Lifestyle

6 วรรณกรรมล้ำค่าปลายปากกานักเขียนโนเบล

Pinterest LinkedIn Tumblr


>>นานมีบุ๊คส์จัดงาน “อ่านวรรณกรรม ฝีมือนักเขียนรางวัลโนเบล” แนะนำ 6 สุดยอดวรรณกรรมระดับโลกที่คนไทยควรอ่าน ได้แก่ รอยชีวิต, ฆ่ามันซะอย่าให้มันโต,กลองสังกะสี, ชะตาลิขิต, ไร้เกียรติยศ และลมหายใจที่ขาดห้วง ซึ่งงานนี้เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระ ครั้งที่ 3 ซึ่งสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยได้จัดขึ้นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและยั่งยืนของอุตสาหกรรมหนังสือ ณ ร้านหนังสือก๊องดิด

วรรณกรรมจากนักเขียนรางวัลโนเบลที่ค่ายนานมีบุ๊คส์นำมาจัดพิมพ์ รวมทั้งหมด 6 เล่ม ได้แก่

รอยชีวิต เขียนโดย Kenzaburo Oe นักเขียนชาวญี่ปุ่น ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมเมื่อปี 1994 เรื่องราวของภรรยาให้กำเนิดลูกชายที่พิการทางสมอง เบิร์ดต้องตัดสินใจระหว่างความรับผิดชอบต่อลูกชายหรือความสุขสบายส่วนตัว ศีลธรรมกับตัณหาในใจของเขา ฝ่ายใดจะชนะในการต่อสู้ครั้งนี้…การที่ลูกชายของโอเอะถือกำเนิดมาในภาวะผิดปกติทางสมองถือเป็นจุดเริ่มต้นประสบการณ์ส่วนตัวอันแสนสาหัสของเขา โอเอะเขียน“รอยชีวิต” ในปีถัดมา โดยนำความรู้สึกเกี่ยวกับชะตากรรมอันหนักหน่วงนี้มาเสนอผ่านความคิดของ “เบิร์ด” แต่อาจเรียกได้ว่า ลูกชายที่ป่วยหนักเป็นประสบการณ์ร่วมประการเดียวของเขากับ “เบิร์ด” สำหรับโอเอะลูกเป็นแรงผลักดันให้เขาเข้มแข็งและยืนหยัดอย่างมั่นคง ในขณะที่เบิร์ดมีเพียงความปรารถนาที่จะหลีกหนีจากทารกปีศาจเท่านั้น

ฆ่ามันซะอย่าให้มันโต เขียนโดย Kenzaburo Oe นักเขียนชาวญี่ปุ่น ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมเมื่อปี 1994 เรื่องราวเกิดเมื่อผู้ใหญ่คิดทำร้ายเด็ก เด็กจะรอดหรือ เด็กจะดีจะชั่ว ก็ผู้ใหญ่นั่นแหละเป็นสาเหตุ และดังนี้ ผู้ใหญ่มีสิทธิ์อะไรที่จะไม่ต้อนรับเด็กบางคน เพียงเพราะคำว่า เหลือขอ ผู้ใหญ่มีสิทธิ์อะไรที่จะ “ปลิด” หน่ออ่อนที่บิดเบี้ยวนั้น มิยอมให้เติบโตต่อไป สงครามก่อความสูญเสีย เจ็บปวด เท่าที่มนุษย์พึงกระทำต่อกันมากพอแล้ว มากเกินกว่าคนเราจะถือเอาภาวะแห่งวิกฤตนั้นมาเป็นเหตุให้ห้ำหั่นกันอีก

กลองสังกะสี นวนิยายเรื่องแรกและวรรณกรรมชิ้นเอกของ กึนเทอร์ กราสส์ นักเขียนชาวเยอรมัน ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ในปี 1999 เรื่องราวของออสคาร์ มัทเซราท ชายผู้ปฏิเสธการเจริญเติบโตและหยุดอายุร่างกายของตัวเองไว้ในวัยสามขวบ เขียนบันทึกเล่าเรื่องครอบครัวตัวเอง และเหตุการณ์ช่วงก่อนสงครามโลครั้งที่ 1 จนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีกลองสังกะสีเด็กเล่นที่ได้เป็นของขวัญตอนครบรอบวันเกิดปีที่ 3 เป็นผู้ช่วยในการเล่า

ชะตาลิขิต เป็นหนังสือรางวัลโนเบลปี 2002 เขียนโดย คาลติซ อิมเร่ นักเขียนชาวฮังการี ที่เคยถูกส่งตัวไปอยู่ค่ายกักกันชาวยิวที่เอาส์ชวิตส์และบูเคนวัลด์ เขาเขียนหนังสือตีแผ่เรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมแห่งศตวรรษที่พูดถึงได้ไม่รู้จบ ชาวยิวอยู่ตรงโน้นอยู่ตรงนี้ จนดูเหมือนจะกระจายไปทั่วยุโรป สายเลือดชาวยิวเข้มข้น เก่งและแกร่ง ทว่าคุณสมบัติทั้งหลายนั้นกลับคำพิพากษาประหารชีวิตไม่ได้ โชคชะตาลิขิตให้พวกเขาต้องพบจุดจบร่วมกัน มีเพียงไม่กี่คนที่รอดพ้นจนมาเล่าเรื่องจริงอันแสนเศร้านี้ได้ และคาลติซ อิมเร่ คือคนหนึ่ง

ไร้เกียรติยศ เป็นหนังสือนวนิยายรางวัลโนเบลปี 2003 และรางวัลบุ๊กเกอร์ไพรซ์ ปี 1999 เขียนโดย จอห์น แมกซ์เวลล์ คูตซี เรื่องราวของ เดวิด ลูรี ศาสตราจารย์วัย 52 ปี ต้องปิดฉากอาชีพตัวเองอย่างอัปยศ ด้วยข้อกล่าวหาอันน่าอับอายจากสังคม เมื่อไร้สิ้นทุกสิ่ง เขาหันไปหาลูกสาว ผู้เป็นชาวไร่อยู่ในหมู่คนผิวดำแห่งแอฟริกาใต้ ชีวิตชนบทอันงดงามเรียบร้อยเหมือนจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น จนกระทั่งเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น และเปลี่ยนชีวิตสองพ่อลูกไปตลอดกาล

ลมหายใจที่ขาดห้วง นวนิยายรางวัลโนเบล ปี 2009 เขียนโดย แฮร์ทา มึลเลอร์ นักเขียนชาวโรมาเนียเชื้อสายเยอรมัน เล่าเรื่องราวของเด็กผู้ชายอายุ 17 ปีที่ถูกเกณฑ์ไปอยู่ในค่ายเชลย มีปัญหาหลายอย่าง และเมื่อไปอยู่ในค่ายก็ต้องประสบกับอารมณ์และภาวะที่กดดันอย่างมาก อย่างแรกคือเป็นรักร่วมเพศซึ่งบอกใครไม่ได้ สองคืออารมณ์คิดถึงบ้านแต่ไม่สามารถกลับบ้านได้ สามคืออารมณ์หิว ซึ่งเป็นอารมณ์ที่เด่นชัดมาก เขียนเอามาตีแผ่แบบน่าอ่านมาก คุณจะทึ่งว่านักเขียนเขียนได้อย่างไร ซึ่งในสังคมยุโรปจะมีความเชื่อว่าคนทุกคนจะมีทูตประจำตัวคอยปกปักษ์รักษาโดยเฉพาะในเด็ก แต่นักเขียนได้สมมุติให้มีทูตแห่งความหิวโหย คอยกดขี่ตัวเอก คอยสมน้ำหน้า คอยแกล้งอยู่ตลอดเวลา ทำให้ทุรนทุรายซูบผอมลงไป

 ร่วมติดตามเรื่องราวสุดเข้มข้นจาก 6 วรรณกรรมล้ำค่าฝีมือนักเขียนรางวัลโนเบล ที่ร้านแว่นแก้ว และนานมีบุ๊คส์ช็อปทุกสาขา และร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือ www.nanmeebooks.com :: Text by FLASH

Comments are closed.

Pin It