Stage (สตาช) ร้านอาหาร casual fine dining สไตล์ฝรั่งเศสร่วมสมัยที่ผสมผสานเทคนิคการทำอาหารจากทั่วทุกมุมโลกโดย เชฟเจย์ – สายนิสา แสงสิงแก้ว (chef / owner) และอดีตทีมเชฟเบื้องหลัง L’Atelier de Joel Robuchon กรุงเทพฯ อย่าง ปฏิภาณ สุขมาก (head chef), ธนพร พรรธนประเทศ (executive sous chef), และ เรขา ลิมปิชาติ (pastry chef) พร้อมเสิร์ฟช่วงเวลาแห่งความสุขและนำเสนอเมนูใหม่ล่าสุดอย่าง ‘Stage Menu 3.0’ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์และอรรถรสแห่งการรับประทานอาหารของคุณและคนที่คุณรักให้สมบูรณ์แบบอีกครั้ง กับเมนูอาหารฝรั่งเศสรสเลิศที่มาพร้อมพรีเซนเทชั่นอันยอดเยี่ยม
ด้วยความที่เป็นคนหลงใหลในวัฒนธรรมการกินดื่มเป็นอย่างมาก เชฟเจย์จึงได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อเปิดประสบการณ์และชิมร้านอาหารใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งเธอได้เรียนจบทางอาหารฝรั่งเศสโดยตรง และเป็นหนึ่งในทีมเปิดของ L’Atelier de Joel Robuchon กรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังนับเป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่ได้ไปเทรนที่ L’Atelier de Joel Robuchon ปารีส โดยหลังจากที่สาขากรุงเทพฯ ปิดตัวลง และเชฟแต่ละท่านต่างแยกย้ายไปทำที่ครัวอื่น แต่เธอก็ยังมีความคิดอยู่เสมอถึงการรวมทีมเชฟขึ้นอีกครั้ง สุดท้ายจึงเป็นที่มาของร้านในชื่อว่า Stage (ออกเสียงว่า สะ-ตาช) ที่แปลว่า ‘การฝึกงาน’ ในภาษาฝรั่งเศสนั่นเอง ซึ่งการเป็นสตาชนั้นต้องมีทั้งความรักและหลงใหลในสิ่งที่ทำ (passion) ความอดทน (patience) อีกทั้งความอ่อนน้อมถ่อมตนและพร้อมที่จะเรียนรู้ (humble) อันเป็นสิ่งที่เชฟเจย์ยึดถืออยู่เสมอ นอกจากนั้นคำว่า Stage ในภาษาอังกฤษยังหมายถึงเวที ซึ่งเปรียบเสมือนการทำงานในครัวเปิดที่เชฟต่างพร้อมแสดงฝีมือการทำอาหารให้ทุกท่านได้รับชมอีกด้วย
‘Stage Menu 3.0’ มาในคอนเซปต์ “Le Stage en Fête” ที่สื่อถึงงานเทศกาลและงานเลี้ยงเฉลิมฉลองในภาษาฝรั่งเศส ได้แรงบันดาลใจจากความสนุกสนานรื่นเริงของงานคาร์นิวัลและคณะละครสัตว์ในยุโรป โดยทีมเชฟตั้งใจนำเสนออาหารที่มีสีสันสดใส การตกแต่งจานที่มีลูกเล่น และการนำเสนอที่สนุกแปลกตามากยิ่งขึ้น โดยลูกเล่นต่างๆ จะถูกซ่อนไว้ในอาหารหลายๆ จาน เพื่อสร้างความตื่นเต้นอีกทั้งส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้กับลูกค้าทุกท่านผ่านเรื่องราวของอาหารแต่ละเมนู ซึ่งรังสรรค์ขึ้นจากการมิกซ์แอนด์แมตช์ของสุดยอดวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากทั่วโลกมาดัดแปลงและครีเอทผ่านเทคนิคการทำอาหารสไตล์ฝรั่งเศสเช่นเคย จนกลายมาเป็นเหล่าสเปเชียลเมนูที่รับรองว่าใครหลายคนไม่เคยลิ้มลองอย่างแน่นอน
สตาช ยังคงเน้นการใช้เทคนิคอันซับซ้อนและชูวัตถุดิบชั้นยอดให้มีความโดดเด่น นอกจากนี้ยังเลือกใช้เทคนิคการทำอาหารและนำเสนอรสชาติอันหลากหลายจากทั่วทุกมุมโลก รวมไปถึงเลือกใช้วัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมของเอเชียมาผสมผสานอีกด้วย อาหารแต่ละจานจึงถูกถ่ายทอดและบ่งบอกถึงเทคนิคที่ซับซ้อนอันแฝงไว้ด้วยรายละเอียดมากมาย ซึ่งซิกเนเจอร์เมนูประจำซีซั่นใหม่นี้ได้แก่ King Crab / Watermelon / Leek Bomb, Foie Gras Sundae, Spot Prawn / Jelly / Smoked Salmon Roe / Cotton Candy, Orecchitte / Sea Urchin / Black Winter Truffle, Sweetbread Schnitzel / Black Garlic / Sauerkraut, และ Japanese Wagyu / Bone Marrow / Dry-Aged Beef / Red Wine Jus
และในส่วนของขนมหวานนั้นดูแลโดย เชฟเรขา ลิมปิชาติ ซึ่งเรียนด้านการทำขนมโดยตรงจากกรุงปารีสและเคยผ่านการเทรนจากร้าน Le Quartier du Pain โดยเชฟ Frédéric Lalos เชฟขนมหวานแถวหน้าของฝรั่งเศส ซึ่งเมนูขนมหวานต่างๆ ในซีซั่นใหม่นี้ก็ได้แรงบันดาลใจและเน้นใช้วัตถุดิบที่สื่อถึงความสนุกสนานของงานเทศกาลและงานรื่นเริงเช่นกัน อย่าง Space Brownie และขนมชิ้นเล็กๆ หลากเมนูที่สามารถเลือกได้จาก Dessert Trolley สีสันสดใสที่ทางร้านจัดทำขึ้นพิเศษ อาทิ Matcha Kid Cat, Truffle Choux, Popcorn Éclair, Coconut Ice Cream With Bread, Apple Candy เป็นต้น
‘Stage Menu 3.0’ เสิร์ฟเฉพาะ Tasting Menu จำนวน 7 คอร์ส ราคา 3,500++ บาท (ไวน์แพริ่ง 3 แก้ว 1,400++ และ 5 แก้ว 1,900++) และ ‘Stage Experience’ 10 คอร์ส ราคา 4,900++ บาท (ไวน์แพริ่ง 5 แก้ว 1,900++ และ 7 แก้ว 2,500++) โดยเมนูจะมีการเปลี่ยนแปลงทุก 2 เดือนตามวัตถุดิบที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้นๆ
นอกจากนี้ยังได้ ภัทรพล พลฤทธิ์ Restaurant Manager และ Sommelier หนึ่งในทีม L’Atelier de Joel Robuchon กรุงเทพฯ และเคยดำรงตำแหน่ง Head Sommelier ของโรงแรม Bangkok Marriot Marquis Queen’s Park เป็นผู้ดูแลในส่วนของเครื่องดื่มและบริการ โดยเปิดกว้างในการคัดสรรไวน์ชั้นดีจากหลากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งไวน์โลกเก่า (old world wine) และไวน์โลกใหม่ (new world wine) รวมไปถึง natural wine ที่ต่างเข้ากันกับอาหารได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีวิสกี้และค็อกเทลไว้คอยให้บริการแบบ table side service รวมไปถึงกิมมิคสนุกๆ ใหม่ล่าสุดกับ champagne trolley ที่พร้อมเข็นมาบริการเสิร์ฟแชมเปญชั้นเลิศให้กับลูกค้าถึงโต๊ะอีกด้วย
สตาชได้รับการตกแต่งภายในโดยทีม Paradigm Shift ซึ่งเป็นทีมผู้อยู่เบื้องหลังดีไซน์ของร้านอย่าง Crimson Room และ Canvas เช่นกัน โดยได้แรงบันดาลใจจากสไตล์ Scandinavian Minimalism ผสมผสานกับ Parisian Chic สามารถรองรับได้ 30 ที่นั่ง พร้อมโซนกึ่ง Private Chef’s Table ที่สามารถมองเห็นทีมเชฟทำงานในครัวเปิดได้อย่างใกล้ชิดผ่านกระจกใส ร้านตั้งอยู่บนถนนเอกมัย เปิดให้บริการทุกวัน โดยในช่วงกลางวันเปิดให้บริการในลักษณะ Private Lunch เวลา 12:00 – 14:30 น. สำหรับ 4 ท่านขึ้นไปและต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น สำหรับดินเนอร์เปิดให้บริการเวลา 17:00 – 24:00 น. (เปิดรับจองโต๊ะรอบสุดท้ายเวลา 20:30 น.) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ 02-002-5253, 083-623-4444 หรือ Line ID: stagebkk
Comments are closed.