การเสริมสร้างให้เด็กมีความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) นั้นเป็นของขวัญล้ำค่าอย่างหนึ่งที่พ่อแม่สามารถมอบให้แก่ลูกได้ด้วยการฝึกสอนให้เด็กรู้จักเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น รวมทั้งฝึกจัดการและแสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม การฝึกฝนทักษะเหล่านี้เป็นของขวัญที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้ลูกเติบโตขึ้นอย่างมีความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจได้เป็นอย่างดี
ฉันทิดา สนิทนราทร เวชมงคลกร หรือ คุณแป๋ม นักเล่นบำบัด และนักจิตวิทยาพัฒนาการ กล่าวว่า “การสอนให้เด็กรู้จักเรื่องอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญมาก เราควรเริ่มสอนเด็กตั้งแต่ช่วงปฐมวัย โดยฝึกให้เขาได้ทำความรู้จักอารมณ์ สามารถระบุชื่ออารมณ์ได้ว่า อารมณ์แบบนี้เรียกว่าโกรธนะ แบบนี้เรียกว่ากลัว แบบนี้เรียกว่าเศร้านะ เราควรสอนให้เด็กเข้าใจอารมณ์ที่เขากำลังเป็นอยู่ รวมทั้งหาวิธีในการจัดการและแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสม ซึ่งถ้าหากเด็กไม่ได้รับการสอนเรื่องเหล่านี้ เขาก็อาจจะมีปัญหาในการทำความรู้จัก ทำความเข้าใจอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น มีปัญหาในการแสดงออก การจัดการอารมณ์ที่เหมาะสม ส่งผลให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นต่อไป
“แต่หากเราใช้คำพูด พูดสอนเด็กเพียงอย่างเดียว เด็กอาจจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เช่นถ้าเราบอกกับเด็กว่า ‘หนูต้องรู้จักจัดการกับความโกรธนะ’ เขาอาจจะฟังแต่คงค่อยไม่เข้าใจนักว่าต้องทำยังไง เพราะเมื่อเราใช้คำพูดสอนเด็ก เด็กจะซึมซับและเข้าใจได้น้อยกว่าการใช้นิทาน นิทานเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่ทรงพลังมากสำหรับเด็ก เพราะการเล่านิทานคือการพูดเป็นภาษาเดียวกับเด็ก ส่งตรงถึงใจเด็ก เมื่อเราเล่านิทานให้เด็กฟัง เด็กจึงเข้าใจได้ดีกว่าการพูดสอน นิทานที่เล่าเกี่ยวกับเรื่องอารมณ์ต่างๆ จึงเป็นเครื่องมือในการสอนเรื่องอารมณ์ให้แก่เด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนุกสนาน เข้าใจได้ง่ายขึ้น เด็กๆ ชอบฟังนิทานอยู่แล้ว เขาจะเรียนรู้ได้ดีขึ้นผ่านการเล่านิทานด้วยค่ะ”
สำหรับหนังสือนิทานที่ใช้สอนเรื่องอารมณ์นั้น คุณแป๋มแนะนำหนังสือชุด “ถ้วยฟูชวนหนูรู้จักอารมณ์” ของสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ประกอบด้วยหนังสือ 10 เล่ม 10 อารมณ์ สร้างสรรค์โดย เทรซ โมโรนีย์ นักเชียนและนักวาดหนังสือภาพสำหรับเด็ก ผู้มีผลงานโด่งดังจนได้รับการตีพิมพ์มาแล้วทั่วโลก ในเล่มยังมีคำแนะนำจากนักจิตวิทยาเด็กและศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาพัฒนาการ มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย สำหรับให้คุณพ่อคุณแม่ใช้สอนเด็ก ๆ ทำความเข้าใจและจัดการกับอารมณ์ของตนเองด้วย
คุณแป๋ม เผยว่า “เป็นหนังสือที่น่าสนใจมาก เป็นนิทานที่ทำมาเพื่อเด็กจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นนิทานเชิงจิตวิทยาเด็กที่น่ารักละมุนละไม น่าอ่านมาก มีกระต่ายน้อยชื่อถ้วยฟูเป็นคนเล่าเรื่อง ถ้วยฟูเป็นเหมือนตัวแทนของเด็กๆ ทุกคนที่มีอารมณ์ต่างๆ หลากหลาย เนื้อหาสื่อสารออกมาได้ตรงใจเด็ก แม้แต่ผู้ใหญ่เองหากได้อ่านแล้วก็จะพบว่าเราก็เป็นแบบนี้ มีอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกันนะ มันทำให้เรารู้สึกไม่โดดเดี่ยว มีคนเข้าใจเรานะ ถ้วยฟูก็เป็นเหมือนเราเลย เมื่อคุณพ่อคุณแม่เล่านิทานชุดนี้ให้ลูกฟัง ลูกก็จะรู้สึกได้ว่ามีคนที่เข้าใจเขานะ คุณพ่อคุณแม่เข้าใจเขานะ เขาสามารถเชื่อมโยงตัวเขากับถ้วยฟูและเกิดการเรียนรู้เรื่องอารมณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น เช่น ในเรื่องถ้วยฟูว้าวุ่นใจ ถ้วยฟูบอกว่า ‘เมื่อฉันรู้สึกว้าวุ่นใจน่ะนะ ร่างกายของฉันมันจะจะสั่นสะท้าน… หัวใจของฉันจะเต้นรัว หายใจหอบถี่…และบางครั้งก็เหงื่อตกพลั่กๆ เลยด้วย’ ตรงนี้ดีมาก คือมีการอธิบายอาการทางร่างกายที่เกิดขึ้นเมื่อเรามีอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ชวนให้เด็กรู้จักสังเกตอารมณ์และความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเองได้ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย มีการอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกนั้นๆ แล้วก็มีการบอกแนวทางในการจัดการ การแสดงออกถึงอารมณ์นั้นๆ อย่างเหมาะสม เช่นสอนเทคนิคการผ่อนคลายด้วยการหายใจ นี่คือเทคนิคที่นักจิตวิทยาใช้สอนเด็กเพื่อฝึกการผ่อนคลายจริงๆ รวมทั้งยังมีข้อความให้กำลังใจเด็กๆ ในหน้าท้ายๆ ก็ยังมีคำถามชวนให้เด็กได้คิด ทบทวน เรียนรู้ ทำความเข้าใจอารมณ์ของตัวเองด้วยคำถามที่เรียบเรียงมาดีมาก และหน้าสุดท้ายก็มีเคล็ดลับดีๆ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ในการช่วยสนับสนุนลูกเมื่อเผชิญกับอารมณ์ต่างๆ อีกด้วย สำหรับตัวรูปเล่มก็โค้งมน ปลอดภัยไม่บาดมือเด็ก ที่ชอบมากอีกอย่างคือภาพประกอบสวยมาก ภาพทุกหน้าเป็นการเปรียบเทียบอารมณ์ของเด็กกับสีสันและสัญลักษณ์ต่างๆ สื่อสารออกมาได้อย่างลงตัว ทั้งในแง่ความสวยงามละมุนละไม ความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ และมีสีสันที่เด็กๆชอบ เรียกได้ว่าเป็นนิทานที่ทำมาเพื่อเด็กจริงๆ”
คุณแป๋ม ยังให้คำแนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่อีกว่า “อยากให้คุณพ่อคุณแม่ลองหาช่วงเวลาทองร่วมกับลูก ช่วงเวลาทองก็คือช่วงที่เราและลูกรู้สึกพร้อม สบายตัว ไม่เหนื่อยไม่ง่วงเกินไป มาอ่านนิทานด้วยกัน ค่อยๆ เล่าค่อยๆ ชี้ชวนดูรูปไปพร้อมกัน การเล่าครั้งแรกอาจจะยังไม่ต้องถามหรือสอนมากนัก ให้เล่าเนื้อหาไปก่อน พอเขาสนใจแล้วครั้งต่อๆ มาก็ดูอารมณ์ว่าตอนนั้นลูกอยู่ในอารมณ์แบบไหน ก็ให้เลือกนิทานเล่มที่เชื่อมโยงกับอารมณ์ของลูกในช่วงช่วงนั้นมาเล่า เช่น ลูกกำลังอิจฉาน้อง หรือโกรธที่เพื่อนมาแย่งของ หรือผิดหวังที่เพื่อนไม่ชวนไปงานวันเกิด ลองหยิบนิทานถ้วยฟูมาเล่า จะทำให้ลูกรู้สึกว่ามีคนที่เข้าใจเขาจริงๆ ถ้วยฟูเป็นเหมือนเพื่อนที่เข้าใจเขาจริงๆ ขณะเล่าให้ลูกนั่งตัก กอดลูกไปด้วย ลูกจะรู้สึกอบอุ่นและกล้าเปิดใจได้มากขึ้น เมื่อเล่าจบแล้ว เด็กบางคนอยากทำกิจกรรมต่อยอด เช่น อยากวาดรูป เราก็ชวนลูกมาวาดรูปด้วยกัน หรือเล่นสมมุติหนูเป็นถ้วยฟูก็ได้ ก็จะยิ่งช่วยให้ลูกเกิดการเชื่อมโยงกับเรื่องที่ฟังได้อย่างสนุกมากขึ้น เข้าใจได้ดียิ่งขึ้น”
“การเล่านิทานให้เกิดความงอกงามในใจเด็กนั้นต้องใช้เวลา เล่าครั้งเดียวอาจยังไม่เห็นผลทันที ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความรักความเอาใจใส่ แสดงออกให้ลูกได้รู้ว่าเราคอยอยู่ข้างๆ เขา อยากให้เขามีความสุข เมื่อมีความสม่ำเสมอ + ความรักความเอาใจใส่ + เครื่องมือการสื่อสารที่ทรงพลังอย่างนิทาน = การเติบโตงอกงามทางอารมณ์และจิตใจของเด็ก สุดท้ายแล้วเราก็จะเห็นผลลัพธ์ที่น่าชื่นใจแน่นอนค่ะ”
การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของเด็กเกิดขึ้นได้ด้วยความรักความเอาใจใส่ที่คุณพ่อคุณแม่มอบให้อย่างสม่ำเสมอ ยิ่งมีเครื่องมือที่ทรงพลังอย่างนิทานด้วยแล้วยิ่งเสริมสร้างให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างสนุกสนานและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หนังสือชุดถ้วยฟูชวนหนูรู้จักอารมณ์ แต่ละเล่มสร้างสรรค์ขึ้นอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อช่วยให้เด็กๆเข้าใจความรู้สึกต่าง ๆ ที่จะช่วยให้เขาเป็นนายของตัวเองและเป็นอิสระได้อย่างแท้จริง การพูดคุยเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ จะสอนให้เด็กๆ รู้ว่า ความเศร้า ความโกรธ และความกลัว เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ แต่หากพวกเขาอดทนต่อความทุกข์ได้มากขึ้น ก็จะอยู่ในโลกนี้ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
สะสมชุดถ้วยฟูชวนหนูรู้จักอารมณ์ทั้ง 10 เล่ม วางจำหน่ายแล้วที่ร้านแว่นแก้ว และร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ ในราคาเล่มละ 98 บาท หรือสั่งซื้อในราคาลดพิเศษจากปกติ 980 บาท ลดพิเศษเหลือเพียง 784 บาท เฉพาะทาง www.nanmeebook.com และ www.facebook.com/nanmeebooksfan ตั้งแต่ 31 ส.ค. -16 ก.ย. 61 เท่านั้น โทร.0-2662-3000 กด 0 พร้อมติดตามบทความ โปรโมชั่นและหนังสือที่น่าสนใจอีกมากมายเพียง AD LINE @nanmeebooksfan และ @nmbparent
Comments are closed.