คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม
วันนี้ฉันออกจากบ้านไปร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยากทาน แล้วก็เลยเรื่อยไปขับรถริมแม่น้ำแถวๆ อำเภออื่น อันห่างจากบ้านไปราวสามสิบกว่ากิโล
หน้าแล้งตอนกลางวันนั้นแดดแรงมาก ฉันเที่ยวดูบ้านเรือนริมแม่น้ำ และสอดส่ายสายตามองหาบ้านเก่าๆ
ถนนริมน้ำในช่วงอำเภอแห่งนั้น พังเสียหายเพราะถูกน้ำเซาะหลายต่อหลายจุดจนรถยนต์ไม่สามารถผ่านได้
ฉันได้เห็นวัดใหญ่ๆ หลายวัดที่เคยได้ยินชื่อแต่เพิ่งบังเอิญไปพบเจอว่าวัดเหล่านั้นอยู่ตรงนั้นตรงนี้ เมื่อได้ลองที่วนรถเข้าไป ก็พบศาลาวัดที่ใหญ่โตเป็นของเก่าสร้างมาแต่โบราณ เห็นแล้วก็ให้อยากมีโอกาสขึ้นไปนั่งทำบุญบนศาลาโบราณเก่าแก่ อย่างนั้นบ้างเหลือเกิน บรรยากาศกลิ่นธูปควันเทียนอบร่ำบนศาลาเก่าแก่เช่นนี้ คงทำให้ใจสุขเอิบอาบไม่น้อย
ฉันได้เห็นกุฏิสีไม้ทรงไทยหน้าจั่วสีเหลืองจำปาสวยสดงามตา ฉันหยุดดูแล้วถ่ายรูป
นอกจากนั้นฉันก็ไปเจอตลาดนัดในวัดริมน้ำแถวนั้นโดยบังเอิญ แม่ค้าแม่ขายเป็นชาวบ้านชาวไร่ชาวนา นั่งขายผักขายปลา ฉันเดินดูแต่ไม่ได้ซื้ออะไรกลับมา แล้วก็ขับรถมาตามถนนเรื่อยๆ โดยไม่แน่ใจว่า จะไปออกจุดไหน แต่ฉันจะดูเวลาไว้ ถ้ายังอยู่ในเวลาที่ตัวเองกะไว้ว่าเป็นเวลาการขับรถเที่ยว จะหลงบ้างก็ไม่เป็นอะไร
การขับรถโดยไม่รู้ว่าจะไปออกทางไหน ในสิงห์บุรีนั้น ยังอยู่ในเวลา ฉันจึงไม่เกิดความรู้สึกร้อนรนใจอันใด และเมื่อขับมาเรื่อยๆ ก็มาวนเข้า อำเภอบางระจัน บ้านของตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ก็อำเภอที่ไปกับอำเภอบางระจันบ้านฉันนั้นอยู่ติดกันอยู่แล้ว
ฉันกลับเข้าบ้านเอาเมื่อเย็นจวนใกล้ค่ำ การออกไปข้างนอกบ้านของฉันนั้น มองดูเหมือนเป็นการไปเที่ยวเรื่อยเปื่อย แต่มันก็เป็นผลดีกับฉัน คือมันจะมีแรงผลักให้คิดถึงบ้านของตัวเอง และมีแรงผลักให้คิดถึงงานของตัวเองในลักษณะแบบนั้น..แบบนี้ ความรู้สึกอยากทำงานมันจะผุดขึ้นมาในใจ ในขณะเวลานั้นๆ ได้
ฉันได้พบแรงกระตุ้นของความต่าง เมื่อที่ฉันออกไปประสบกับสิ่งอื่นๆ ภายนอกบ้าน แล้วก็ให้เกิดการหวนคิดถึงสิ่งที่เป็นเรื่องของตัวเอง คิดถึงบ้านของตัวเอง อันเป็นการสะท้อนกลับทางความรู้สึกได้เป็นอย่างดี
การออกจากบ้านไปอย่างเรื่อยเปื่อยในวันนี้ของฉัน จึงนับเป็นส่วนหนึ่งอันเกี่ยวเนื่องไปถึงการงาน เพราะมันคือการได้ออกไปจากสถานที่อันเป็นที่รักเพื่อที่จะไปค้นหาและรู้สึกถึงอะไรอื่นๆ
และสุดท้ายนั่นก็คือความรู้สึกว่า “คิดถึงบ้าน อยากกลับบ้าน”
“คิดถึงงาน อยากทำงาน” นั่นเอง
ความรู้สึกเช่นนี้มันจะผุดขึ้นมาหลังจากทีไปไหนต่อไหนมาอย่างนั้นบ่อยๆ เสมอ
ถ่ายภาพโดย : ชาญชัย แซ่ฉั่ว
รู้จัก… องุ่น เกณิกา สุขเกษม
จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี
ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด
ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี
เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า
“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ
รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข
ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”
ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews
Comments are closed.