Travel

แหวกว่ายทะเลมรดกโลก นั่งรถไฟไต่ระดับที่เมืองแคนส์

Pinterest LinkedIn Tumblr

อิริยาบถผ่อนคลายของนักท่องเที่ยวที่มาตากอากาศที่เมืองแคนส์
>>อีกครั้งที่“ซิซซ์เล่อร์” (ประเทศไทย) มอบประสบการณ์ชีวิตที่ล้ำค่าให้กับลูกค้าร่วมสัมผัสความพิเศษและเซอร์ไพรส์สุดๆ ทั้งดำน้ำชมแนวปะการังที่สมบูรณ์ที่สุด งดงามเกินบรรยาย ว่ายน้ำเฉียดปลาทะเลนานาชนิด กับทริป Sizzler Adventurous Cairns & Sydney ครั้งนี้ เราขอเริ่มต้นบอกเล่าประสบการณ์การเดินทางที่เมืองแคนส์ (Cairns) เมืองตากอากาศสำคัญทางตอนเหนือของประเทศออสเตรเลีย เป็นประสบการณ์ 3 วันในเมืองแคนส์ที่ครบทั้งทะเล ภูเขา และความเป็นเมืองตากอากาศสุดแสนทันสมัย

เมืองแคนส์เปรียบเสมือนประตูสู่ดินแดนตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่ทันสมัย และยังมีชื่อเสียงในเรื่องของภูมิอากาศแบบเขตร้อนที่ชวนผ่อนคลาย และบรรยากาศสบายๆ หากจะเปรียบเมืองแคนส์กับเมืองไทยนั้นก็คงจะเปรียบได้กับภูเก็ต เมืองตากอากาศที่แสนศิวิไลซ์และค่าครองชีพสูงมากกกก

เวลาผ่านไปเกือบ 15 ชั่วโมงเราก็เดินทางจากเมืองไทยถึงเมืองแคนส์ โดยการเดินทางไปยังแคนส์นั้นไม่มีสายการบินที่บินตรง เราจึงต้องบินไปลงที่สนามบินซิดนีย์ก่อนที่จะต่อเครื่องไปยังเมืองแคนส์อีก 3 ชั่วโมง ซึ่งให้ประสบการณ์ไปอีกแบบ เพราะเราได้นั่งเครื่องบินภายในประเทศที่มีการบริการแบบออสซีที่ดูเป็นมิตร ที่สำคัญเราประทับใจกับของว่างบนเครื่องซึ่งเป็นไอศกรีมมะม่วงของประเทศออสเตรเลียที่อร่อยมาก
บรรยากาศที่เมืองแคนส์
ช่วงที่เราเดินทางไปเมืองแคนส์นั้นจัดว่าเป็นช่วงฤดูหนาว แต่ด้วยความที่เป็นเมืองอบอุ่นในช่วงกลางฤดูร้อนจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยเวลากลางวันในแคนส์ 23-31 องศาเซลเซียส และ 18 องศาเซลเซียสในช่วงกลางฤดูหนาว คนส่วนหนึ่งที่อยู่ในเขตเมืองหนาวเช่น ซิดนีย์ เมลเบิร์น ต่างพากันหนีหนาวมาพักร้อนกันอยู่ที่เมืองแคนส์…

แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางที่กระสับกระส่ายหลับบ้างตื่นบ้างบนเครื่องบิน แต่เมื่อมาถึงโรงแรมฮิลตัน แคนส์ และได้รีเฟรชตัวเองสักนิดก็ทำให้อาการเจ็ตแล็กจากการนั่งเครื่องบินเป็นเวลานานเบาบางลงไปได้ และด้วยสัญชาตญาณของนักท่องเที่ยวเราไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ เรารีบแต่งตัวออกไปเดินสำรวจการใช้ชีวิตของคนที่เมืองแคนส์ในทันที

แสงแดดอุ่นสบาย กับลมโชยเย็นๆ พัดต้อนรับในขณะที่เราเดินเล่นไปเรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่ที่ Main Plaza ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ใกล้ทะเล แถบย่าน Cairns Esplanade ที่นั่นเราพบกับนักท่องเที่ยวจำนวนมากกำลังพักผ่อน ทำกิจกรรมอยู่ในสวน ไม่ว่าจะเป็นเดินเล่น นั่งปิกนิก ขี่จักรยาน เล่นโรลเลอร์เบลด หรือนั่งฟังเพลงจากเวทีเล็กๆ ที่เปิดโอกาสให้นักร้องมือสมัครเล่นมาโชว์ฝีมือตามความสมัครใจ นอกจากนั้นที่นี่ยังมีทะเลสาบน้ำเค็มจำลองขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้ผ่อนคลาย ยิ่งเมื่อได้เห็นหนุ่มๆ สาวๆ ทั้งชาวออสซีและนักท่องเที่ยวมานั่งตากอากาศกันที่สวนสาธารณะในยามเย็น ทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเมืองแห่งนี้

ถ้าหากอยากจะแสวงหาความสุขแบบนักดื่มยามราตรี ที่นี่ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะเราสามารถแวะเวียนตามคาเฟ่ บาร์ ที่เปิดอยู่แถวๆ Cairns Foreshore Promenade หรือจะชอปปิ้งที่ไนต์มาร์เกตก็สามารถเช่นกัน แต่พี่เมี่ยง ไกด์ผู้เตรียมพร้อมของเรามากระซิบว่าถ้าจะชอป ควรอดใจไว้ชอปที่ซิดนีย์ดีกว่า เพราะของที่นี่ราคาค่อนข้างแพงเพราะค่าครองชีพสูงมาก เกณฑ์วัดง่ายๆ ดูจากราคาน้ำอัดลมก็รู้ โดยที่นี่น้ำอัดลม 1 กระป๋องราคาประมาณ 3 เหรียญ แพงกว่าเมืองอื่นๆ ถึง 2 เท่าเลยทีเดียว

สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นได้ระหว่างที่เราเดินสำรวจเมืองตากอากาศเล็กๆ แห่งนี้ คือ มีโรงเรียนสอนดำน้ำมืออาชีพที่มีอยู่มากมายในแคนส์ เพราะไฮไลต์ของการมาเที่ยวเมืองแคนส์นั้นอยู่ที่ The Great Barrier Reef แนวปะการังที่ได้ชื่อว่าสมบูรณ์และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และที่นี่มีท่าเรือที่จะนำพานักท่องเที่ยวออกไปแหวกว่ายในทะเลเพื่อดำน้ำชมอุโมงค์และถ้ำใต้ทะเล หรืออาจร่วมขบวนทัวร์สนอร์กเกิลสำรวจแนวปะการัง ซึ่งวันต่อไปเราจะได้ไปเยี่ยมชมแนวปะการัง มรดกโลกของจริง!
แนวปะการังและบรรยากาศสวยๆ ของ The Great Barrier Reef
วันถัดมาเรารีบตื่นแต่เช้า นั่งโปะครีมกันแดดเพื่อเตรียมพร้อมไปแหวกว่ายท้องทะเลออสเตรเลียกันที่ The Great Barrier Reef โดยต้องใช้เวลานั่งเรือไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ เพื่อไปหยุดพักกลางทะเล บริเวณใกล้ๆ กับปะการังที่เราสามารถดำน้ำดูได้ ที่นี่เราสามารถทำกิจกรรมหลายอย่างเช่น ว่ายน้ำ สนอร์กเกิล ชมปลา ลงเรือท้องกระจก และรับประทานอาหารกลางวันได้เสร็จสรรพ

ที่ The Great Barrier Reef นี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกว่าเป็นแนวปะการังที่สวยงามและมีความยาวต่อเนื่องกว่า 2,000 กิโลเมตร เป็นสวรรค์ของนักดำน้ำที่ฝันว่าอยากจะมาเยือนสักครั้ง จากการสัมผัสด้วยตัวเองก็ต้องบอกว่า The Great Barrier Reef เป็นผืนน้ำที่มีความสวยงาม สมบูรณ์ทั้งปะการังและสัตว์น้ำ ซึ่งตลอดระยะทางจะมีแนวปะการังผุดให้เราเห็นอยู่เรื่อยๆ

หลังกลับมาจากการเดินทางออกทะเลแล้ว เรากลับมาที่แคนส์อีกครั้งและมีโอกาสได้ไปชมการแสดงระบำจากคณะละคร Tjapukai ที่มีชื่อเสียงก้องโลก เขาแสดงให้เรารู้ถึงการดำรงชีวิตในสมัยโบราณ ความเชื่อของชนเผ่า และยังแสดงผลงานภาพเขียนโบราณไม่ว่าจะเป็นเรื่องดิน น้ำ ต้นไม้ สัตว์ เนื่องจากคนพื้นเมืองในสมัยก่อนไม่มีภาษาเขียน การบันทึกประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่จึงเป็นการเขียนภาพ…และก็ผ่านไปอีก 1 วันของการบันทึกความทรงจำก่อนเตรียมตัวสู่การเดินทางในวันต่อไป ที่จะทำให้การเดินทางครั้งนี้ครบทุกบรรยากาศ

ที่บอกว่าประสบการณ์ครบรสเพราะเมื่อวานนี้เรายังสนุกสนานล่องลอยอยู่กลางทะเล แต่วันถัดมาเราเตรียมตัวสะพายเป้ขึ้นภูเขาซะแล้ว เรารีบจับรถไฟเที่ยวแรกของวันขึ้นภูเขาไปยัง คูรันดา (Kuranda) เพื่อชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ระยะทางระหว่างตัวเมืองแคนส์กับคูรันดานั้นห่างกันเพียง 30 กิโลเมตร แต่เพื่อความชิลในการท่องเที่ยว เราเลือกที่จะเดินทางโดยรถไฟสายโบราณ ซึ่งใช้เวลาในการวิ่งไปถึงจุดหมายด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที…แต่ตลอดทางนั้นก็ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย รถไฟค่อยๆ แล่นผ่านเมือง ไปสู่ชานเมือง ไต่ระดับขึ้นภูเขา ไปพบกับน้ำตก Barron และน้ำตก Stoney Creek รวมถึงสะพาน Barron River Falls Bridge ผลงานชิ้นประวัติศาสตร์แห่งความพยายามด้านวิศวกรรม เพื่อที่จะขึ้นไปเยี่ยมชมหมู่บ้านในป่าฝนอันมีมนต์ขลัง พร้อมเลือกซื้อของที่ระลึกในแบบคูรันดา
จากนั้นเราได้ไปท่องเที่ยวที่ Kuranda Rain Forest Station Nature Park ที่เป็นความภูมิใจของคนออสเตรเลียว่าเป็นผืนป่าที่มีความสมบูรณ์และเป็นธรรมชาติที่อยู่ในผืนดินของเขา โดยกิจกรรมหนึ่งที่ตื่นเต้นสำหรับเราคือการนั่งรถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก (Army Duck) หรือรถที่ใช้ในการรบสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โดยมีลักษณะเหมือนรถถังผสมกับเรือที่พาเราลุยเข้าไปในป่าฝนเขตร้อนชื้น ชมพืชพรรณ ไม้นานาชนิด

และอีกครั้งที่เราได้พบกับชนเผ่าพื้นเมืองของออสเตรเลีย แต่ครั้งนี้เป็นชนเผ่าอะบอริจินส์ที่ได้สอนประสบการณ์การใช้ชีวิตแบบอะบอริจินส์กับเราตั้งแต่การขว้างบูมเมอแรงให้กลับมา โดยวิธีก็คือการก้าวขาข้างที่ถนัดไปข้างหน้า และเวลาจะขว้างบูมเมอแรงออกไปนั้นองศาของบูมเมอแรงควรอยู่ในตำแหน่ง 7 นาฬิกา และออกแรงขว้างออกไป นอกจากนี้เรายังหัดเป่าขลุ่ยดิดเจอริดู ที่เป็นเครื่องดนตรีของชนเผ่าพื้นเมืองอีกด้วย

สนุกสนานกับวัฒนธรรมและสัมผัสกับไฮไลต์สำคัญๆ ครบแล้ว ก็ถึงเวลากลับสู่เมืองแคนส์ แต่ขากลับนั้นเราสไลด์ลงมาด้วยการนั่ง Sky Rail จากยอดเขาคูรันดา ซึ่งเป็นกระเช้าที่มีความยาวถึง 8 กิโลเมตร โดยระหว่างทางทำให้เรามองเห็นความเขียวขจีของผืนป่าออสเตรเลีย และตื่นตาตื่นใจกับภาพของการเชื่อมต่อระหว่างผืนดิน ผืนน้ำ และขอบฟ้า จนอยากจะกดชัตเตอร์ภาพนั้นเก็บไว้ในความทรงจำว่านี่คือครั้งหนึ่งที่เมืองแคนส์
นั่งรถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก (Army Duck) ตะลุย Kuranda Rain Forest Station Nature Park
:: 5 สิ่งที่ควรทำในแคนส์

1.เดินเที่ยวเลียบชายฝั่ง สัมผัสบรรยากาศเมืองร้อนที่ผ่อนคลายที่ Cairns Foreshore Promenade พบทะเลสาบน้ำเค็มใจกลางเมือง

2. ดำน้ำลึกหรือดำสนอร์กเกิลชมปะการังที่ Great Barrier Reef ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก หรือนั่งเรือท้องกระจกชมความงามอันมหัศจรรย์ของปะการังหลากสีและชีวิตใต้ทะเล

3.ล่องแก่งในแม่น้ำ Tully ที่แสนเชี่ยวกราก ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองแคนส์ลงไปทางใต้ราว 1 ชั่วโมง หรือถ้าหากต้องการความระทึกใจขนานแท้ ก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์สู่ต้นแม่น้ำ North Johnstone แล้วใช้เวลาล่องแพกว่า 4 วัน

4.เที่ยวตามเส้นทางรถไฟสาย Kuranda ที่จะนำเราไต่ไปตามเทือกเขา ผ่านป่าฝน น้ำตก เส้นทางนี้ถือว่าเป็นเส้นทางรถไฟสายเก่าแก่นับศตวรรษ พร้อมแวะจุดชมวิวของน้ำตก Barron สำรวจตลาดถนนคนเดิน ซื้องานฝีมือของชาวอะบอริจินส์

5.เยี่ยมชม Daintree สถานที่เที่ยวเชิงนิเวศในป่าฝน มรดกโลกที่มีอายุยืนยาวที่สุดของโลก ชมจระเข้น้ำจืดอาบแดดบนฝั่งแม่น้ำริมป่าชายเลน รวมถึงนกและสัตว์ป่าหายากของเขตร้อนชื้นมากมาย :: Text by FLASH
หน่วยรักษาความปลอดภัยในขณะที่ว่ายน้ำที่ The Great Barrier Reef
เพลิดเพลินกับการดำน้ำแบบ Scuba Doo
ข้อมูลเกี่ยวกับการดำน้ำที่ The Great Barrier Reef ในแต่ละวัน

อิริยาบถผ่อนคลายของนักท่องเที่ยวที่มาตากอากาศที่เมืองแคนส์
อิริยาบถผ่อนคลายของนักท่องเที่ยวที่มาตากอากาศที่เมืองแคนส์
แนวปะการังและบรรยากาศสวยๆ ของ The Great Barrier Reef
แนวปะการังและบรรยากาศสวยๆ ของ The Great Barrier Reef
บรรยากาศที่เมืองแคนส์
ผลงานภาพเขียนของชนเผ่า Tjapukai
ผลงานภาพเขียนของชนเผ่า Tjapukai
รถไฟสายโบราณที่นำเราสู่เมืองคูรันดา
แนวปะการังและบรรยากาศสวยๆ ของ The Great Barrier Reef
ชนเผ่าอะบอริจินส์สาธิตการเป่าขลุ่ยดิดเจอริดู
นั่งรถรางลงมาจากคูรันดาสู่เมืองแคนส์
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net

Comments are closed.

Pin It