Travel

เพลินบุญ เพลินตา เพลินใจ กับสามจังหวัด “พ”

Pinterest LinkedIn Tumblr

มีโอกาสวันหยุดพักผ่อนเมื่อไหร่ ใครล่ะจะไม่อยากเที่ยวเก๋ๆ เพลินๆ ไปเติมความสุขสำราญให้ชีวิต

Lady Manger มีโอกาสดี ได้ไปร่วมทริปสุดชิค “น้ำมาความสุขลด น้ำลดความสุขมา โวยาจ ลั้ลลา พาเที่ยว 3 จังหวัด” ที่เมืองไทย Smile Club โดยเมืองไทยประกันชีวิต, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ภาคเหนือ) และนิตยสารท่องเที่ยวโวยาจ (Voyage) เขาพาผู้สนใจไปร่วมทริปพิเศษทิ้งทวนหน้าหนาว พาเราไป เพลินบุญ… เพลินตา…เพลินใจ ท่องเที่ยว 3 จังหวัดทางภาคเหนือ อันได้แก่ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แบบเต็มอิ่ม 3 วัน 2 คืน

ไหนจะได้บรรยากาศสุดประทับใจ เพลินตาไปกับทัศนียภาพสวยๆ เพลินใจไปกับวิถีชีวิตผู้คนที่งดงาม แถมได้บุญมาอีกเต็มกระเป๋า เราเลยพลาดไม่ได้ ที่จะนำภาพความสุขความประทับใจมาฝาก เผื่อวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ ใครอยากตามรอยไปเพลิน 3 เด้ง! อย่างเรา จะได้หอบหิ้วกระเป๋าไปเพลินกันให้หนำใจ  ^_^

เพลินบุญ->เยือน 3 วัดดังแห่งเมืองพิจิตร-พิษณุโลก
ร่วมบุญที่วัดโพธิ์ประทับช้าง

ออกสตาร์ทจุดหมายแรก เราขอเก็บเกี่ยวบุญใส่กระเป๋ากันที่วัดโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา (พ.ศ. 2242) ในรัชสมัยสมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ วัดนี้เป็นวัดที่มีวิหารสูงใหญ่ มีกำแพงล้อมรอบ 2 ชั้น เป็นศิลปะแบบอยุธยา ปัจจุบันได้รับการบูรณะซ่อมแซมจากกรมศิลปากร เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ซึมซับภาพความงามของอารยะธรรมอดีต ซึ่งเป็นรากเหง้าของเราเอง

มาเมื่อถึงวัดทั้งที ชาวคณะเราเลยขอร่วมจิตร่วมใจ ทำบุญเพื่อบูรณะวัด และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนากันด้วย แม้อากาศจะร้อนอบอ้าวไปนิด แต่เมื่อได้เข้าสู่วิหารใหญ่ ร่วมบุญกุศลกันแล้ว ความเย็นใจก็เข้ามาเยือน ทำให้เรามีพลังเดินชมความงามรอบตัววัดได้แบบไม่เหนื่อยนัก

กราบหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง

จุดหมายเพลินบุญต่อมาคือ วัดท่าหลวง เข้ากราบหลวงพ่อเพชร สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมือง ซึ่งถือเป็นศูนย์รวมใจที่ชาวพิจิตรต่างให้ความเคารพนับถือ

พระพุทธลักษณะหลวงพ่อเพชร เป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน รุ่นแรก หล่อด้วยโลหะสำริด ปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร ประทับบนฐานที่มีรูปบัวคว่ำบัวหงายโดยรอบ สร้างมาแล้วประมาณ 882 ปี ส่วน ตำนานหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง ยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชัดแน่นอน เพียงแต่มีตำนานเล่าขานกันว่า ในสมัยอยุธยาได้เกิดขบถจอมทอง เมืองเชียงใหม่ กองทัพกรุงศรีอยุธยาจะเดินทางไปปราบ และได้หยุดพัก ณ เมืองพิจิตร ซึ่งเจ้าเมืองพิจิตรให้การดูแลอย่างดี ก่อนทัพออกเดินทาง เจ้าเมืองพิจิตรได้ปรารภกับแม่ทัพว่า ‘ถ้าปราบขบถเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ขอให้หาพระพุทธรูปงามๆ มาฝากสักองค์’ เมื่อปราบขบถได้สำเร็จแล้ว แม่ทัพจึงอัญเชิญหลวงพ่อเพชรมาจากจอมทอง เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชาวเมืองพิจิตร กระทั่งปัจจุบัน

สักการะ “พระพุทธชินราช” วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ

การเดินทางท่องเที่ยวเพลินบุญของเราในวันแรกยังไม่หมดค่ะ เพื่อไม่ให้เสียชื่อกับสโลแกน “เยอะ” ของสไมล์คลับ ทริปนี้เลยจัดให้เราเต็มบุญกันแห่งที่ 3 ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก เพื่อกราบสักการะ และชื่นชมพุทธลักษณะอันงดงามของ ‘พระพุทธชินราช’ หรือที่ชาวเมืองพิษณุโลกเรียกว่า ” หลวงพ่อใหญ่”

พระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูป ศิลปะแบบปางมารวิชัย และสุโขทัย สร้างโดยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) กษัตริย์ลำดับที่ 5 แห่งกรุงสุโขทัย

เมื่อได้เข้าไปสักการะ ขอยอมรับตามตรงว่ารู้ซึ้งถึงคำว่า “งามดั่งต้องมนต์สะกด” ก็ครั้งนี้ เพราะนอกจากพุทธลักษณะที่งดงามองค์พระแล้ว แสงไฟที่สาดส่องมากระทบ ตลอดจนสถาปัตยกรรมภายในที่ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ล้วนยิ่งเสริมให้องค์พระงดงามจนเกินบรรยาย ไม่แปลกใจเลยค่ะ ว่าเหตุใดนักโบราณคดี และนักประวัติศาสตร์ทุกยุคทุกสมัย จึงชื่นชมว่าพระพุทธชินราชนั้น ถือเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศไทยองค์หนึ่ง

เพลินใจ->เที่ยวชมธรรมชาติน่าอัศจรรย์ ณ ภูหินร่องกล้า

หลังจากที่พักผ่อนเอาแรง ณ ที่พักในค่ำคืนที่ผ่านมา ทีมงานนิตยสารโวยาจได้จัดกิจกรรมอบรมการถ่ายภาพ เพื่อหวังให้ผู้ร่วมเดินทางได้แชะภาพ ความงามทางธรรมชาติ ให้สวยยิ่งกว่าเดิมเป็นทวีคูณแล้ว การเดินทางท่องเที่ยวเพลินๆ ในวันที่สองก็เริ่มต้นขึ้นที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สถานที่ซึ่งมีพื้นที่ธรรมชาติสวยงามแปลกตา ทั้งยังเคยถูกใช้เป็นฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย การเดินทางมาเพลินที่นี่ เราจึงได้สัมผัสทั้ง ลานหินแตก, ลานหินปุ่ม, และผาชูธง

ลานหินปุ่ม

ลานหินปุ่ม เป็นลานหินซึ่งมีหินผุดขึ้นมาเป็นปุ่มเป็นปมขนาดไล่เลี่ยกัน ซึ่งคาดว่าอาจเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติ และสถานที่แห่งนี้ก็มีลมพัดเย็น อากาศแสนสบายสุดๆ ตลอดปี ในอดีตสถานที่แห่งนี้จึงเคยถูกใช้เป็นที่พักฟื้นของคนไข้ เนื่องจากอยู่บนหน้าผาที่มีลมพัดเย็นสบายนั่นเอง

ลานหินแตก

ลานหินแตกคือ ลานหินที่มีรอยแตกเป็นแนวร่องเหมือนแผ่นดินแยก มีอาณาบริเวณราว 40 ไร่ โดยมีการสันนิษฐานว่า รอยแยกดังกล่าว อาจเกิดจากการโก่งตัว หรือเคลื่อนตัวของผิวโลก ซึ่งรอยแยกนี้บางจุดก็มีขนาดแคบพอเดินก้าวข้ามได้ แต่บางรอยก็กว้างจนไม่สามารถกระโดดข้ามไปถึง นอกจากนี้ลานหินแตกยังมีอากาศร่มรื่นเย็นสบาย ปกคลุมไปด้วยมอสส์, ไลเคน, ตะไคร่, เฟิร์น และกล้วยไม้ชนิดต่างๆ เป็นจำนวนมาก

ผาชูธง

ผาชูธง เป็นหน้าผาสูงชัน ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามได้กว้างขวาง อากาศโปร่ง โล่งสบาย และมีลมพัดเย็นตลอดเวลา เดิมทีบริเวณนี้เคยเป็นสถานที่ซึ่งผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ จะขึ้นไปชูธงแดง (ธงที่มีสัญลักษ์ ฆ้อนเคียว อันเป็นสัญลักษณ์ของลัทธิคอมมิวนิสต์) ทุกครั้งเมื่อรบชนะ

เพลินตา->อลังการความงดงาม “พระธาตุผาแก้ว” และทิวทัศน์ยอดเขาค้อ

ก่อนปิดท้ายความเพลินในวันที่สอง เราเดินทางมาถึงอีกหนึ่งสถานที่ ซึ่งสร้างความอัศจรรย์ใจให้เราได้มากมายเหลือเกิน

“พระธาตุผาแก้ว” ตั้งอยู่เชิงหน้าผาของภูเขาที่มีชื่อว่า “ผาซ่อนแก้ว” ที่มีภูมิทัศน์สวยงาม เงียบสงบ ภายในเป็นทั้งสำนักปฏิบัติธรรม และเจดีย์สูงสง่า ที่สร้างเลียนแบบดอกบัวซึ่งซ้อนกันไปมา 7 ชั้น บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน ลักษณะพิเศษของเจดีย์แห่งนี้คือ มีสีสันสดใส เกิดจากการนำกระเบื้องสี, ถ้วยชามเบญจรงค์, มุก, ลูกปัด, เซรามิคหลากสีสัน รวมถึงแก้วแหวนเงินทอง สิ่งมีค่าต่างๆ มาตกแต่งไว้อย่างสวยงาม

ด้วยความที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ทำให้นอกจากเราจะสามารถชมความงามขององค์พระธาตุแล้ว ทิวทัศน์โดยรอบยังสวยงามจับใจ มองไปทางไหนก็เห็นเนินเขาสลับซับซ้อน อากาศเย็นสบาย สูดหายใจรับ ออกซิเจน (Oxygen) ได้เต็มปอด

พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก

โปรแกรมเดินทางในวันสุดท้าย ก่อนจะกลับมาสู้งานสู้ฝุ่นควันในชั้นบรรยากาศของเขตกรุงเทพฯ ก่อนเดินทางกลับ เราได้โอกาสดี แวะสูดอากาศบนยอดเขาค้อ เพื่อเที่ยวชมสถานที่สำคัญอีกสักหน่อย…

เริ่มที่พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก ที่ภายในยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เจดีย์แห่งนี้ชาวเพชรบูรณ์สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ 50 ปี โดยในวันสำคัญทางศาสนา จะมีประชาชนเดินทางมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น เวียนเทียนอยู่เป็นประจำ และเนื่องจากองค์พระธาตุตั้งอยู่บนยอดเขาค้อ อากาศที่นี่จึงแสนสดชื่น ลมพัดผ่านทิวเขาอันสลับซับซ้อน ทำให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ ความเย็นสบาย และ แสนเพลินตาไปกับทิวทัศน์สวยๆ โดยรอบ

อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ

อนุสรณ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดสูงสุดของเขาค้อ สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนวีรกรรมของพลเรือน, ตำรวจ, และทหาร ที่ได้พลีชีพในการสู้รบเพื่อปกป้องพื้นที่ในเขตรอยต่อ 3 จังหวัดคือ พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, และเลย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2511-2525 โดยสร้างเป็นรูปสามเหลี่ยม ทำจากหินอ่อนทั้งหมด ความสูงจากฐานถึงยอด 25 เมตร ผนังภายในบันทึกประวัติ และรายชื่อวีรชนผู้เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ

หลังเข้าแสดงความเคารพ และระลึกถึงวีรชนผู้กล้าแล้ว ก่อนกลับเราไม่ลืมที่จะแวะชมทิวทัศน์โดยรอบอีกสักนิด ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเช่นเคย เพราะแม้แสงแดดจะสาดส่อง แต่เพราะมีต้นไม้ปกคลุมโดยรอบ ทั้งอาณาบริเวณยังเป็นยอดเขาสูง อากาศที่นี่จึงก็ยังคงเย็นสบาย ปลอดโปร่ง จนเราต้องยืนสูดหายใจเข้าออกยาวๆ เพื่อหวังกักตุนอากาศบริสุทธิ์ไว้ให้เต็มปอดซะหน่อย

แวะช้อป/ ชิม/ ชิลล์ ร้านชื่อดังเมืองเพชรบูรณ์

ไหนๆ มาถึงเมืองเพชรบูรณ์ทั้งที ก่อนกลับจะไม่หอบหิ้วของฝากไปให้เพื่อนฝูงคนรู้ใจได้อย่างไร ทริปนี้จึงพาเราตระเวนเยี่ยมชม ซื้อหาของฝากร้านดังเมืองเพชรบูรณ์ ทั้งไร่กำนัลจุล ร้านขายสินค้าของฝาก ของขวัญที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ใครมาก็ต้องช้อป+ชิม มะขามหวาน และ “ปลาส้ม” ที่ถือเป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างของที่นี่ แล้วยังพาเราไปแวะร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เขาค้อทะเลภู ให้เลือกซื้อหาสินค้าแปรรูปทางการเกษตรที่ปลอดภัย คงคุณค่าทางธรรมชาติไว้อย่างเต็มเปี่ยม เพื่อจะได้หอบหิ้วกันกลับมาอร่อยต่อที่บ้านด้วย

เก็บตกภาพกิจกรรมมายั่วน้ำลายกันขนาดนี้ หากสนใจตามรอยไปท่องเที่ยวแบบนี้..ก็อย่ารอช้า จะวันหยุดนี้หรือวันหยุดไหน ได้ไหว้พระทำบุญเพลินตาเพลินใจ

เที่ยวเมืองไทยน่ะ..แสนอบอุ่น แถมยังมีประสบการณ์แปลกใหม่หลากหลายอีกเพียบ!

เรื่องโดย Lady Manager

>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net

Comments are closed.

Pin It