Travel

บินตรงสู่ “ฮานอย” สัมผัสเสน่ห์แห่งเวียดนาม

Pinterest LinkedIn Tumblr


>>สำหรับคนที่กำลังแพลนทริปเดินทางหาที่ท่องเที่ยวพักผ่อนกันในช่วงวันหยุดเทศกาลต่างๆ เรามีเดสติเนชั่นสุดพิเศษมาแนะนำกัน อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเป็นประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่าง “เวียดนาม” โดยเราจะพาคุณไปเที่ยวที่ “ฮานอย” ฮับแห่งการท่องเที่ยวเวียดนามเหนือ ที่คุณสามารถเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ รวมถึงสามารถต่อเครื่องไปเที่ยวยังประเทศต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย

โดยปัจจุบันนี้คนไทยเราสามารถเดินทางไปยังเมืองฮานอยได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยสายการบิน “เวียดเจ็ท” ซึ่งมีเที่ยวบินตรงทุกวัน ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมง บินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิถึงสนามบินโหน่ยบ่าย สนามบินนานาชาติของกรุงฮานอย ที่ตกแต่งอย่างทันสมัยและมีบริการมากมาย เป็นฮับในการต่อเครื่องไปยังเมืองอื่นๆ หรือประเทศอื่นได้สะดวก

การเดินทางจากสนามบินโหน่ยบ่ายเข้าตัวเมืองฮานอย สามารถเลือกได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการจองรถลีมูซีนบริการของทางโรงแรม ชัตเติลบัสของสายการบิน หรือเรียกรถรับ-ส่ง อย่าง Taxi, Grab, Uber ไปจนถึงรถประจำทางที่ราคาแสนถูก (ราวๆ 10 บาท) แต่ต้องต่อรถและเสียเวลาเยอะหน่อย ดังนั้น สำหรับใครที่อยากเดินทางแบบสะดวกสบาย รวดเร็ว และราคาไม่แพงนัก แนะนำให้ใช้รถเมล์สาย 86 ที่เป็น Airport Route โดยเฉพาะ รถกว้างขวาง มีที่วางสัมภาระ ขับตรงเข้าสู่เขตเมืองเก่า โดยไม่แวะจอดรับ-ส่งระหว่างทาง จึงใช้เวลาประมาณ ½ ชั่วโมง ในราคาไม่เกิน 50 บาท

โชคดีที่เราเลือกเวลาเดินทางไปถึงในช่วงเย็นวันศุกร์พอดี ทำให้เราสัมผัสกับฮานอยในบรรยากาศสุดคึกคัก เนื่องจากที่ใจกลางเมืองฮานอย ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม จะทำการปิดถนนบริเวณรอบทะเลสาบในช่วงเย็นวันศุกร์ไปจนถึงคืนวันอาทิตย์ ทำเป็นถนนคนเดิน เป็นพื้นที่สังสรรค์ของเมือง ซึ่งทุกคนจะออกมาเดินเล่นและทำกิจกรรมต่างๆ ในบริเวณนี้กันอย่างสนุกสนาน แบบไม่ต้องกังวลกับรถรา หรือสูดดมมลพิษจากควันท่อไอเสียต่างๆ

จากที่ปกติแล้วย่านนี้ก็เป็นแหล่งพลุกพล่านของนักท่องเที่ยวเนื่องจากเป็นจุดแลนด์มาร์กที่ทุกคนต้องแวะมาถ่ายรูปกับสะพานแดง ที่ข้ามไปยังเกาะกลางน้ำที่ตั้งของวัดหง็อกเซิน หรือวัดเนินหยก มีหอคอยกลางน้ำ และรอบข้างก็เต็มไปด้วยถนนเส้นสำคัญ ทั้งสวน ทั้งอนุสาวรีย์ ตลาด ศูนย์กลางการค้าแหล่งชอปปิ้งต่างๆ ซึ่งเมื่อปิดเป็นถนนคนเดินแล้วคนก็ยิ่งหลั่งไหลมากัน จนทำให้ช่วงศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ในบริเวณนี้จะมีผู้คนมากมายทั้งชาวฮานอยเองและนักท่องเที่ยว


ไม่ว่าจะเป็นการจัดตลาดนัดขายของ ครอบครัวพาสุนัขมาเดินเล่น การใส่ชุดประจำชาติมาเดินถ่ายรูป การจับกลุ่มเต้นคัฟเวอร์ของเด็กวัยรุ่น พวกหนุ่มๆ มาโชว์ลีลาสเกตบอร์ด กิจกรรมนักศึกษา นิทรรศการโชว์ศิลปหัตถกรรม สินค้าพื้นบ้านสไตล์ OTOP ของไทย ไปจนถึงเล่นกีฬา ออกกำลังกาย การร้องรำทำเพลง เล่นเกม หรือบางรายก็ให้เช่าพวกวีลบอร์ด หรือรถมินิคาร์สำหรับเด็ก เรียกได้ว่าสารพัดกิจกรรมเกิดขึ้นที่นี่ เป็นพื้นที่ของทุกคนอย่างแท้จริง

ถัดจากย่านนั้นออกไปทางด้านเหนือ มีอีกแหล่งที่นักชอปไม่ควรพลาด คือ เส้นถนนฮังดาว ที่ในยามปกติจะพลุกพล่านไปด้วยรถยนต์แน่นขนัด แต่ช่วงคืนสุดสัปดาห์จะปิดถนนแล้วแปลงร่างเป็นตลาดนัดที่มีแผงให้เดินชอปกันหลายร้อยร้าน ทั้งสินค้าแฟชั่น ของก๊อปแบรนด์เนม เครื่องหัตถกรรม ไปจนถึงอาหารต่างๆ ตลอดเส้นทางยาวนับกิโลจนสุดที่ตลาดดงซ่วน ตลาดในร่มขนาดใหญ่ที่สุดของเมือง

นอกจากกิจกรรมการชอปปิ้งที่แสนเพลิดเพลินแล้ว อีกมนต์เสน่ห์หนึ่งของฮานอย คือ การเป็นเมืองที่ร่ำรวยประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นวิหารวรรณคดีที่ถือได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวียดนามที่มีอายุหลายร้อยปี, สุสานโฮจิมินห์ บรรจุศพวีรบุรุษคนสำคัญของประเทศ ที่แม้จะเสียชีวิตมาเกือบ 50 ปีแล้ว แต่ทุกวันนี้ยังมีคนหลั่งไหลมาเคารพศพของเขาวันละหลายพันหลายหมื่นคน พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ซึ่งในอดีตเคยเป็นสถาบันวิจัยทางโบราณคดีของสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรทิศ

สำหรับใครที่เที่ยวฮานอยกันทั่วแล้ว ทริปนี้ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะฮานอยนับเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเวียดนามเหนือ สามารถออกเที่ยวต่อโดยล่องเรือที่ฮาลอง หรือไปไต่เขาชมไร่นาขั้นบันไดที่ซาปา ขึ้น ฟานซีปัน หลังคาแห่งอินโดจีน ยอดเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคนี้ หรือจะเลือกลงไปเที่ยวย่านเวียดนามกลางในแถบ ดานัง เว้ หรือฮอยอัน ก็จะได้เที่ยวเมืองเก่า สัมผัสกลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

“ฮอยอัน” เมืองโบราณ งดงามด้วยแสงแห่งโคมไฟ

เดินทางจากฮานอยโดยเครื่องบินเพียงประมาณ 50 นาที หรือถ้าเป็นรถไฟก็ประมาณ 1 คืน คุณก็จะได้พบกับเมืองน่าเที่ยวอีกแห่ง ที่คนไทยอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไร แต่ถ้าได้มาเยือนรับรองว่าต้องติดใจกับ “ฮอยอัน” เมืองโบราณที่มีชีวิต


ภาพตึกอาคารโบราณสีเหลืองสดตัดกับสีท้องฟ้าสดใสและชายฝั่งน้ำ มีเสน่ห์ดึงดูดให้ใครต่อใครแวะเวียนมาเที่ยวที่นี่ ซึ่งถ้าฮานอยให้อารมณ์ประหนึ่งเชียงใหม่ และซาปาเหมือนดังปาย ฮอยอันก็มีความสโลว์ไลฟ์และความน่ารักของธรรมชาติผู้คนท้องถิ่นไม่ต่างจาก น่าน หรือสุโขทัย ด้วยบรรยากาศสบายๆ มีนักท่องเที่ยวไม่เยอะเท่าฮานอย และมักจะเป็นชาวตะวันตกเป็นส่วนใหญ่


ช่วงกลางวันคุณสามารถเดินชมเมืองเก่าพร้อมชอปปิ้งกับสารพัดสินค้าตามร้านค้าในตัวตึกโบราณแสนสวย ตามตรอกซอกซอยต่างๆ เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม พร้อมเที่ยวชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวัด บ้านไม้โบราณ หรือจะล่องเรือชิลชมบ้านช่องริมน้ำ อีกกิจกรรมที่น่าสนใจของที่นี่คือมีสารพัดเวิร์กชอปให้คุณได้เข้าร่วม ทั้งทำกาแฟ ปรุงอาหาร ไปจนถึงงานหัตถกรรมต่างๆ



ส่วนในยามค่ำคืนเป็นช่วงเวลาที่ฮอยอันเปล่งประกายมากที่สุด เพราะแสงของโคมไฟ ที่นับเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้จะทอแสงลออนวลตา เพิ่มมนต์เสน่ห์ให้กับตัวตึกโบราณยิ่งขึ้น ประกอบกับแสงระยิบระยับจากการลอยกระทงเทียนบนพื้นน้ำ ทำให้ภาพวิวในยามพลบค่ำของริมฝั่งน้ำเมืองนี้งดงามราวกับภาพฝัน




เคล็ดลับนักเดินทาง

1. ซิมอินเทอร์เน็ตสามารถหาซื้อได้ที่สนามบิน ในราคาไม่ถึง 300 บาท ใช้ได้ 7 วันเต็มแบบไม่มีอั้น

2. แนะนำให้คุณโหลดแอป Uber มาใช้ (เทียบราคาแล้วถูกกว่า Grab และเป็นที่นิยมของคนที่นี่ มีรถให้เลือกมากมาย) เพราะนอกจากไม่ต้องวุ่นวายกับการต่อรองราคากับรถรับจ้างแล้ว ยังไม่ต้องห่วงเรื่องการสื่อสารตำแหน่งที่ตั้งต่างๆ ที่สำคัญคือราคาถูกกว่าโบกรถรับจ้างหรือแท็กซี่อย่างแน่นอน

3. ใครที่ชอปเพลิน แลกเงินไปไม่พอ ไม่ต้องกังวล สามารถเดินหาที่แลกตามร้านต่างๆ รอบริมทะเลสาบได้ในราคาไม่ต่างจากซูเปอร์ริชเมืองไทยเท่าใดนัก หรือจะเลือกจ่ายบัตรเครดิตก็เรตชาร์จไม่น่ากลัวเท่าไร

4. เทคนิคเวลาชอปปิ้ง ให้ถามราคาในทุกสกุลเงิน ทั้งเงินเวียดนาม และเงินดอลลาร์ (ร้านค้าตามแหล่งชอปปิ้งมักจะยินดีรับเงินบาทไทยด้วย) แล้วลองคำนวณราคาไหนถูกสุดค่อยต่อรองจากราคานั้น

5. ระมัดระวังในการจ่ายเงิน เนื่องจากค่าเงินดองของเวียดนามเล็กมาก ทำให้มีแบงก์หมื่น แบงก์แสน ตัวเลขศูนย์ที่เยอะมาก ทำให้เกิดการสับสนหยิบผิดใบได้

6. ที่สนามบินโหน่ยบาย ที่เทอร์มินัลระหว่างประเทศ คุณสามารถหาซื้ออาหารและน้ำดื่มในราคาถูกกว่า โดยการเดินไปยังร้านที่อยู่ไกลออกไปหน่อย

บินตรงได้ทุกวัน

คุณสามารถบินตรงสู่ฮานอยได้ทุกวัน ด้วยสายการบินเวียดเจ็ท โดยจะมีไฟลต์ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินโหน่ยบาย (15.50-17.40 น.) และบินกลับจากสนามบินโหน่ยบาย-สนามบินสุวรรณภูมิ (12.15-14.05 น.) โดยใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 50 นาที ซึ่งที่สนามบินโหน่ยบายเป็นสนามบินนานาชาติที่คุณสามารถต่อเครื่องไปยังประเทศด้านฝั่งตะวันออกอย่าง ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลี ได้อย่างสะดวกสบาย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมโปรโมชันต่างๆ ได้ที่ www.vietjetair.com/Sites/Web/th-TH/Home

Comments are closed.

Pin It