Dining Out

“เมกิกิ โนะ กินจิ” ความอร่อยตำรับโอกินาวาแท้

Pinterest LinkedIn Tumblr


>>ร้านอาหารญี่ปุ่น “เมกิกิ โนะ กินจิ” ที่ยกเมนูเด็ดฉบับต้นตำรับโอกินาวาแบบดั้งเดิมมาเปิดบริการให้ความอร่อยกับชาวไทยกันแบบเต็มๆ คำที่ ศูนย์การค้าเค วิลเลจ ซึ่งแม้จะเปิดได้เพียงไม่กี่เดือน แต่ก็เป็นที่ติดอกติดใจกับสาวกอาหารญี่ปุ่นทั้งหลาย ด้วยคุณภาพอาหารที่สดอร่อย ในราคาแสนคุ้มค่า ทำให้ทุกมื้อเที่ยงและมื้อค่ำต่างมีคนแน่นร้าน และยิ่งถ้าเป็นช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ถ้าใครแวะเวียนไปโดยไม่จองล่วงหน้า อาจจะอดรับประทานหรือไม่ก็ต้องอดทนรอคิวโต๊ะยาวเป็นชั่วโมงเป็นแน่

เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ร้านอาหาร “เมกิกิ โนะ กินจิซึ่งคำว่า เมกิกิ มีความหมายถึง ตลาดปลาสด เข้ากับคอนเซ็ปต์ของร้านนี้ที่เป็นเครือร้านอาหารดังจากเกาะโอกินาว่าของประเทศญี่ปุ่น ที่มีมากถึง 13 สาขาทั่วเกาะและอีกหลายประเทศ จนกระทั่งมาเปิดบริการที่เค วิลเลจ นี่เป็นสาขาแรกของเมืองไทย

ด้วยความอร่อยแบบโอกินาวาแท้ ที่ยกมาตรฐานร้านต้นตำรับมาไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งร้าน, วัตถุดิบสดที่ส่งตรงจากญี่ปุ่นทุกวัน และมีเชฟผู้ชำนาญประสบการณ์หลายสิบปีจากโอกินาวาคอยดูแลให้ความอร่อยเป๊ะตามสูตร เมนูของร้านนี้เน้นเมนูปิ้ง ย่าง และอาหารทะเลหลากชนิด ซึ่งเป็นจุดเด่นของอาหารโอกินาวา เกาะเล็กๆ ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรทางอาหาร มีรสชาติจัดจ้าน ไม่จืดชืด และมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากอาหารญี่ปุ่นทั่วไป

ภายในร้านแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ด้านในร้านที่เป็นโต๊ะขนาดเล็ก มีทั้งส่วนชั้นล่างและชั้นลอย ซึ่งนอกจากจะเป็นโต๊ะนั่งหน้าเคาน์เตอร์ที่สามารถรับชมการปรุงอาหารของเชฟได้อย่างใกล้ชิด เหมือนเป็น Kitchen theatre แล้ว ยังมีส่วนของโต๊ะแบบเสื่อญี่ปุ่น และโต๊ะแบบเป็นส่วนตัวหน่อยที่ดีไซน์ให้มองจากภายนอกเป็นเหมือนอยู่ในถังไม้แสนเก๋ เอกลักษณ์ของร้านที่จำลองมาจากถังใส่ปลาสด รวมไปถึงห้องส่วนตัวขนาด 8 ท่าน ส่วนของที่นั่งด้านนอก เหมาะสำหรับการสังสรรค์แบบโต๊ะยาวกลุ่มใหญ่ สามารถสูบบุหรี่และนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้ ร้านนี้มีที่นั่งถึง 180 ที่นั่ง


ถึงแม้จะเห็นว่ามีโต๊ะแบบดูเป็นส่วนตัว แต่ถ้าใครที่อยากมานั่งดินเนอร์โรแมนติกแบบสงบๆ คงต้องมองหาร้านอื่น เพราะที่เมกิกินี่เขาเน้นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ที่ค่อนข้างจะเอะอะโวยวายด้วยเสียงสั่งอาหาร เสียงต้อนรับ พร้อมด้วยเพลงประกอบซาวนด์ญี่ปุ่นแท้ที่แสนเร้าใจ เข้ากับคอนเซ็ปต์ชื่อร้านที่หมายถึงตลาดปลาสด ทั้งบรรยากาศของร้านและวัตถุดิบเครื่องปรุงที่สดใหม่เหมือนส่งตรงจากตลาดสดที่ญี่ปุ่นเลยทีเดียว

เมนูอาหารของร้านมีราว 60-70 เมนู ซึ่งบางเมนูคุณอาจจะต้องรอนานหน่อย เพราะเขาทำสดใหม่ทุกจาน บางจานอาจจะต้องรอ 20 – 30 นาที เพราะอย่างเมนูปิ้งย่างก็จะใช้เตาถ่าน ค่อยๆ ย่างให้สุก ไม่เร่งไฟ เพื่อให้ได้ความหอมอร่อย แต่คุณไม่ต้องกลัวจะหิวแขวนท้องรอ เพราะที่นี่เขามีบริการสลัดบาร์ที่คุณสามารถตักมารับประทานรองท้องกันได้แบบฟรีๆ ซึ่งถ้าเป็นมื้อกลางวันจะมีเทมปุระเสริมเป็นพิเศษด้วย

เห็นทุกอย่างเป็นญี่ปุ่นแท้ขนาดนี้ แต่ขอบอกว่าร้านนี้ราคาไม่สูงตามเรตค่าครองชีพชาวญี่ปุ่นนะคะ แต่ละเมนูราคาคุ้มค่าจนแทบไม่อยากเชื่ออย่างชุดซาชิมิชุดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยปลาดิบถึง 5 ชนิด ประกอบด้วย แซลมอน กับของสดอื่นๆ ที่จะผลัดเปลี่ยนกันไปโดยคัดของสดที่คุณภาพดีที่สุดในแต่ละวันมาจัดเข้าชุดกัน ราคาเพียงชุดละ 299 บาทเท่านั้น เป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านที่ขายไม่ต่ำกว่าวันละ 150 ชุด เพราะความตั้งใจของเจ้าของร้านที่อยากให้ทุกคนเข้ามารับประทานอย่างมีความสุข ไม่ใช่นั่งไปแล้วต้องคำนวณเงินในกระเป๋าไป

เมนูยอดนิยมของร้านที่ไม่ควรพลาด นอกจาก Mekiki No Goten Oke Mori Sashi ชุดปลาดิบรวมแล้ว ยังมี Kaki Uni Sauce Yaki หอยนางรมกับผักโขมราดซอสหอยเม่น เสิร์ฟกระทะร้อน, Salmon Oshi Sushi ข้าวปั้นหน้าปลาแซลมอนซอสมายองเนส, Torotoro Buta Kakuni หมูดำคุโรบูตะตุ๋น นานถึง 4 ชั่วโมง เนื้อนุ่มเหมือนจะละลายในปาก, Rice Ball with Special Urchin Sauce ข้าวปั้นห่อสาหร่ายจิ้มกับซอสไข่แดงอุนิ (ไข่แดงดิบ+ไข่หอยเม่น), Soki Sumiyaki Wasabi กระดูกอ่อนย่างถ่านราดซอสวาซาบิ, Toro Hokke Sumiyaki ปลาโทโรโฮกเกะย่างถ่าน เป็นปลาแดดเดียวย่างร้อนๆ รสเข้มข้น, Kushiyashi Moriawase อาหารปิ้งย่างชุด 6 ไม้ โดยสามารถเลือกได้ว่าจะย่างเกลือ หรือย่างซอส

นอกจากนี้ยังมีเมนูพิเศษซึ่งจะแตกต่างออกไปในแต่ละวัน โดยในวันจันทร์, พุธ, ศุกร์ และอาทิตย์ คือจะมี ฮามาจิ ชาบูชาบู, สุกี้ยากี้เนื้อวากิว, ซุปมิโซะหอยนางรม, สตูเนื้อวัวราเมง ส่วนถ้าเป็นวันอังคาร, พฤหัสฯ และเสาร์ จะมีซูชิ เนื้อตุ๋น ปลาดิบ,ซุปเนื้อและหอมใหญนึ่ง, กุ้งคุรุมะ (กุ้งลายเสือ) ซาชิมิ, เนื้อวากิวมิโซะนาเบะ สิ่งที่ชูรสความอร่อยของอาหารที่นี่คือเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่น ที่ทางร้านขนเอาทั้งเหล้าสาเก, โซจู, วิสกี้, Santory. เบียร์อาซาฮี และเพิ่มเมนูสำหรับเอาใจคนไทยด้วยเบียร์สิงห์

โดยทางร้านเปิดบริการ 2 ช่วงคือ มื้อกลางวัน 11.00 – 14.00 น. จะมีเมนูชุดอาหารกลางวัน ซึ่งจัดเตรียมมาเป็นพิเศษ โดยคัดเลือกเมนูเด็ดมาจัดเข้าชุดกับข้าวเปล่าและซุป ให้คุณอิ่มอร่อยได้อย่างครบสมบูรณ์และมีบริการที่รวดเร็ว พร้อมราคาย่อมเยา แถมยังสามารถตักสลัดและเทมปุระได้ฟรีอีกด้วย ส่วนในช่วงเย็น 17.00 – 01.00 น. จะเป็นอาหารตามสั่ง พร้อมมีสลัดบาร์ฟรี และมีโปรโมชันพิเศษคือ ตลอด 1 ชั่วโมงแรกที่ลูกค้าเข้ามานั่งที่ร้านสามารถสั่งเบียร์ดื่มได้ในราคาแก้วละเพียง 50 บาทเท่านั้น ใครอยากแวะไปชิมความอร่อยในแบบโอกินาวานี้ ติดต่อสำรองที่นั่งและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0-2661-3840 :: Text by FLASH








Comments are closed.

Pin It