เป็นความเชื่อที่มีมาอย่างยาวนานแล้วว่า หากใครได้สวมใส่หินมงคล จะเป็นผลดีกับชีวิตในหลายๆ ด้าน ทั้งสุขภาพ หน้าที่การงาน ชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งขณะนี้ คนไทยและคนทั้งโลกต่างกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเหมือนๆ กัน กับการระบาดของไวรัสร้าย โควิด-19 ส่งผลให้เกิดการล็อกดาวน์ การเว้นระยะห่างทางสังคม การหยุดอยู่บ้าน ไปทั่วโลก เพื่อป้องกันการกระจายของไวรัสร้ายไม่ให้ส่งผลเสียไปมากกว่านี้
นอกจากผลกระทบต่อร่างกายแล้ว ผลกระทบต่อมาคือ ด้านจิตใจ บางคนวิตกกังวลจนเกิดภาวะเครียดสะสม หลังจากที่หาอะไรทำที่บ้านเพื่อให้หายเบื่อแล้ว บางคนต้องหาที่พึ่งทางใจ อย่าง การหาหินมงคลมาสวมใส่ เพื่อปลอบใจตัวเอง เพราะหินมงคลหลากชนิด หลายคนเชื่อว่าส่งผลดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ
อย่าง หินมงคล ที่เรียกว่า Evil eye ดวงตาปีศาจ ซึ่งเป็นเครื่องรางของชาวตุรกีมากว่า 5,000 ปี ในแถบเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกนิยมกันมาก พบมากในอิตาลี กรีซ ฝรั่งเศส และประเทศในแถบยุโรป เชื่อว่าสามารถป้องกันอำนาจมืดจากสิ่งชั่วร้ายนานัปการได้
Evil eye ทำจากกระจก แก้ว หรือลูกปัด เป็นวงสีน้ำเงินเข้ม สีฟ้า สีขาว ซ้อนกันคล้ายรูปดวงตา มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ดวงตาสีฟ้าแห่งตุรกี หรือดวงตาสวรรค์ หรือ นาซาร์ บองกุกู (Nazar Boncugu) ในภาษาตุรกี ที่หมายถึง ดวงตาของเทพเจ้าฮอรัส ซึ่งชาวอียิปต์นับถือมาก เชื่อว่าช่วยปกป้องคุ้มครอง เพิ่มความรอบรู้ สุขภาพดี ขจัดปัดเป่าความชั่วร้ายและความยากจน
ก่อนหน้านี้ จะมีสีน้ำเงินเข้มและมีลักษณะคล้ายดวงตามนุษย์ แต่ปัจจุบันมีสีต่างๆ เช่น แดง เหลือง เขียว และม่วง อีกทั้งพัฒนารูปแบบแตกต่างกัน อาจนำมาประดับร่วมกับเงิน ทอง และคริสตัล แล้วสร้างสรรค์ให้เป็นสินค้าแฟชั่น อย่าง จี้ สร้อยข้อมือ กำไล เสื้อผ้า ผ้าพันคอ เป็นต้น
ส่วน หินทิเบต หรือ DZI Beads ว่ากันว่าในสมัยแรกเริ่มเมื่อ 5000 กว่าปีที่แล้ว ทิเบตเกิดโรคระบาดอย่างรุนแรง โชคดีที่พระโพธิสัตว์องค์หนึ่งซึ่งใช้หินทิเบตเป็นเครื่องประดับ ได้ทิ้งหินที่มีรอยแตกไม่ประสงค์ใช้แล้ว ลงบนโลกมนุษย์ เมื่อคนที่เป็นโรคระบาดเก็บหินไป ก็ทำให้มีอาการทุเลาขึ้นจนกระทั่งหาย จึงเชื่อกันว่าหินทิเบตมีพลังวิเศษ สามารถคุ้มครอง ขจัดสิ่งไม่ดี และช่วยให้ปลอดภัยจากโรคร้าย
บางตำราก็ว่า หินทิเบต ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศทิเบตนั้น ในอดีตยุคหินเก่า พระลามะจะออกไปหาหินมาแกะลวดลาย แล้วเอายางไม้มงคลหยดลงในร่องที่แกะสลัก จากนั้นจึงนำไปเผา เพื่อนำไปทำเป็นลูกปัดให้ดาไลลามะ ระหว่างแกะลวดลายก็จะทำพิธีสวดมนต์ เพิ่มพลังให้หินก้อนนั้น ยุคต่อมาเรียกว่าหินใหม่ พระในประเทศทิเบตก็ยังนำหินมาแกะสลักและทำพิธี เพิ่มพลังอยู่
ส่วนในแง่วิทยาศาสตร์บอกว่า หินดีซีไอแท้ ทำจากหินอาเกต เรียกคาลซีโดนี (Chalcedony ) มีชื่อทางเคมีว่า ซิลิกอนไดออกไซด์ ( SiO2) หินดีซีไอแท้ จะปล่อยสนามแม่เหล็กที่มีพลังงานสูงมากหินมงคลตัวนี้ มีสีน้ำตาลดำและน้ำตาลอ่อน มีลวดลายสีขาวครีม ลงลึกไปถึงแกนกลางของหิน ยิ่งลงลึกและมีลวดลายมากเท่าไหร่ราคาก็ยิ่งสูงขึ้น
สำหรับลวดลายบนหินเชื่อกันว่า ให้พลังเสริมมงคลแตกต่างกันไป อย่างเช่น ลายวงกลม จะป้องกันความหายนะ เปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นดี และขจัดอุปสรรค, ลายสี่เหลี่ยม ธุรกิจรุ่งเรือง ร่ำรวยรวดเร็ว มีโชคลาภและสมปรารถนา, ลายเส้นโค้ง สุขภาพดี มีมนุษย์สัมพันธ์ดี มีความเป็นผู้นำ และลายสามเหลี่ยม ต่อสู้กับสิ่งชั่วร้าย ปราบภูตผีปีศาจ ขับไล่อำนาจที่ชั่วร้าย
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าหินจะมีต้นกำเนิดความเป็นมาอย่างไร แต่ถ้าสามารถช่วยจรรโลงจิตใจ ส่งเสริมให้สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีๆ ในยามที่คนไทยทั้งประเทศเฝ้ารอว่า เจ้าไวรัสร้ายเมื่อไหร่จะไปเสียที!
Comments are closed.