สุขุมวิท 53 เป็นซอยค่อนข้างแคบ แต่จากปากซอยเข้าไปไม่เกิน 100 เมตร จะพบกับมุมร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ของ Moon Glass ร้านเก๋ ๆ เหมาะสำหรับเป็นแหล่งนัดพบเพื่อนฝูงเพื่อมาชมพระจันทร์กลางกรุงกันในอารมณ์ชิว ๆ
Moon Glass อยู่ในเครือบ้านขนิษฐา บริหารโดยทายาทชื่ออ้นและอุ๊ซึ่งเรียนจบมาทางด้านอาหารมาทั้งคู่ เป็นบ้าน 2 ชั้นกระจกใสทั้งหลัง สามารถมองเห็นgreen area เขียวขจีด้วยไม้เก่าแก่ขนาดยักษ์ที่เจ้าของขออนุรักษ์เอาไว้ตามประสาคนรักต้นไม้ ภายในร้านตกแต่งค่อนข้างหรู มีไฟทรงกลมคล้ายพระจันทร์ซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้าน ด้านนอกทำเป็นระเบียงยกพื้นสำหรับลูกค้าที่ชอบอากาศเย็นสบายตามธรรมชาติ เฉพาะมุมนี้แดดร่มลมตกจะมีลูกค้านั่งกันเต็ม
ร้านสวยต้องคู่กับอาหารอร่อย ลองเปิดเมนูของร้านนี้ดูมีครบตั้งแต่ซุป สลัด ของทานเล่น พาสต้า จนถึงเมนคอร์ส ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารสไตล์ยูโรเปี้ยนแบบ comfort food คือจานง่าย ๆ แต่ความแปลกอยู่ที่อาหารทุกจานซ่อนทีเด็ดเอาไว้ให้ลูกค้าเดากันสนุก ๆ สมกับที่เจ้าของร้านร้อนวิชา
อย่างจานแรกอุ่นเครื่องเบา ๆ ด้วยต้มยำกุ้งซีซาร์สลัด(250บาท) ที่ไม่ธรรมดาเพราะใช้เดรสซิ่งเป็นต้มยำ ซีซาร์สลัดขูดชีสเยอะ ๆ ใส่เบคอนหั่นชิ้นเล็กทอดจนกรอบ ตะไคร้เลือกตรงไส้อ่อนซอยละเอียด เวลากินจะได้ทั้งรสชาติหอมมันของชีสแต่ถูกตัดความเลี่ยนด้วยมะนาวสดและกลิ่นต้มยำอ่อน ๆ เป็นการเริ่มต้นขอแนะนำว่าห้ามพลาดเด็ดขาด
อ้อ!!จานนี้เชฟแอบเติมสไตล์โมลิกูลาลงไปหน่อยหนึ่ง นั่นคือบัลซามิกหรือน้ำส้มสายชูแทนที่จะเหยาะใส่ในน้ำสลัดลงไปเลย เชฟก็ใช้กรรมวิธีโมลิกูลาทำให้น้ำส้มกลายเป็นคาร์เวียแล้ววางตกแต่งบนสลัด
ซูวีด์แซลมอนกับพิงค์เปปเปอร์ ( 390บาท++) สำหรับคนชอบปลาลองสั่งจานนี้มาลิ้มลองดู แม้ว่าปลาแซลมอนเนื้อจะนุ่มอยู่แล้ว แต่การนำปลาแซลมอนสดปรุงรสแล้วนำไปทำกรรมวิธีซูวีด์คือต้มในถุงสุญญากาศในอุณหภูมิไม่เกิน 60 องศาเป็นเวลา 3 ชั่วโมงจนได้เนื้อปลาที่สุกพอประมาณ จากนั้นนำไปนาบในกระทะอีกเล็กน้อยเนื้อปลาก็สุกพอดี ความอร่อยจากวิธีนี้จะช่วยรักษาน้ำซึ่งเป็นความหวานของเนื้อปลาให้คงอยู่ ดังนั้นปลาชิ้นนี้จะหวานฉ่ำด้วยน้ำเนื้อ ทีเด็ดคือซอสที่ราดนั้นใช้พริกไทยสีชมพูที่ให้ทั้งความสวยและรสชาติหวานนิดเปรี้ยวหน่อย กินคู่กับมันฝรั่งบด สลัดและมะเขือเทศสด
เนื้อนิวซีแลนด์ริบอายย่างซอสบาบีคิว ( 390บาท++) เมนูนี้จะถูกใจเด็ก ๆ เชฟเข้าใจเลือกเนื้อตรงส่วนริบอายที่นุ่มพอประมาณแต่รสชาติเข้มข้นยิ่งนำไปย่างจะให้กลิ่นหอมอย่างแรง เนื้อหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดใหญ่เสียบเหล็กสลับกับสับประรด พริกหวานและหอมใหญ่ เวลาย่างก็ทาด้วยซอสบาร์บีคิวให้ชุ่มฉ่ำ ยิ่งเคี้ยวยิ่งหอม
เป็ดทอดข้าวรีซอตโต้ทรัฟเฟิล (450บาท++) จานนี้เป็นการพบกันระหว่างฝรั่งเศสคือDuck Confit หรือเป็ดทอดกับซอตโต้ข้าวหุงกับชีสอันลือลั่นของอิตาเลียน อย่างแรกคือข้าวรีซอตโต้ที่หุงปรุงรสกำลังดีคือครีมมี่และเนื้อข้าวนุ่มแต่ข้างในยังกรุบ ๆ อยู่ เติมความอร่อยและแพงลงไปด้วยเห็ดทรัฟเฟิลซึ่งจะเข้าไปช่วยให้ข้าวรีซอตโต้จานนี้หอมอร่อยยิ่งขึ้น ส่วนเนื้อเป็ดนั้นหมักและทอดได้หอมนุ่ม ถือเป็นการเชื่อมสัมพันธภาพของ 2 ที่อร่อยลงตัวทีเดียว
ขอแนะนำว่ามาร้านนี้อย่ากินอาหารจนอิ่ม เพราะคุณจะพลาดของอร่อยตบท้ายนั่นคือ”ของหวาน” แค่เปิดเมนูของหวานก็เลือกไม่ถูกแล้วว่าจะกินอะไรดี เพราะเกือบ 20 เมนูล้วนแต่ถูกออกแบบมาสวยงามในสไตล์mix&match ไม่ว่า เค้ก ไอศกรีม เครป ฯลฯ. ต้องยอมรับว่าเป็นของหวานที่ทั้งอร่อยและหน้าตาน่ากินมาก ๆ
ส่วนใครที่เจาะจงจะมาลิ้มลองของหวาน ขอแนะนำให้มาช่วงบ่าย ๆ คนไม่แน่นมาก มาจิบชาTWC กินคู่กับของหวานเป็นafternoon tea ที่ชวนเพื่อนฝูงมาเม้าท์กันแบบสบาย ๆ
อีกอย่างที่ขึ้นชื่อคือเครื่องดื่ม เพราะที่ร้านนี้เจ้าของตั้งใจตกแต่งให้เป็นSocial Bar ดังนั้นจึงมีบาร์เทนเดอร์ปรุงคอกเทลแปลก ๆ ให้ลูกค้า หรือจะสั่งไวน์และเบียร์นอกมาสร้างบรรยากาศสนุกสนานก็มีให้เลือกทั้งนั้น
Moon Glass ตั้งอยู่ที่ 31 สุขุมวิท 53 กทม โทร02-259-8532-33 / 088-249-8191 เว็บไซต์ www.moonglassbangkok.com เปิดบริการ ทุกวันตั้งแต่ 17.00 – 24.00 น.
ภาพโดย: วารี น้อยใหญ่
Dining Out
Comments are closed.