เรื่องโดย ฮักก้า ภาพโดย ศิวกร เสนสอน
ในงาน “อังคาร…ผู้ผ่านปัจฉิมวัย” ณ ชุมชนบุญนิยม พุทธสถานสันติอโศก ย่านบึงกุ่ม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2553 เพื่อหารายได้ช่วย อังคาร กัลยาณพงศ์ จิตรกร,กวี วัย 84 ปี เจ้าของรางวัลซีไรต์ปี พ.ศ. 2529 จากผลงานกวีนิพนธ์เรื่อง “ปณิธานกวี” และศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์) ปี พ.ศ. 2532 ที่กำลังเจ็บป่วยเพราะหลายโรครุ้มเร้า ได้มีผู้เดินทางไปร่วมงานกันแน่นสถานที่จัดงาน
โดยงานได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อให้แต่ละคนได้ซื้อหาสินค้าจาก “ร้านน้ำใจ” ที่มีร้านค้าเฉพาะกิจนำของมาขายรวมกันเป็นตลาดขนาดย่อย เพื่อนำรายได้จากการขายโดยไม่หักค่าใช้จ่ายมอบให้กับท่านอังคาร
จากนั้นเวลา 09.00 น. จึงเริ่มมีการเสวนา “ฤาไทยไม่ถึงกวีศิลป์” โดย อังคาร กัลยาณพงศ์,เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, ส.ศิวรักษ์ และสมณะโพธิรักษ์ ดำเนินรายการโดย สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ และ ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที
ซึ่งสาระส่วนหนึ่งของการเสวนานอกจากแต่ละท่านจะมาแสดงทัศนะส่วนตัวว่าเหตุใดผู้คนในปัจจุบันจึงเข้าไม่ถึงบทกวี ตามหัวข้อที่พ่อท่าน สมณะโพธิรักษ์ เจ้าของสถานที่ได้หยิบมาเป็นประเด็นพูดคุย และกล่าวถึงท่านอังคารไว้ว่า
“อาตมาไม่มีความรู้ในภาษาต่างประเทศจึงไม่ลึกซึ้งในบทกวีของต่างประเทศ แต่อาตมาซาบซึ้งในภาษาไทย อาตมาเห็นว่าท่านอังคารเป็นกวีอย่างแท้จริง และนอกจากชั้นเชิงภาษากวีแล้ว ท่านอังคารยังมีภูมิธรรมระดับชั้นโลกุตรธรรมอยู่ด้วย”
ขณะเดียวกันผู้อาวุโสทุกท่านยังมาร่วมกันบอกย้ำกับสังคมด้วยว่า เวลานี้กวีที่ดีที่สุดยังมีชีวิตอยู่ และทุกวันนี้กวีคนนี้ กำลังถูกโรคภัย ไข้เจ็บรุมเร้า ตลอดปัญหาเศรษฐกิจและการเงิน ดังนั้นอย่าได้รอมายกย่องกันเมื่อตอนเสียชีวิต
แต่สำหรับท่านอังคาร ผู้ผ่านปัจฉิมวัย เข้าสู่วัยที่ไม่อยากยึดติดใดๆ หาได้เอ่ยคำเรียกร้องอะไร นอกจากหาเรื่องเล่าส่วนตัว มาสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้แก่ทุกคน แม้แต่ผู้เขร่งขรึมอย่าง ส.ศิวรักษ์ มิตรผู้คบหากันมากกว่า 50 ปี ยังซ่อนรอยยิ้มไม่ได้
“ใครจะสนใจหรือไม่สนใจก็ไม่เป็นไร อันนี้พูดไม่ใช่จะตัดบทนะ แต่ว่าเวลาผมแต่งโคลงนะวิญญาณเขามารับฟัง ผมเคยแต่งกลอนอยู่ข้างต้นแก้ว แล้ววิญญาณของคนที่ฆ่าตัวตาย เขามาเวียนอยู่สามรอบนะ ถึงมนุษย์ในโลกนี้ไม่เอาใจใส่ แต่ว่าในปรโลกเขารู้จักผม(หัวเราะ)”
จบวงเสวนา หลังจากที่ทุกคนได้แยกย้ายกันไปรับประทานอาหารที่ทาง พุทธสถานสันติอโศก จัดไว้ให้รับประทานฟรีตลอดทั้งวัน และเลือกซื้อหนังสือจากสำนักพิมพ์กินรินทร์ ที่มีผลงาน ของท่านอังคารมาจำหน่าย อาทิ ลำนำภูกระดึง,บางกอกแก้วกำศรวล,หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของเวลา,กวีนิพนธ์ของ อังคาร กัลยาณพงศ์,ครบรอบ 81 ปี อังคาร กัลยาณพงศ์ฯลฯ มาจำหน่าย และผลงานเล่มล่าสุดของ ส.ศิวรักษ์ เรื่อง “เสียงจากปัญญาชนสยาม วัย 77 ปี” โดยสำนักพิมพ์สยามปริทัศน์ ผู้ยกย่องให้ท่านอังคาร เป็นกวีที่มีอิทธิพลต่อยุคสมัยในรอบ 100 ปี
ส่วนคนที่อยากได้บทกวี “ราชเดินนำ ราชดำเนิน” ผลงานของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ที่อาจารย์เนาวรัตน์นำมาโชว์และอ่านให้ฟังในวงเสวนาซึ่งรายได้ครึ่งหนึ่งจากการจำหน่ายจะมอบให้ ASTV แฟนผลงานของอาจารย์เนาวรัตน์ต้องตามไปซื้อในงานสัปดาห์หนังสือที่บูธ F11
ช่วงบ่ายของงานผู้คนยิ่งทยอยกันมาร่วมงานกันมากขึ้น หลายคนเดินทางมาต่างจังหวัดเพื่อมาร่วมงานนี้โดยเฉพาะ เพราะถือว่าเป็นวันรวมญาติของชาวพันธมิตรไปด้วยในตัว แม้จะไม่มีที่นั่งเหลือพอให้หย่อนก้นลงนั่งและ เอนกายภายในบรรยากาศอันร่มรื่นของพุทธสถานสันติอโศก ที่มีทั้งต้นไม้ โขดหินและเสียงน้ำตก
ขณะที่ศิลปิน,ดารา และนักร้องชื่อดัง อาทิ ชินกร ไกรลาศ,สุชาติ ชวางกูร,หรั่ง ร็อคเครสตร้า,อุมาพร บัวพึ่ง,ศรัณยู วงศ์กระจ่าง,น้าเศก ศักดิ์สิทธิ์,วงโฮป,คีตาญชลี,วงสิชล,วงคันนายาว,กรรณิกา อารีสมาน,ทอดด์ ทองดี ,เปี๊ยก สิชล, นุช สกลฯลฯ สับเปลี่ยนกันขึ้นเวทีเพื่อร้องเพลงขับกล่อมผู้ที่มาร่วมงานและส่วนหนึ่งเตรียมเงินในกระเป๋ามาร่วมกันประมูลภาพเขียนของท่านอังคารและศิลปินรายอื่นๆที่ทั้งส่งผลงานมาร่วมประมูล และมาเขียนภาพเพื่อประมูลกันสดๆ อาทิ ชัย ราชวัตร,วสันต์ สิทธิเขตต์,ตี๋-ชิงชัย,เอกชัย ลวดสูงเนิน หรือแม้แต่ภาพโปสเตอร์จากคอนเสิร์ต “กาลครั้งหนึ่งของคีรีบูน” ที่ อ๊อด คีรีบูน ส่งมาร่วมประมูล ตลอดจนอาจารย์และลูกศิษย์จากคณะศิลปะวิจิตร สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์และคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งใน 5 แกนนำพันธมิตร เดินทางไปร่วมงานด้วยเช่นกันและบอกเล่าว่าเมื่อ 30 ปีก่อน สมัยที่ยังเป็นนักศึกษาที่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เคยประทับใจบทกวี “วักทะเล” ของท่านอังคารเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะท่อนที่ว่า
วักทะเลเทใส่จาน
รับประทานกับข้าวขาว
เอื้อมเก็บบางดวงดาว
ไว้คลุกข้าวซาวเกลือกินฯ
และเห็นว่าท่านอังคารเป็นกวีที่จินตนาการอันล้ำลึก จนถึงวันนี้บทกวีทุกบทก็ยังคงเป็นอมตะ แม้จะผ่านเวลามานานหลายปี
ยลศิริ ดำช่วย เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลกองอำนวยการในงาน “อังคาร…ผู้ผ่านปัจฉิมวัย” ได้สรุปยอดของเงินเพื่อช่วยเหลือท่านอังคาร (ในช่วงเวลา 19.00 น.) ก่อนที่กิจกรรมจะสิ้นสุดลง (ไม่รวมส่วนที่มีการโอนเข้าบัญชีของอาจารย์อุ่นเรือน ภรรยาอาจารย์อังคารและมอบให้กับมือท่านอังคารโดยตรง) แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ ยอดเงินธารน้ำใจ (ยอดเงินที่ผู้มาร่วมงานบริจาค) 735,752 บาท, ยอดเงินร้านน้ำใจ (ยอดเงินจากการขายสินค้าของร้านค้าเฉพาะกิจ) 115,527 และยอดเงินจากการประมูลผลงานศิลปะ 327,450 บาท
รวมเป็นเงินที่มอบให้กับท่านอังคารทั้งสิ้น 1,178,729 บาท
…………..
ยังสามารถรมอบเงินเพื่อช่วยเหลือท่านอังคารได้ทางบัญชีของภรรยาที่ชื่อบัญชี อุ่นเรือน กัลยาณพงศ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 009-2-60612-1
Comments are closed.