ช่วงก่อนสงกรานต์ได้มีโอกาสไปชิมสเต็กอร่อย ๆ ที่ ร้านLang Suan Steak House ตั้งอยู่บริเวณริมถนนก่อนเข้าซอยหลังสวน ซึ่งย่านนั้นพอช่วงเวลาพลบค่ำจะแปลงกายเป็นถนนแห่งสีสันโดยเฉพาะสีม่วงจะแรงกว่าทุกเฉดสี บรรดาหนุ่มสาวที่รักสนุกจะมาชิลเอ้าท์กันตามผับย่านนี้
ความจริงร้านนี้เพิ่งจะเปิดให้บริการได้เพียง 3 เดือนกว่าเท่านั้น ซึ่งอาจจะหน้าใหม่ไปสักหน่อย แต่สำหรับ “คุณแบงก์” เจ้าของนั้นต้องยอมรับว่าเก๋าอยู่ในวงการอาหารมานาน เพราะเป็นเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่หลายร้าน คุณแบงก์ออกตัวว่าเป็น Beef Lover ตัวจริงเสียงจริงที่ใฝ่ฝันอยากจะทำร้านเสต็กเนื้อดี ๆ ให้คนรักเนื้อได้ลิ้มลองเนื้ออร่อย ๆ สักครั้งหนึ่งในชีวิต
และความที่มีอาชีพทำร้านอาหารจึงรู้จักซัพพลายเออร์ส่งเนื้อดี ๆ อยู่หลายเจ้าที่ส่งให้ทั้งโรงแรมและร้านอาหารใหญ่ ๆ คุณแบงก์จึงตกลงใจทำร้านนี้ขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ให้เป็นร้านขายสเต็กที่มีเนื้อหลากหลายให้เลือกในราคาสมเหตุสมผล เห็นร้านเล็ก ๆ ห้องแถวอย่างนี้กลับมีทั้งเนื้อออสเตรเลียในราคาreasonable price หรือถ้าใครอยากกินสเต็กในราคาเบา ๆ ก็มีเนื้อกำแพงแสนรสชาติไม่แพ้เนื้อไทยเฟร้นช์ที่ฮิตกัน ส่วนน้ำเกรวี่ที่ราดสเต็กมีให้เลือก 3 รสชาติคือ เรดไวน์ซอส ,แบลคเปปเปอร์ ซอสและเกรวี่ ซอส
ที่สำคัญเพื่อเอาใจคนรักเนื้อสุด ๆ ร้านนี้จึงมีส่วนต่าง ๆ ของเนื้อมาให้เลือกลิ้มลองเยอะทีเดียว อย่าง Ribeye Steak เป็นเนื้อส่วนใกล้ซี่โครงที่เหนียวนุ่มแต่ติดมัน ถ้าเป็นเนื้อไทย 350 บาท ( 300 กรัม) ถ้าเป็นเนื้อออสเตรเลียมี 2 ราคาคือ 650 บาท ( 200 กรัม) และ 850 บาท( 300 กรัม) ถ้าใครชอบเนื้อแบบนุ่มมากหน่อยควรเลือกกิน Striplion สันนอก ราคาเนื้อไทย 350 บาท ส่วนราคาเนื้อออสเตรเลีย 550 บาท และ 750 บาท มาถึงTenderlion เนื้อสันในที่นุ่มที่สุดและก็แพงที่สุดด้วยเพราะวัวตัวหนึ่งมีส่วนนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ราคาเนื้อไทย 380 บาท ส่วนเนื้อออสเตรเลีย 800 บาท
ลองชิมเปรียบเทียบระหว่างเนื้อไทยและออสเตรเลียที่ย่างแบบสุกปานกลางคือด้านนอกสุกแบบไหม้ ส่วนเนื้อในยังฉ่ำด้วยน้ำเนื้อสีแดงอยู่ กลิ่นของเนื้อออสเตรเลียจะนุ่มละมุนลิ้น ลักษณะเนื้อจะเรียงอย่างละเอียดทำให้เวลาเคี้ยวจะสัมผัสกับความเนียนนุ่มมาก แต่เนื้อไทยจะมีกลิ่นแรงกว่าและเท็กซ์เจอร์ของเนื้อจะเหนียวกว่า ถ้าจะให้ฟันธงว่าอย่างไหนอร่อยกว่ากันคงตอบยาก ขึ้นอยู่กับว่าคนกินจะชอบแบบไหนมากกว่า (และเงินในกระเป๋าด้วย) ราคานี้แขกประจำที่เป็นพวกฝรั่งเห็นแล้วตื่นต้นมากเพราะถือว่าราคาถูกสำหรับฝรั่งมาก ๆ
และขอบอกว่าเนื้ออร่อย ๆ แบบนี้ต้องย่างทำเป็นสเต็กเท่านั้น อย่าเอาไปจุ่มน้ำซุปแบบชาบูเพราะจะเสียของอย่างยิ่ง
ส่วนคนไม่กินเนื้อก็ยังมีเมนู Lamp Chop Steak ( 650 บาท/ 3 ชิ้น) จานนี้เชฟทำได้ดีมากเพราะไม่มีกลิ่นสาบให้ละคายลิ้นเลย และมี สเต็กหมู สต็กไก่ หรือใครที่ชอบกินหลาย ๆ อย่างก็มีสเต็กรวม 450 บาท
นอกจากสเต็กแล้วร้านนี้ยังขายอาหารอื่น ๆ ในรูปแบบจานเดียวกินง่าย ๆ ทั้งที่เป็นอาหารฝรั่งและฟิวชั่น มีทั้งซุป Appitizers และสปาเก็ตตี้ที่เริ่มต้นจานละ 180 บาท
“ไก่คาวบอย” (185 บาท/6 ชิ้น) ฟังชื่อแล้วดูลุย ๆ ดีจัง เป็นไก่เนื้อน่องปีกมาลถกเนื้อให้เหลือกระดูกเอาไว้จับได้ นำไปปรุงรสชาติแล้วมาทอดกรอบนอกนุ่มใน กินตอนร้อน ๆ จะได้รสชาติของซอสและพริกไทย เป็นอาหารกินเพลิน ๆ เรียกน้ำย่อยได้ดี
กุ้งทะลึ่ง (250 บาท/ 5 ตัว) เมนูนี้ตั้งชื่อแบบทะลึ่งเพราะได้ชื่อดันเอากุ้งมาสอดไส้เข้าไปในตัวปลากหมึกแล้วไปชุบแป้งทอดให้กรอบ ราดด้วยซอสที่ทำจากเนยและมะนาว รสชาติเปรี้ยว ๆ เค็ม ๆ ไปกันได้กับซีฟู้ดทอดที่เลี่ยน ๆ
สลัดเนื้อสัน ( 220 บาท) ใช้เนื้อสันปรุงรสนิดหน่อยค่อย ๆ ย่างให้สุกปานกลางแบบน้ำเนื้อข้างในยังฉ่ำอยู่ ที่แปลกคือน้ำสลัดที่ไม่เหมือนใคร เพราะใช้สูตรเหมือน pesto source (ใช้ใบโหระพาอิตาเลี่ยน กระเทียมสด พาเมซานชีส pine nut น้ำมันมะกอก พริกไทยดำลงปั่นให้ละเอียด ) ผู้เขียนจำได้ว่าเคยไปชิมที่ห้องอาหารไทยในโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่ง เมนคอร์สเป็นเสต็กเนื้อที่ราดด้วยน้ำคล้าย pesto source ซึ่งเข้ากันได้ดีกับเนื้อย่างมากๆ ส่วนสลัดเนื้อสันจานนี้น้ำราดก็เหมือน pesto source เหมือนกัน แต่จะใช้มะนาวให้มีความเปรี้ยวเล็กน้อย รสกลมกล่อม เหมือนน้ำจิ้มซีฟู้ดแต่ไม่จี๊ดจ๊าด เพียงแต่หอมเครื่องเทศสด ๆ ที่ปรุงลงไป แถมเครื่องเทศพวกนี้เข้ากันดีกับเนื้อย่างเสียด้วย เลยชวนกันอร่อยกันใญ่ บนจานนอกจากเนื้อสันแล้วยังมี สลัดผักแนมมาด้วย
ส่วนสปาเก็ตตี้ก็มีให้เลือกหล่ายเมนูด้วยกันที่น่าสนใจคือ Twin Brothers Linguine cooked ( 320 บาท) เมนูนี้สองศรีพี่น้องคือกุ้งแม่น้ำตัวเขื่อง 2 ตัว นำมาผัดกับ Linguine เป็นเส้นพาสต้าชนิดหนึ่งเส้นแบน ๆ ใหญ่ ๆ ปกติจะนิยมผัดกับซีฟู้ด จานนี้ผัดด้วยซอสธรรมดา มีมะกอกดองหั่นเป็นแว่น ๆ คลุกลงไปด้วย ทีเด็ดอยู่ที่ไข่กุ้งที่เอาลงไปคลุกด้วย แล้วก่อนเสิร์ฟยัง top ด้วยไข่กุ้งลงไปอีก เวลาเคี้ยวเลยเพลินกับไข่กุ้งกรุบ ๆ เต็มปากเต็มคำสมราคา
บรรยากาศของร้านถือว่าตกแต่งใช้ได้เลย เปลี่ยนภาพของห้องแถวให้กลายเป็นร้านอาหารที่มีดีไซน์เก๋ ๆ เน้นนั่งสบาย ๆ กินอาหารจิบเครื่องดื่มเคล้ากับเสียงเพลงเพราะ ๆ หรือถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวหน่อยก็ยังมีห้องชั้นบนที่ตกแต่งเป็นยุค 70 ชิล ๆ สบายอารมณ์อีกด้วย
ร้านLang Suan Steak House เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 17.00 -01.00 น. ตั้งอยู่ที่ถนนสารสิน ลุมพินี เขตปทุมวัน โทร.02-251-8519 /081-910-6418
ชิมโดย : ปราณ ชีวิน
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Comments are closed.