Travel

Diageo Reserve World Class 2014 กับขบวนรถไฟแห่งความรื่นเริง จากเอดินเบิร์กสู่ลอนดอน

Pinterest LinkedIn Tumblr

ณฐกร แจ้งเร็ว หุ้นส่วนร้าน Perfume, พรเศก ภาคสุวรรณ Reserve Channel Director และเจนณรงค์ ภูมิจิตร Senior Brand Ambassador ดิอาจิโอ ประเทศไทย
>>เสียงหัวเราะครื้นเครงเริ่มขึ้น เมื่อขบวนรถไฟสุดเอ็กซ์คลูซีฟเคลื่อนออกจากชานชาลากรุงเอดินเบิร์ก เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน โดยบรรทุกผู้โดยสารที่เป็นมือมิกโซโลจิสต์จากทั่วโลก และผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการค็อกเทลอีกหลายสิบชีวิต และนี่คือส่วนหนึ่งของ “Diageo Reserve World Class 2014” การแข่งขันมิกโซโลจิสต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

สถานที่ในการแข่งขัน “Diageo Reserve World Class 2014” รอบแรกนี้ (เพราะมีหลายรอบ และเปลี่ยนสถานที่จัดการแข่งขันเพื่อให้เข้ากับโจทย์ต่างๆ ที่กำหนดขึ้น) ต้องบินมาไกลถึงกรุงเอดินเบิร์ก ประเทศสกอตแลนด์ แล้วต้องนั่งรถต่อมาอีกกว่า 1 ชั่วโมง เพื่อไปยัง “เกลนนิเกิลส์” (Gleneagles) สถานที่ที่เหมาะสำหรับการแข่งขันอย่างมาก เพราะเมื่อพูดถึงสกอตแลนด์ สถานที่แห่งนี้คือตัวแทนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง อยู่ท่ามกลางสนามกอล์ฟอันกว้างใหญ่ โดยมีบริษัทแม่ของดิอาจิโอเป็นเจ้าของเพื่อเตรียมไว้รับรองแขกบ้านแขกเมือง แต่คนทั่วไปสามารถมาจองห้องพัก ใช้สนามกอล์ฟ และสนามกีฬาอื่นๆ ได้เพื่อสันทนาการ และพักผ่อนช่วงวันหยุด

ที่เกลนนิเกิลส์ช่วยทำให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกคนจาก 48 ประเทศทั่วโลก รวมถึง “หนึ่ง-รณภร คณิวิชาภรณ์” ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ตัวแทนประเทศไทย ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมทั้งฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ในการแข่งขันยังเพียบพร้อม ซึ่งงานนี้ “เคเทล วัน วอดก้า” (Ketel One Vodka) รับเป็นเจ้าภาพ โดยลงทุนทำห้องเตรียมตัวให้กับผู้เข้าร่วมการแข่งขันด้วย พร้อมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย มีเหล้าทุกชนิดให้เลือกใช้ เรียกว่ามาตัวเปล่าก็ยังทำได้เลยทีเดียว และบาร์เทนเดอร์แต่ละคนก็มีความพร้อม มาตรฐานสูงขึ้น แต่ละคนเรียนรู้จากข้อผิดพลาดที่ผ่านมา แล้วนำข้อผิดพลาดครั้งที่แล้วมาปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้สูงขึ้น

ต่อมาในช่วงค่ำมีพิธีเปิด “Diageo Reserve World Class 2014” ขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ โบสถ์กลางกรุงเอดินเบิร์ก ประเทศสกอตแลนด์ เปิดตัวอย่างอินเทรนด์ด้วยภาพกราฟิกใบหน้าของผู้แข่งขันทั้ง 48 ประเทศทั่วโลก จากนั้นจึงให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมดพาเหรดกันออกมาโชว์ตัวบนเวที ก่อนจะปิดท้ายด้วยการให้ชมภาพยนตร์โฆษณาครั้งแรกของโลกของ “จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิล” ที่มีนักแสดงฮอลลีวูด “จู๊ด ลอว์” เป็นนักแสดงนำ จากนั้นแขกผู้มีเกียรติทุกคนก็ได้ลิ้มรสกับบลู เลเบิล ทั้ง “On The Rock” และค็อกเทลรสเก๋อันมีเอกลักษณ์
ผมและทีมดิอาจิโอ เนเธอร์แลนด์
วันต่อมา “Diageo Reserve World Class 2014” ก็สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเหมารถไฟขบวนพิเศษ “Orient Express” จากกรุงเอดินเบิร์ก ประเทศสกอตแลนด์ เพื่อมุ่งกลับมายังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางกว่า 7 ชั่วโมง ระหว่างที่ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนแต่ละประเทศทั่วโลก ใช้ชีวิตอยู่บนรถไฟ มีการเสิร์ฟอาหารมื้อเที่ยงพร้อมด้วยค็อกเทลรสชาติถูกปาก นับว่าเป็นการนั่งรถไฟขบวนพิเศษที่ประทับใจไม่น้อย หลายคนใช้เวลานี้สนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันเรื่องค็อกเทลและการแข่งขัน ส่วนผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะต้องทำข้อสอบเก็บคะแนนวัดความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ไปด้วย เพื่อให้มีความแม่นยำในการเลือกหยิบจับสิ่งของต่างๆ มาผสมค็อกเทล ก่อนจะคั่นด้วยการเสิร์ฟซิงเกิลวอลต์วิสกี้แบรนด์ใหม่ของดิอาจิโอ นั่นคือ “มอร์ตแลก” (Mortlach) อีกด้วย

รถไฟขบวนพิเศษโอเรียนต์ เอ็กซ์เพรส นาม “นอร์ทเทิร์น เบลล์” (northern Belle) เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคที่สหราชอาณาจักรเฟื่องฟู ปี ค.ศ.1930 นับเป็นขบวนรถไฟพิเศษที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหลมากมาย ทั้งจากการบริการระดับ 7 ดาว เพียบพร้อมไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มเลิศรส และสิ่งที่คาดไม่ได้เลยก็คือวิวทิวทัศน์อันน่าประทับใจของภูมิประเทศในสหราชอาณาจักรสองข้างทาง ปัจจุบันคุณสามารถเลือกเดินทางทั้งแบบเดี่ยว คู่รัก กลุ่มเพื่อน ครอบครัว แม้แต่การเหมาขบวนก็มี

สำหรับเส้นทางรถไฟของนอร์ทเทิร์น เบลล์ ขบวนนี้จะวิ่งผ่านเมืองหลักๆ เมื่อเคลื่อนขบวนออกจากกรุงเอดินเบิร์ก ประเทศสกอตแลนด์ คือ เมืองนิวคาสเซิล (Newcastle) ประเทศอังกฤษ ซึ่งนิวคาสเซิลเป็นนครและเมืองในโบโรฮ์ของไทน์แอนด์แวร์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ ตัวเมืองอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำไทน์ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ ถึงแม้ว่าในช่วงก่อตั้งนั้นได้ชื่อว่า ปอนส์แอรีอุส (Pons Aelius) ตามชื่อโรมัน และเปลี่ยนชื่อเป็นนิวคาสเซิลในปี ค.ศ. 1080 หลังจากมีการสร้างปราสาท โดยพระเจ้าโรเบิร์ตที่ 2

ตัวเมืองเป็นศูนย์กลางของการค้าขนแกะและต่อมาเป็นเหมืองถ่านหินอันดับต้นของประเทศ ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 นิวคาสเซิลรู้จักในชื่อของเมืองต่อเรือ โดยเป็นศูนย์กลางการต่อเรือที่สำคัญของโลกแห่งหนึ่ง โดยในปัจจุบันอุตสาหกรรมจางหายไป โดยตัวเมืองกลายเป็นแหล่งวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ
ขบวนรถไฟสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “นอร์ทเทิร์น เบลล์”
นิวคาสเซิลมีสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมือง ได้แก่ นิวคาสเซิลบราวน์เอล เบียร์ชื่อดังของเมือง สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลในพรีเมียร์ลีก และสะพานไทน์ นอกจากนี้มีการจัดการแข่งขันฮาล์ฟมาราธอนในชื่อ “เกรต นอร์ธ รัน” มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981

จากนั้นขบวนรถไฟวิ่งผ่านเมืองยอร์ก (York) ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอังกฤษและมีบทบาทมาเกือบตลอด 2,000 ปีที่มีการก่อตั้งมา ก่อตั้งเป็นเมืองป้อมปราการเอบอราคุม (Eboracum) ในปี ค.ศ. 71 โดยโรมัน และได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงของบริทาเนียน้อย (Britannia Inferior) ระหว่างสมัยโรมันบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ เช่น จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชมีส่วนเกี่ยวข้องกับเมืองจักรวรรดิโรมันทั้งหมดปกครองจากยอร์กเป็นเวลา 2 ปี โดยจักรพรรดิเซปตีมิอุส เซเวรุส (Septimius Severus)

หลังจากชาวแองเกิลส์เข้ามาตั้งถิ่นฐานยอร์กก็ได้รับชื่อใหม่เป็น “Eoferwic” ของราชอาณาจักรนอร์ทธัมเบรีย เมื่อชนไวกิงเข้ายึดเมืองในปี ค.ศ. 866 ก็เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นจอร์วิกของราชอาณาจักรจอร์วิก (Jórvík) ที่มีอาณาบริเวณครอบคลุมทางบริเวณตอนเหนือของอังกฤษเกือบทั้งหมด จนกระทั่งราว ค.ศ. 1000 เมืองจึงมารู้จักกันในชื่อ “ยอร์ก”

ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 พระเจ้าริชาร์ดที่ 2 มีพระราชประสงค์ที่จะตั้งยอร์กเป็นเมืองหลวงของอังกฤษแต่ก่อนที่จะสำเร็จพระองค์ก็ทรงถูกถอดจากการเป็นพระมหากษัตริย์เสียก่อน หลังจากสงครามดอกกุหลาบ ยอร์กก็กลายเป็นที่ตั้งของสภาแห่งภาคเหนือ (Council of the North) และมีฐานะที่ยอมรับกันว่าเป็นเมืองหลวงของภาคเหนือ จนกระทั่งหลังจากการฟื้นฟูราชวงศ์เท่านั้นที่ความสำคัญทางการเมืองของยอร์กเริ่มลดถอยลง ภาคยอร์กจึงเป็นหนึ่งในภาคคริสตจักรในคริสตจักรแห่งอังกฤษเช่นเดียวกับภาคแคนเทอร์เบอรีในเวลาต่อมา
สถานีรถไฟคิงส์ ครอส
เมื่อรถไฟขบวนพิเศษวิ่งมาเทียบท่าสถานีคิงส์ ครอส (King’s Cross) ในกรุงลอนดอน ที่ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ก็เริ่มมีการแข่งขันกัน “Diageo Reserve World Class 2014” ทันที โดยโจทย์นี้คือ “เวิลด์ ออฟ มาร์ตินี” (World of Martini) คือ ให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันสร้างสรรค์มาร์ตินี 2 สูตร สูตรแรกให้ใช้แรงบันดาลใจจากช่วงปี ค.ศ.1900 เพื่อสะท้อนมุมมองมาร์ตินีว่าเป็นอย่างไรผ่านค็อกเทลที่ผสมขึ้นระหว่างแข่นขัน ตัวที่สองคือ จะทำมาร์ตินีสำหรับโลกอนาคตอย่างไร รูปแบบเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรผ่านค็อกเทลเช่นกัน

“ผมตีความโจทย์นี้โดยการนำเอาไอเดียมาจากการดูภาพยนตร์ พร้อมกับจินตนาการต่อไปว่าโลกมนุษย์เราในอนาคตจะไม่สวยงาม มันโหดร้าย มีเรื่องของโลกร้อนทำให้มนุษย์ใช้ชีวิตอยู่ยากขึ้น ของทุกอย่างอาจจะต้องอินสแตนท์หมดแล้ว ดังนั้น ส่วนผสมที่นำมาใช้ไม่ว่าจะเป็นส้ม หรือมะนาว อาจเป็นของสังเคราะห์ขึ้นมา เป็นสารอาหารแร่ธาตุสำเร็จรูป หรือแม้แต่มนุษย์เรายังต้องกินวิตามินเสริม กินอาหารอย่างเดียวไม่ได้แล้ว จึงเอาไอเดียนี้มาใช้ เมื่อเทียบกับสมัยก่อนของทุกอย่างต้องสดเสมอ” รณภร คณิวิชาภรณ์ ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ตัวแทนประเทศไทย กล่าวถึงแรงบันดาลใจ

ดังนั้น สิ่งที่ หนึ่ง รณภร นำเสนอรูปแบบของมาร์ตินีอนาคต ก็คือ การทำมาร์ตินีที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งผงและส้มผงมาในรูปแบบแคปซูล เพื่อสื่อให้เห็นว่าอีก 100 ปีข้างหน้าส่วนผสมอาจจะไม่ต้องใช้ของสดแล้ว แต่หันมาใช้ส่วนผสมสังเคราะห์แทน แล้วเสิร์ฟในแก้วมาร์ตินีสเตนเลสสีเงิน ส่วนมาร์ตินีที่สื่อถึงอดีตได้นำเอาส่วนผสมสดจากธรรมชาติ เสิร์ฟในแก้วทรงระฆัง ที่ใช้เสิร์ฟเครื่องดื่มในสมัยก่อน ซึ่งนับว่าตอบโจทย์กรรมการได้ดีทีเดียว และเป็นการแข่งขันอีกหนึ่งโจทย์ที่ทีมไทยของเราทำคะแนนอยู่ในระดับ Top 10
หนึ่ง รณภร ตัวแทนประเทศไทย และทีมดิอาจิโอ เนเธอร์แลนด์
“การแข่งขันแต่ละครั้งโจทย์ที่ได้รับมีความซับซ้อนหรือแตกต่างกันทุกปี แต่ทำให้บาร์เทนเดอร์เก่งขึ้น พอกลับมาประเทศของตนก็จะช่วยยกระดับตัวเองให้สูงขึ้น ตัวแทนหลายประเทศกลับไปเรียนรู้ใหม่ พอฝีมือดีขึ้น ก็จะกลับมาแข่งขันในปีถัดๆ มา อย่างในประเทศไทยแต่ก่อนบาร์เทนเดอร์โลกแคบมาก เพราะทำงานอยู่แต่ในกรอบ หรือไม่รู้เลยว่าโรงแรมอื่นหรืออีกฝั่งหนึ่งของโลกเรื่องเครื่องดื่มเค้าทำอะไรกันบ้าง บาร์เทนเดอร์ฝีมือขนาดไหน หรือไม่เคยไปดูประเทศอื่นๆ เลยว่าวัฒนธรรมการดื่มเขาเป็นอย่างไร

…แต่วันนี้บอกได้เลยว่า บาร์เทนเดอร์ทุกคนที่ผ่านเวทีการแข่งขันและการสอนของดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์คลาส ซึ่งมีการอัปเดตเทรนด์การดื่มใหม่ๆ ของโลก และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่นำมาใช้กับเครื่องดื่ม เพื่อไอเดียการสร้างสรรค์ใหม่ๆ และมีมุมมองที่หลากหลาย รวมทั้งเชื่อมสังคมของบาร์เทนเดอร์ทั้งโลกเข้าด้วยกัน” เจนณรงค์ ภูมิจิตร Senior Brand Ambassador / Mixologist-Diageo Reserve กล่าวอย่างภาคภูมิใจหลังจากเป็นพี่เลี้ยงและฝึกอบรมบาร์เทนเดอร์มาแข่งขันระดับโลกหลายสมัย

สำหรับการแข่งขัน “Diageo Reserve World Class 2014” ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ “หนึ่ง รณภร” ไม่ได้คว้ารางวัลใดกลับประเทศไทย เพียงแต่การเข้าถึงชั้นในรอบลึกๆ ของไทยเริ่มขยับเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งเราหวังว่าในปีหน้า 2015 ที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ จะเป็นเจ้าภาพ ตัวแทนประเทศไทยจะเข้ารอบลึกกว่านี้ และคว้ารางวัลใดรางวัลหนึ่งมาครองได้สำเร็จ เพื่อสร้างชื่อให้กับประเทศไทย ที่นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องเมืองท่องเที่ยวและครัวโลกแล้ว ยังจะเป็นเมืองที่โดดเด่นในเรื่องของวัฒนธรรมการดื่มอีกด้วย :: Text by FLASH
มันตา คลังบุญครอง นักเขียนจากเดอะ เนชั่น
หนึ่ง-รณภร คณิวิชาภรณ์ ตัวแทนประเทศไทย
สถานีรถไฟคิงส์ ครอส
สถานีรถไฟคิงส์ ครอส









Comments are closed.

Pin It