>> แต่ละชนชาติต่างก็มีสิ่งช่วยชูรสในมื้ออาหารแตกต่างกันไป ถ้าเป็นเมืองไทยก็ต้องน้ำพริกกะปิ ส่วนกิมจิก็ของเกาหลี สำหรับญี่ปุ่นก็คงหนีไม่พ้น “วาซาบิ” ที่คนไทยจะคุ้นชินต้องจับมาเข้าคู่กับ โชยุ สำหรับจิ้มทานกับปลาดิบ แต่ที่จริงแล้วชาวญี่ปุ่น ทานวาซาบิกับอาหารได้หลากหลายกว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำมาทานกับเนื้อย่างพร้อมน้ำจิ้มทาเระรสดี เป็นเมนูที่แสนอร่อย เหมือนที่ร้าน “Tamaruya Honten” ทามารุยะ ฮอนเท็น
พูดถึงชื่อ ทามารุยะ ถ้าเป็นคนที่คุ้นเคยกับประเทศญี่ปุ่น จะคุ้นชื่อกันดี เพราะทามารุยะ เป็นยี่ห้อวาซาบิที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น โดยก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2418 และสืบทอดกันมาถึง 5 เจเนอเรชั่น ปัจจุบันนี้ทามารุยะเป็นเจ้าของไร่วาซาบิที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชิสึโอกะ เชิงภูเขาไฟฟูจิ แหล่งปลูกวาซาบิชั้นเลิศ เพราะมีน้ำเย็นไหลผ่าน อากาศสะอาดบริสุทธิ์ และได้ดินอันอุดมสมบูรณ์ของภูเขาไฟ ซึ่งวาซาบิของทามารุยะ เป็นสินค้าขึ้นชื่อประจำจังหวัด ซึ่งนอกจากผลิตวาซาบิสดแล้ว เขายังแปรรูปวาซาบิ ออกเป็นสินค้ามากมาย อาทิ ผักดองวาซาบิ น้ำสลัดวาซาบิ เกลือผสมผงวาซาบิ ขนม ฯลฯ โดยมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ
สำหรับคนญี่ปุ่นแล้วทามารุยะจะขายผลิตภัณฑ์วาซาบิเป็นหลัก แต่ที่เมืองไทยเราจะได้ลิ้มรสความพิเศษกว่านั้นอีก กับทามารุยะ ฮอนเท็น หนึ่งในธุรกิจของทามารุยะ ที่เขาขยับขยายมาทำกิจการร้านอาหารญี่ปุ่น โดยเปิดสาขาที่เมืองไทยเป็นสาขาแรกที่ชั้น 6 เซ็นทรัลเวิล์ด ฝั่งอิเซตัน
ทามารุยะ ฮอนเท็น ให้บริการอาหารญี่ปุ่นหลากหลายเมนู โดยเน้นที่เนื้อย่างสารพัดชนิดทานคู่กับวาซาบิสด ซึ่งแตกต่างจากวาซาบิตามร้านทั่วไป ที่ใช้แบบสำเร็จรูปหรือแบบผงที่จะมีรสชาติฉุนจัดและราคาถูกกว่ามาก เพราะวาซาบิสดนำเข้าอย่างที่ร้านนี้ มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 4,000 บาทเลยทีเดียว และรับรองได้ว่าวาซาบิของร้านนี้สดใหม่จริง เพราะจากรากต้นวาซาบิที่ชิซูโอกะ เขาจัดส่งเสิร์ฟถึงมือคุณได้ฝนทานจิ้มเนื้อย่างในเวลาไม่เกิน 3 วัน เท่านั้น
นอกจากวาซาบิแล้ว เนื้อย่างของที่นี่ก็อร่อยล้ำ โดยเป็นเนื้อนำเข้าจากออสเตรเลียและญี่ปุ่น ที่ไม่ผ่านการแช่แข็ง ดังนั้นเชฟจึงต้องมีความชำนาญในการสไลด์เนื้อให้ออกมาเป็นชิ้นสวยงาม โดยเนื้อของที่ร้านจะไม่บางมาก เพราะเนื้อที่จะนำมาย่างควรมีความหนากำลังพอดี ไม่บางเฉียบเหมือนแบบที่ใช้ทำชาบู ชาบู
เนื้อที่หนาพอดีๆ เมื่อผ่านการย่างพอสุกกำลังทาน (Medium Rare) จะนุ่มอร่อย ซึ่งการย่างเนื้อแบบญี่ปุ่นจะย่างแบบจะคีบชิ้นเนื้อขึ้นย่างทีละชิ้น รับประทานแล้วค่อยย่างชิ้นใหม่ จะไม่วางเนื้อเรียงย่างพร้อมกันหลายๆ ชิ้น ซึ่งคุณอาจจะดูแลไม่ทั่วถึงและเนื้ออาจจะสุกเกินไป ซึ่งคุณไม่ต้องกังวลใจว่าจะต้องเสียเวลารอเนื้อย่างสุก เพราะเตาของร้านนี้ก็ผ่านการคัดพิเศษ นำเข้ามาจากญี่ปุ่นโดยเฉพาะ มีจุดเด่นอยู่ที่นำความร้อนสูงได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงทั้งเตา พร้อมทั้งมีระบบดูดควันที่จะไม่ทำให้กลิ่นติดตัวคุณออกจากร้าน
เมื่อย่างเสร็จ เวลานำมารับประทานกับวาซาบิสดที่ทางร้านจะเสิร์ฟมาเป็นหัว พร้อมที่ฝนซึ่งทำจากหนังปลาฉลาม ซึ่งด้วยพื้นผิวแบบพิเศษเฉพาะตัวของหนังปลาฉลาม ทำให้ฝนวาซาบิออกมาได้เนื้อละเอียด ดึงเอากลิ่นและรสชาติของวาซาบิออกมาได้ดีที่สุด โดยให้คุณฝนทานเองที่โต๊ะ วิธีฝนคือต้องฝนเป็นวงกลม น้ำหนักพอประมาณ เพียงเท่านี้ก็จะได้เนื้อวาซาบิสดสีเขียวอ่อน มีกลิ่นหอม และรสชาตินุ่มนวล โดยใส่จานไว้ต่างหากแยกกับน้ำจิ้ม เวลาทานให้นำเนื้อย่างจิ้มวาซาบิด้านหนึ่ง และจิ้มน้ำจิ้มอีกด้าน ซึ่งจะทำให้คุณได้รับทั้งรสชาติของวาซาบิและน้ำจิ้มได้อย่างเต็มที่และลงตัวที่สุด แล้วจึงทานพร้อมกับผักออร์แกนิกปลอดสารพิษของทางร้าน
นอกจากเนื้อวัว (เนื้อสันนอก/สันใน ธรรมดา 150 บาท และ เนื้อสันนอก/สันใน พิเศษ 290 บาท) แล้ว ทางร้านยังมีเนื้อต่างๆ ให้เลือกมากมาย ทั้งเนื้อหมู(120 บาท) เนื้อไก่ (80บาท) หมูสามชั้น (150 บาท) เบคอน (120บาท) เครื่องใน(100-150บาท) ลิ้นวัว (150บาท) ซีฟู้ดรวม (280บาท) กุ้ง(150บาท) ปลาหมึก (150บาท) หอยเชลล์(150บาท)
เสริมด้วยเครื่องเคียง อาทิ ซุป เรเมน ข้าวห่อสาหร่ายปลาแซลมอน หมี่เย็น ข้าวยำ บะหมี่และข้าวแบบอาหารจานเดียว (ราคาประมาณ 150 – 250 บาท) ของหวานอย่าง อัลมอนด์พุดดิ้ง ไอศกรีม ฯลฯ พร้อมเครื่องดื่มที่เหมาะกับเนื้อย่าง อย่าง เหล้าบ๊วย สาเก เหล้าญี่ปุ่น โซจู เป็นต้น
ในช่วงนี้เขามีโปรโมชั่นอาหารกลางวันสุดคุ้ม ในช่วงเวลา 11.00 – 14.00 น. สามารถเลือกเนื้อได้ 3 ชนิด พร้อมเสิร์ฟ ข้าว ซุป เครื่องเคียง ของหวาน ในราคาเพียงท่านละ 260 บาท
PROFILE
ชื่อร้าน :: ทามารุยะ ฮอนเท็น (Tamruya Honten)
ที่ตั้ง :: ชั้น 6 เซ็นทรัลเวิลด์ ฝั่งอิเซตัน ถ.ราชดำริ
เวลาทำการ :: 11.00 – 22.00 น.
ความจุ :: 70 ที่นั่ง ห้องส่วนตัว 2 ห้อง
เชฟ :: มร.โทรุ อาเบะ
ติดต่อ :: 02 255 9713
>>> เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับ “วาซาบิ”
วาซาบิ เป็นเครื่องเทศที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น แต่เดิมวาซาบิเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติบริเวณแม่น้ำที่สะอาดในหุบเขา ต่อมามีการแนะนำวาซาบิให้ทราบถึงสรรพคุณในตำรายาเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นที่มีการบันทึกขึ้นเมื่อกว่าพันปีก่อน นอกจากนี้ในปี ค.ศ.1300 เริ่มมีการรับประทานวาซาบีควบคู่กับปลาดิบกันอย่างแพร่หลาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการคิดค้นเมนูซูชิขึ้นในสมัยเอโดะ วาซาบิที่มีรสชาติเผ็ดขึ้นจมูกเพียงชั่วครู่ และมีสรรพคุณเป็นยา สามารถใช้ถอนพิษได้ด้วยรสชาติ ด้วยสรรพคุณดังกล่าววาซาบิจึงกลายเป็นวัตถุดิบที่ขาดไม่ได้ในอาหารญี่ปุ่น
ในการรับประทานวาซาบิ ต้องทำการฝนวาซาบิอย่างละเอียดจนได้เนื้อเนียนนุ่มแบบครีม โชยกลิ่นหอม แต่มีรสเผ็ด ซึ่งแตกต่างกับความเผ็ดของพริกอย่างสิ้นเชิง วาซาบิจะระเหยได้ง่ายหากโดนน้ำและความร้อน
: สรรพคุณของวาซาบิ
– ใช้ยับยั้งเชื้อโรค และเชื้อรา ลดการแพร่พันธุ์ของเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ
– ใช้ยับยั้งพยาธิ หยุดการเกิดพยาธิที่อาศัยอยู่ในสัตว์ทะเล
– ใช้ยับยั้งมะเร็งกระเพาะอาหาร หยุดการเจริญเติบโต และการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งในกระเพาะอาหาร
– ใช้ป้องกันเส้นเลือดตีบ ป้องกันเลือดแข็งตัวเป็นก้อน และคาดว่าจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการป้องกันเส้นเลือดอุดตันด้วย
นอกจากนี้ยังใช้กระตุ้นการดูดซับในระบบย่อยอาหาร ป้องกันการท้องเสีย และทำให้กระดูกแข็งแร
(อ้างอิงจาก “วาซาบิของชิสุโอกะ” จัดพิมพ์โดยจังหวัดชิสุโอกะ)
– ที่ฝนวาซาบิที่ทำจากหนังปลาฉลาม
วาซาบิยิ่งฝนละเอียดมากเท่าใดก็จะยิ่งได้รสชาติเผ็ดและกลิ่นหอมของมันมากขึ้นเท่านั้น ในอดีตช่างไม้ที่ญี่ปุ่นได้ใช้หนังฉลามนำมาแปรรูปติดบนพื้นผิวของไม้ พบว่าหนังฉลามสามารถฝนวาซาบิได้ละเอียดกว่าอุปกรณ์อื่นๆ นับจากนั้นเป็นต้นมาที่ฝนวาซาบิที่ทำจากหนังฉลามก็เป็นที่นิยม ถือเป็นอุปกรณ์ที่สามารถดึงเอารสชาติของวาซาบิออกมาได้ดีที่สุด และกลายเป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในร้านอาหารญี่ปุ่น
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Comments are closed.