ้นกับทุกคน เป็นสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บ ก่อให้เกิดความทุกข์ทางกายและใจ ซึ่งค้นพบว่าสังคมเรานั้นมีความเครียดเกิดขึ้นมากมาย ผมจึงได้รวบรวมความรู้ที่มีอยู่ ค้นคว้าเพิ่มเติม และเรียบเรียงออกมาเขียนเป็นหนังสือเล่มนี้ โดยเริ่มจากความรู้ในเชิงทฤษฎี และต่อด้วยตัวอย่างการลองฝึกปฏิบัติแต่ละวิธีการด้วยตัวของผมเอง ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องราวของตัวผู้เขียนเองที่ได้ประสบพบเจอกับประสบการณ์ต่างๆ และเพื่อชี้ให้เห็นว่า “แก้เครียดไม่ได้ยากอย่างที่คิด ท่านผู้อ่านก็ทำได้ครับ”

ความเครียด เป็นตัวทุกข์ที่พบได้บ่อยในปัจจุบันและมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ความทุกข์จากความเครียด เริ่มต้นที่ใจและส่งสัญญาณไปที่สมองให้หลั่งสารเครียดต่างๆ ออกมา ทำให้มีผลกระทบต่อระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกายทำให้เกิดการแปรปรวนผิดปกติ เป็นผลต่ออาการเจ็บป่วยทางกาย ซึ่งการทำความรู้จักและเข้าใจกระบวนการความเครียด ต้องมีสติรู้ตัวและยอมรับว่าความเครียดที่เกิดขึ้น สำคัญที่สุดต้องคิดทบทวนชีวิต เพื่อหาสาเหตุของความเครียด โดยเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เท่านี้ก็พิชิตความเครียดได้ไม่ยาก

ก่อนอื่นเราลองหยุดคิดใคร่ครวญถามตัวเองก่อนว่า “เครียด” ในความรู้สึกของเราเป็นอย่างไร สาเหตุของมันคืออะไร เรารู้จักความเครียดมากเพียงใด และผลเสียของความเครียดคืออะไร หลายคนคงตอบไม่ได้ บางคนอาการหนักจนน่ากลัว คือ ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังเครียด หรือบางคนเกิดความเคยชิน คิดว่าเป็นเรื่องปกติของตัวเองไปแล้ว

แล้วความเครียดคืออะไร… ความเครียด คือ ความรู้สึกที่ก่อตัวที่จิต มีลักษณะหนัก ตึง อึดอัด ไม่เบาสบาย สาเหตุมาจากเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องส่วนตัว และสังคมรอบข้าง ซึ่งเราอยู่กับความรู้สึกแบบนี้จนเคยชิน ความเครียดก่อให้เกิดผลเสียทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้เกิดอาการป่วยทางใจและทางกาย ซึ่งส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิต การงาน ครอบครัว ความสำเร็จ และความสุขในชีวิต

หากจิตเรารู้ตัวอยู่กับปัจจุบัน ทำใจเป็นกลาง มองทุกอย่างเป็นสมการของเหตุและปัจจัย เราจะสามารถลดความเครียดลงได้ ความทุกข์ก็จะน้อยลง ที่สำคัญสุขภาพแข็งแรงขึ้นด้วย

ความเครียด แท้จริงนั้น มีสาเหตุมาจากภายในตัวเรานั่นเอง…

ในวงการแพทย์ยอมรับกันว่า ความเครียดเป็นสาเหตุที่สำคัญของการเกิดโรคแผลในกระเพาะอาหาร เพราะความเครียดเป็นสาเหตุให้มีการหลั่งน้ำย่อย ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดออกมามาก ความเครียดทำให้ผนังเยื่อบุกระเพาะอาหารบางลง ความเครียดทำให้ภูมิต้านทานต่ำ และติดเชื้อในกระเพาะเพิ่มมากขึ้น

สังเกตไหมครับว่า… ปัจจุบันมีคนปวดท้องเพิ่มมากขึ้น ทั้งท้องอืด ท้องเฟ้อ กรดไหลย้อน
หมออายุรกรรมระบบทางเดินอาหารทำงานอย่างหนักหน่วงกันเลยทีเดียว ผมเคยตกเป็นเหยื่อของโรคกระเพาะอาหารเป็นแผลเช่นกัน พื้นฐานผมเป็นคนคิดมากอีกทั้งยังมีความเครียดผสมเข้าไปด้วย ทั้งเรื่องเรียน และเรื่องงาน ผมเริ่มมีอาการปวดท้อง พอไปหาหมอก็วินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ นานๆ เข้าก็กลายเป็น “ความเครียดเรื้อรัง”

ผมเริ่มหยุดนิ่ง ปล่อยวาง ตั้งสติ และทบทวนกับชีวิตตัวเองที่ผ่านมา ทำให้ผมรู้และเข้าใจชีวิตแล้วว่า จากนี้ไปจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร…

ก่อนที่เราจะวางแผนพิชิตความเครียดนั้น เราต้องเริ่มต้นน้อมจิตเข้ามา ตระหนักรู้ถึงความเครียดที่มีอยู่ภายในตัวเราเสียก่อน เริ่มจากการสังเกตภายในร่างกายและจิตใจว่ามีอะไรที่ผิดปกติไป เมื่อเราพบต้นตอความเครียดเราก็จะรู้สาเหตความเครียดว่า ใจเรามักจะไปอยู่กับอดีตที่เราไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และใจเราก็ไปในอนาคตคิดถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เราต้องหมั่นตรวจสอบภายในตัวเองอยู่บ่อยๆ ใจเราจะได้อยู่กับปัจจุบันขณะ จะเริ่มเห็นสาเหตุของความเครียดมากขึ้น และถ้าเรายอมรับและปล่อยวางได้ความเครียดก็จะลดน้อยลง

เมื่อรู้ตัวว่าเครียด แนวทางในการบริหารจัดการกับความเครียดมีหลายรูปแบบ แต่ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะปริมาณและชนิดของความเครียดนั้นๆ บางความเครียดเพียงแค่รู้และยอมรับ บางความเครียดก็ต้องไปแก้ต่อที่สาเหตุ แต่บางความเครียดก็ต้องอยู่คู่กันไป ซึ่งการรู้จักและเรียนรู้อาวุธเครื่องมือที่ใช้ต่อสู้ความเครียดจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการเลือกนำมาฝึกฝน และนำไปใช้ให้เหมาะสมกับตนเอง

หนังสือเล่มนี้มีวิธีคลายเครียดหลากหลาย อาทิ การออกกำลังกายแอโรบิก การนอนหลับ การหัวเราะ การสร้างพลังแห่งความรัก และพลังแห่งศรัทธาในตัวเอง การใช้ศิลปะบำบัดทุกข์ การเล่นโยคะ หรือจะเป็นพลังของการสวดมนต์ นั่งสมาธิ เหล่านี้เป็นต้น ทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น ปราศจากตัวกวนใจ กวนอารมณ์ให้เกิดความเครียดเรื้อรัง

สำคัญที่สุดคุณจะได้รู้ถึงหลักการของ “เครียดอย่างฉลาด” ว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง และทำให้คุณเข้าใจการ “เปลี่ยนความเครียด ให้เป็นความสุขและความสำเร็จ” ได้ไม่ยากและทำได้จริง หากคุณรักและเมตตาตัวเอง และปรารถนาให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้น …

จงดึงพลังแห่งปัญญามาไตร่ตรอง แล้วปรับปรุงแก้ไข
นำพาชีวิตไปสู่หนทางที่สว่างไสว
นั่นแหละ… คุ้มค่ากับการเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว

คำนิยม

แม้คุณหมอจะตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า “เครียดอย่างฉลาด” เพื่อให้ผู้สนใจไม่รู้สึกว่าเป็นหนังสือวิชาการที่มีเนื้อหาที่ลึกล้ำจนไม่อยากจับ รวมทั้งได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะให้เนื้อหาในแต่ละบทเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งผมขอยกย่องชมเชยความสามารถนี้ ว่าเป็นเรื่องยากมากที่ใครจะถ่ายทอดออกมาได้เรียบง่ายอย่างนี้ คนที่จะทำเช่นนี้ได้ต้องมีความเข้าใจในเรื่องที่จะเขียนอย่างลึกซึ้ง แล้วหยิบเอาเฉพาะแก่นมาตีแผ่ให้ชาวบ้านอย่างพวกเราได้เข้าใจ

สิ่งที่คุณหมอเขียน ในทางวิชาการอาจเรียกว่า วิถีแห่งการเข้าถึงสุขภาวะที่สมบูรณ์ ซึ่งประกอบด้วยสุขภาพ 4 มิติ คือ ร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ โดยมีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงกัน แยกกันโดยเด็ดขาดไม่ได้ การแพทย์แผนปัจจุบันมุ่งเน้นการรักษาทางกายเป็นหลัก แต่ค่อนข้างหย่อนในมิติอื่นๆ เห็นได้ชัดจากการที่คุณหมอวิโรจน์ ที่เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแท้ๆ แต่เมื่อท่านต้องการเสริมสร้างสุขภาพของตนให้สมบูรณ์ ก็จำเป็นต้องไปเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ และฝึกปฏิบัติเพิ่มเติมอีกมาก จนเกิดความกระจ่างแจ้ง นำมาถ่ายทอดให้พวกเราอีกต่อหนึ่งได้

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.อภิชาติ ศิวยาธร
ประธานกรรมการ โรงแรม Sivatel

ในหนังสือเล่มนี้ท่านได้ยกตัวอย่างม้าลายมาเปรียบเทียบให้มนุษย์ได้อาย แม้ว่าม้าลายจะมีความเครียดจากการถูกฝูงสิงโตไล่ล่า แต่ม้าลายก็ไม่เคยเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร ด้วยเหตุของการอยู่แบบธรรมชาติและยอมรับกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ และเมื่อท่านต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพที่เรื้อรังและรุนแรง ท่านก็ตัดสินใจเปลี่ยนวิถีชีวิต ศึกษาศาสตร์การแพทย์แขนงต่างๆ ที่หลากหลายมากกว่าที่เคยศึกษามา แล้วก็นำมาทดสอบกับตัวเอง งานเขียนในหนังสือเล่มนี้จึงเป็นการผสมผสานข้อมูลวิชาการต่างๆ กับผลการปฏิบัติที่เกิดขึ้นด้วยตัวของผู้เขียนเอง ทำให้น่าติดตามและน่าศรัทธาอย่างยิ่ง

ท่านจะเรียงร้อยประสบการณ์ของท่านมาให้เรารับทราบกันว่าท่านปฏิบัติอย่างไร ต้องมีวินัยในตัวเองแค่ไหน แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลัง การนอน การหัวเราะ ความรักและศรัทธา การใช้ศิลปะต่างๆ โยคะ ชี่กง ไปจนถึงเรื่องที่ไม่ค่อยคุ้นหู เช่น ภวังค์บำบัด การล้างพิษทางอารมณ์ แล้วก็กลับมาสู่ภูมิปัญญาดั้งเดิมของเราคือ การสวดมนต์ การทำสมาธิ และการเจริญสติ

นพ.อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล
ผู้อำนวยการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน)

ผู้นิพนธ์คือ อาจารย์นายแพทย์วิโรจน์ ตระการวิจิตร เป็นผู้มีความรู้ความสามารถมาก นอกจากท่านเชี่ยวชาญทางการแพทย์ด้านสูติ-นรีเวช ยังเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถในด้านอื่นๆ เช่น ด้านธรรมปฏิบัติ กีฬาต่างๆ ซึ่งนำมาประยุกต์ใช้ในการรักษาผู้ป่วย โยคะ ชี่กง ฯลฯ ท่านได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรบรรยายให้แก่องค์กรต่างๆ มากมาย อันก่อให้เกิดความรู้และเป็นประโยชน์ต่อผู้รับฟัง ความรู้ต่างๆ เหล่านี้ ผู้นิพนธ์ได้ศึกษาด้วยตัวเองจากตำราต่างๆ เข้ารับการอบรมและลงมือปฏิบัติจริงด้วยตัวเอง

จากนั้นนำมาวิเคราะห์ พินิจพิจารณาและประยุกต์ใช้ จากความได้เปรียบของผู้นิพนธ์ที่เป็นแพทย์ ทำให้สามารถทราบถึงกายวิภาคของร่างกายมนุษย์อย่างละเอียด การรู้เรื่องโรคภัยไข้เจ็บ การวินิจฉัยแยกโรค การดำเนินของโรค ประกอบกับได้ศึกษาธรรมะอย่างลึกซึ้งและนำไปปฏิบัติจนได้ผล ดังนั้นหนังสือเล่มที่ท่านถืออยู่นี้ จะได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะเข้าใจง่าย เรียบเรียงเป็นขั้นเป็นตอน สอดแทรกแนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เริ่มจากสาเหตุไปจนถึงข้อแนะนำ ผู้นิพนธ์ได้บรรยายจากชีวิตจริงของตัวเองและมีความพยายามเป็นที่ตั้ง โดยเชื่อมั่นว่าถ้าปฏิบัติแล้วจะบรรลุความสำเร็จได้

ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์วิโรจน์ กวินวงศโกวิท
ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
รองประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลนครธน

ผมขอชื่นชมและมีความยินดีที่ได้แสดงความคิดเห็นว่า ทำไมควรอ่านหนังสือเล่มนี้ โดยมีเหตุผลดังนี้ คือ

1. เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาสาระ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งทางด้านจิตใจและสุขภาพของผู้อ่าน ให้มีโอกาสพัฒนาจิตใจให้มีความสุขมากขึ้นและร่างกายมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น

2. เป็นหนังสือที่มีข้อธรรมะและแสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติธรรม ซึ่งเป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาเป็นหนทางที่ดีมากทางหนึ่งด้วย ที่จะช่วยให้คลายความเครียดได้อย่างแท้จริง

3. เจตนาของผู้เขียนเน้นถึงคุณประโยชน์ที่ผู้อ่านจะได้รับ รวมถึงได้แบ่งปันประสบการณ์ที่มีคุณค่าของผู้เขียนเพื่อประโยชน์สุขของผู้อ่าน

4. ผู้เขียนเป็นคนที่ผมรู้จัก เป็นนายแพทย์ที่มีจิตใจเมตตา มีพรหมวิหาร เป็นผู้ศึกษาและมีความรู้ทางธรรม เคยปฏิบัติธรรมในหลักสูตร 8 วันหลายครั้ง เป็นคนดีน่าเลื่อมใสศรัทธา

พลตำรวจตรีนรวัฒน์ เจริญรัชต์ภาคย์
นายกยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

หนังสือ “เครียดอย่างฉลาด” ซึ่งอยู่ในมือคุณผู้อ่านขณะนี้ เป็นงานเขียนอธิบายศาสตร์ความเครียดและการจัดการความเครียดได้อย่างชาญฉลาดที่สุด เพราะสามารถนำเรื่องอารมณ์จิตใจที่เป็นนามธรรม มาเขียนเล่าให้เห็นเป็นรูปธรรมได้อย่างชัดเจน ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย สำนวนการเขียนเล่าเรื่องอย่างเป็นกันเอง เหมือนได้นั่งจับเข่าคุยกัน ผู้เขียนมีลำดับขั้นตอนตั้งแต่สาเหตุ ให้ข้อคิดดีๆ จนถึงการจัดการแก้ไข ด้วยศาสตร์กายจิต ที่ผู้เขียนศึกษาค้นคว้ามาด้วยตนเอง

อาจารย์นายแพทย์วิโรจน์ ตระการวิจิตร ท่านเป็นแพทย์แผนปัจจุบันด้านสูติ-นรีเวช ผู้มีความรู้ความสามารถและคุณธรรมในวิชาชีพอย่างเต็มเปี่ยม กอรปกับความสนใจในศาสตร์การบำบัดทางเลือก ที่จะช่วยแก้ปัญหาสุขภาพกาย จิต ได้อย่างเป็นองค์รวม เป็นทางเลือกที่นอกเหนือจากการรักษาด้วยยาดังจะได้นำมากล่าวอธิบายไว้ในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อคุณผู้อ่านทุกเพศทุกวัย

รศ.นพ.ธวัชชัย กฤษณะประกรกิจ
ผู้อำนวยการศูนย์อนัมคาราเพื่อปัญญาเมตตาและสันติสุข

Comments are closed.

Pin It