>>คนไทยเรานับว่าเป็นชาที่ดื่มชาไม่น้อยหน้าใคร ไม่ว่าจะเป็นชาจีนของอากง อาม่าที่บ้าน ชาชักลีลาเด็ด ชาถุงยานรถเข็นข้างทาง ชานมไข่มุกขวัญใจวัยรุ่นยุคนี้ ชาซองชงง่ายในออฟฟิศ ไปจนถึงบูติกชาสุดหรูในห้าง แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้จักเครื่องดื่มชนิดนี้อย่างแท้จริง
ชา คือ เป็นเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอม ที่ทำมาจากต้นอ่อนที่มาจากพืชตระกูล คามิเลีย ซิเนนซีส (Camellia Sinensis) โดยใบชาที่มีคุณภาพดีนั้นจะปลูกบนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 4,000 ฟุต ซึ่งจะให้ผลผลิตที่ดีที่สุด ทั้งในเรื่องของกลิ่น และรสชาติ แหล่งสำคัญในการปลูกชาคือที่ อินเดีย ทิเบต จีน และพม่า รวมไปถึงพื้นที่แถบTropical ทั่วโลก โดยชาเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์นานัปประการ ช่วยให้ความสดชื่น สมองตื่นตัว มีสารต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งยังสามารถลดคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย
ชาสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท โดยจะแบ่งตามระดับการออกซิเดชั่น (การที่ชาทำปฏิกิริยากับออกซิเจน) ซึ่งจะทำให้ใบชาเริ่มเปลี่ยนสีค่อยๆ คล้ำขึ้น ซึ่งแต่ละตำราก็จะมีการแบ่งแยกย่อยแตกต่างกันออกไป แต่ถ้าให้เขาใจง่าย ก็สามารถแบ่งโดยคร่าวๆ ได้ดังนี้
1.ชาดำ ซึ่งจะเป็นใบชาที่ถูกปล่อยให้แห้งสนิท เพื่อให้ทำปฏิกิริยากับอากาศ เมื่อชงในน้ำจะมีสีออกทองไปจนถึงสีแดงอำพัน มีรสชาติเบานุ่มลึกไปจนถึงรสชาติที่เข้มหนักแน่น แตกต่างกันตามแหล่งเพาะปลูกและช่วงเวลาในการเพาะปลูกที่ต่างกัน
2.ชาขาว เกิดจากการนำใบชามาตากแห้งเพียงระยะเวลาสั้นๆ สีของชาจะมีสีอ่อนจนถึงสีทองเลื่อม และให้รสชาติกลมกล่อมละมุมละไม
3.ชาเขียว เกิดจากการนำใบชาไปอบเพื่อหยุดการเกิดปฏิกิริยากับอากาศก่อนที่ใบชาจะแห้ง สีของชาจะเป็นสีเขียวอ่อนไปจนถึงสีทอง และรสชาติหอมหวานสดชื่น ซึ่งจะมีรสชาติอ่อนละมุนกว่าชาดำ
คุณควรที่จะเรียนรู้ประเภทของชา นั่นเพราะคือองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยชี้ว่าจะชงชาอย่างไรให้ได้รสดี เพราะชงชาก็จะมีเทคนิคต่างกันไปตามประเภทของชา โดยการชงชาจะมีส่วนประกอบสำคัญ 3 ประการคือ น้ำ, อุณหภูมิ และระยะเวลาในการแช่ใบชา
เริ่มจากน้ำที่ใช้ในการชงชาควรจะผ่านการกรองมาแล้ว จึงจะได้ชารสชาติที่สมบูรณ์ที่สุด และน้ำที่ต้มชาควรจะเลือกใช้ความร้อนให้เหมาะกับชาแต่ละประเภทอย่างชาดำจะใช้น้ำที่ร้อนจนเดือด ในขณะที่ชาเขียวและชาขาว ควรต้มในอุณหภูมิประมาณ 82 องศาเซลเซียส หรือทิ้งช่วงสักพักหลังจากน้ำเดือดจัด แล้วจึงค่อยเทน้ำลงในแก้วที่เตรียมใบชาไว้แล้ว หลังจากนั้นเป็นขั้นตอนการแช่ชา ซึ่งนับเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะการแช่ชาเร็วหรือนานเกินไป ส่งผลต่อรสชาติของชาให้อ่อนหรือเข้มแตกต่างกันออกไป โดยชาเชียวและชาขาวควรแช่ทิ้งไว้ประมาณ 3 – 4 นาที ขณะที่ชาดำควรทิ้งไว้นานถึง 5 นาที
ซึ่งหลังจากแช่จนได้ที่แล้ว รินชาใส่ถ้วยพร้อมจิบ ซึ่งก็มีขั้นตอนในการจิบที่มีเคล็ดลับเพื่อให้ได้รสชาที่ดีที่สุด คุณไม่ควรทานอาหารรสจัด หรือดื่มกาแฟก่อนการชิมเพราะจะทำให้คุณไม่สามารถลิ้มรสชาได้อย่างเต็มที่, ดมกลิ่นของชาตั้งแต่ก่อนดื่ม เพราะว่าจมูกจะได้รับกลิ่นที่ดีกว่าต่อมรับรสในปากของเรา, ควรรอให้น้ำชาเย็นลงสักนิดก่อนจะค่อยๆ ซดน้ำชา เพราะจะช่วยให้สามารถเพลิดเพลินกับการชิมชาได้ดียิ่งขึ้น และควรลองชิมชาในหลายๆ ช่วง (ในขณะที่ชากำลังค่อยๆเย็นลง) เพราะจะทำให้รับรู้ถึงรสชาติที่เปลี่ยนไป ส่วนวิธีการเติมรสชาติในชานั้น ชาที่เหมาะกับการใส่นมได้ คือ ชาอิงลิช เบรคฟาสต์, ไอริส เบรคฟาสต์, อัสสัม ส่วนชาที่ไม่เหมาะกับการใส่นมคือ ชามะลิ, ดาร์จีลิ่ง และชาที่ผ่านการแต่งกลิ่นและรสมาแล้ว และวิธีการเก็บรักษาชา คือต้องไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท และอยู่ห่างจากความร้อน ความชื้น และแสงอาทิตย์ เพื่อรักษาคุณภาพของชาทั้งกลิ่นและรสชาติไว้ให้นานที่สุด
สำหรับการดื่มชาร้อนๆ ในหน้าร้อนแบบนี้อาจจะไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนไทยเท่าใดนัก เลยเลยมีวิธีการชงชาเย็นๆ รสพิเศษ ที่เหมาะจะไว้ดื่มคลายร้อนในซัมเมอร์นี้จาก ทไวน์นิ่ง มาฝากกัน
1. ซีลอน ฮันนี่ มิลค์ ไอซ์ที”
ส่วนผสมเครื่องดื่ม:
1.ทไวนิงส์ ฟินเนส ซีลอน ที 2-4 ซอง
2.น้ำดื่มสะอาด
3.น้ำตาลทราย
4.น้ำผึ้ง
5.เจลาติน
6.ฟองนม หรือ วิปปิ้งครีม
เริ่มจากแช่เจลาตินในน้ำเย็นจนนุ่ม พร้อมนำ “ทไวนิงส์ ซีลอน ที” 1-2 ซอง มาแช่ในน้ำร้อน 5 นาที พักให้เย็นจากนั้นเติมน้ำตาล พร้อมคนให้ละลาย นำเจลาตินที่ละลายไว้แล้วมาผสมให้เข้ากัน จากนั้นเทส่วนผสมของ “ซีลอน เจลลี่” ลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้และนำไปแช่เย็นจนแข็งตัว ส่วนของชาก็นำ “ทไวนิงส์ ซีลอน ที” 1-2 ซอง มาแช่ในน้ำร้อน 5 นาที พร้อมนำน้ำตาลและน้ำผึ้งมาละลายให้เข้ากัน พร้อมเทน้ำชาในแก้วทรงสูงที่เตรียมไว้ เติมน้ำแข็ง และ “เจลลี่ ซีลอน” ปิดท้ายด้วยการเติมฟองนมหรือวิปปิ้งครีม ตกแต่งความสวยงามด้วยใบสะระแหน่
2. “พีช พันช์ ไอซ์ที”
ส่วนผสมเครื่องดื่ม:
1.ทไวนิงส์ พีช ที 1 ซอง
2.น้ำดื่มสะอาด
3.น้ำส้ม
4.น้ำสัปปะรด
5.น้ำมะนาว
6.น้ำเชื่อมเกรนาดีน
ใช้ “ทไวนิงส์ พีช ที” 1 ซอง มาแช่ในน้ำร้อนประมาณ 5 นาที พักให้เย็น ต่อจากนั้นเติมน้ำผลไม้ลงในน้ำชาที่เตรียมไว้ ได้แก่ น้ำส้ม น้ำสัปปะรด และน้ำมะนาว พร้อมเทน้ำชาในแก้วก้านทรงสูงที่เติมน้ำแข็งไว้แล้ว สุดท้ายเทน้ำเชื่อมเกรนาดีนลงไป ตกแต่งสีสัสนด้วยใบสะระแหน่ หรือเชอร์รี่สด
3. “ไวด์ เบอร์รี่ ออน เดอะ ร็อค ไอซ์ที”
ส่วนผสมเครื่องดื่ม:
1.ทไวนิงส์ ไวด์ เบอร์รี่ ที 1-2 ซอง
2.น้ำดื่มสะอาด
3.ผลบลูเบอร์รี่
4.ผลสตรอเบอร์รี่
5.ผลราสป์เบอร์รี่
6.ผลแบล็กเบอร์รี่
เครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยวิตามินซีแก้วนี้ ทำจาก “ทไวนิงส์ ไวด์ เบอร์รี่ ที” ประมาณ 1-2 ซอง มาแช่ในน้ำร้อนประมาณ 5 พักไว้ให้เย็น จากนั้นนำผลสตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ ใส่ลงในแม่พิมพ์ลวดลายต่างๆ พร้อมเทน้ำชา “ทไวนิงส์ ไวด์ เบอร์รี่ ที” ตามลงในแม่พิมพ์และนำไปชาเย็นจนแข็งตัว จากนั้นนำน้ำตาล น้ำผึ้ง น้ำมะนาวมาละลายในน้ำชาที่เหลือพร้อมคนให้เข้ากัน เทลงในน้ำแข็งชาผลไม้ที่เตรียมไว้ ก็ได้เป็นชาแก้วสวยมาดื่มเก๋ๆ แล้ว
นอกจากจะทำเครือ่งดื่มชาเก๋ๆ ทานเองที่บ้านรับหน้าร้อนนี้แล้ว ถ้าใครอยากดื่มชาเมนูต่างๆ รสเลิศที่หลากหลายและได้รับการปรุงแต่งจากมืออาชีพสามารถตรงไปได้ที่ Twinings Tea Boutique ร้านชาแสนเก๋ของ ทไวนิงส์ (Twinings of London) ต้นตำรับชาอังกฤษที่มีประวัติยาวนานกว่า 300 ปี ซึ่งเปิดบริการที่ มีผลิตภัณฑ์ชาหลากชนิดให้ได้ลิ้มลองกัน รวมถึงมี Tea Master ผู้เชียวชาญด้านชาคอยให้บริการแนะนำชารสชาติที่คุณถูกใจ แถมคุณยังสามารถสั่งครีเอทผสมชาแบบต่างๆ ขึ้นเป็นสูตรใหม่ในแบบเฉพาะของคุณเองได้ด้วย ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ลานเอเทรียม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ :: Text by FLASH
Comments are closed.