Art Eye View

5 หนังสือภาพถ่าย ระดับทอง ของเยอรมัน

Pinterest LinkedIn Tumblr


ART EYE VIEW —- การประกวดหนังสือภาพถ่ายเยอรมันยอดเยี่ยม (German Photo Book Awards 2013) จัดโดย สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งรัฐบาร์เดน – วิร์ทเท็มแบร์ก เยอรมณี

คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจะคัดเลือกหนังสือภาพถ่าย และหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และทฤษฎีการถ่ายภาพ เล่มที่ดีที่สุดจากทั้งหมดประมาณ 400 รายการที่ส่งเข้าประกวด สำหรับปี 2013 มีหนังสือที่ได้รับรางวัลระดับทอง 5 เล่ม รองลงมาคือระดับเงิน จำนวน 17 เล่ม และอีก 173 เล่ม ที่ผ่านการตัดสินในรอบแรกจะได้รับการระบุไว้ว่าผ่านการเสนอชื่อเข้าชิง 2013

การประกวดหนังสือภาพถ่ายเยอรมันยอดเยี่ยม เป็นการรวบรวมหนังสือภาพถ่ายคุณภาพของวงการหนังสือภาพถ่ายที่ใช้ภาษาเยอรมันที่เพิ่งออกวางจำหน่าย โดยคณะกรรมการจะพิจารณาจากความโดดเด่นขององค์ประกอบภาพ และหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพที่ช่างภาพ ผู้เขียน และบรรณาธิการของแต่ละเล่มถ่ายทอดออกมา

โดยทั่วไปแล้วหนังสือภาพถ่ายที่สามารถส่งเข้าประกวดได้ จะต้องเป็นเล่มที่พิมพ์ครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2011 เป็นต้นไป (สำหรับการตัดสินประจำปี 2013) โดยสำนักพิมพ์ของประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมัน และต้องเป็นผลงานที่ยังไม่เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนี้มาก่อน และจะต้องไม่เป็นการพิมพ์ซ้ำโดยที่ไม่มีเนื้อหาใดเปลี่ยนแปลง

การมอบรางวัลสำหรับหนังสือภาพถ่ายเยอรมันยอดเยี่ยม จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในสัปดาห์หนังสือเมืองซตุทการ์ท และถือเป็นการเปิดตัวนิทรรศการก่อนที่จะนำไปจัดแสดงทั้งในประเทศเยอรมณีและต่างประเทศ

นิทรรศการนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ชุด หลังการประกวดที่ซตุทการ์ท นิทรรศการชุดแรกถูกนำไปจัดแสดงมาแล้วที่เมืองคาร์ลสรูเฮอ เบอร์ลิน โคโลญจน์ ฟรีดริชส์ฮาเฟิร์น เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก บูคาเรสต์ ริโอ เดอ จาเนโร และที่งานแสดงหนังสือนานาชาติเมืองแฟรงค์เฟิร์ต

ส่วนนิทรรศการอีกชุด ถูกนำมาจัดแสดงโดย สถาบันเกอเธ่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเริ่มจัดแสดงที่แรกที่กรุงมะนิลา ต่อมายังกรุงเทพมหานคร(หอศิลป์ กทม.) ก่อนจะถูกส่งต่อไปที่เมืองบันดุง อินโดนีเชีย ซึ่งแต่ปีมีสถิติผู้เข้าชมนิทรรศการ รวมกันกว่า 450,000 คน

รางวัลหนังสือภาพถ่ายเยอรมันยอดเยี่ยม เป็นที่รู้จักและยอมรับ ทั้งในระดับประเทศ และนานาชาติ และเป็นรางวัลที่สื่อต่างๆ ให้การยอมรับเป็นอย่างดีเสมอมา

มาทำความรู้จัก หนังสือภาพถ่าย ที่ได้รับรางวัลระดับทอง จากการประกวดหนังสือภาพถ่ายเยอรมันยอดเยี่ยม (German Photo Book Awards 2013) 5 เล่ม ดังต่อไปนี้ ผ่านความเห็นของ Andreas Langen หนึ่งในคณะกรรมการ

Hier weit entfernt
ช่างภาพ Pentti Sammallathi

หนังสือเล่มนี้ให้ความรู้สึกเสมือนการย้อนเวลา ราวกับว่ามีใครบางคนได้บันทึกการทำงานของ Sammallathi เมื่อ 50 ปีก่อนไว้ นำฟิล์มมาล้างในห้องมืด แล้วเขียนวิจารณ์ภาพเหล่านั้น ผู้แต่งไม่ได้สนใจเลยว่า ในสมัยนั้นนิยมถ่ายภาพกันแบบไหน เขาเพียงแต่ต้องการทำงานของเขา และได้รังสรรค์หนังสือที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมในแบบฉบับของตัวเอง

ภาพถ่ายอันน่าทึ่งเป็นผลงานของ Sammallathi สะท้อนมุมมองของเขาที่มีต่อโลกและธรรมชาติของมนุษย์ โดยเขาเริ่มต้นจากภาพภูมิทัศน์อันโบราณและว่างเปล่า ตามด้วยภาพของประเทศและทวีปต่างๆ การเล่าเรื่องผ่านภาพของเขาไม่ใช่เชิงวิเคราะห์ แต่เป็นเชิงปรัชญาและเปรียบเทียบ อารมณ์ขันและความสนใจเกี่ยวกับสัตว์ของ Sammallathi ถูกสะท้อนออกมาในหนังสือเล่มนี้ ในช่วงแรก สัตว์มีบทบาทเพียงแค่ส่วนประกอบเล็กๆก่อนจะกลายเป็นตัวละคร และหลายๆครั้งก็กลายเป็นตัวละครหลัก

นอกจากการวางให้สัตว์เป็นองค์ประกอบเด่นแล้ว เขายังได้สร้างสรรค์ผลงานในแบบที่ช่างภาพส่วนใหญ่ไม่กล้าทำ คือการใส่โน้ตดนตรีลงไปในภาพของคนเดินถนน หรือใส่ความคิดเห็นที่เป็นเนื้อเพลงของเขาเองลงไปในภาพของพื้นที่ในชนบท หรือภาพหมู่จากโรมาเนียและฮังการี


Poppy.Trails of Afghan Heroin
ช่างภาพ Robert Knoth & Antoinette de Jong

เห็นได้ชัดว่าหนังสือภาพถ่ายเล่มนี้ ไม่ใช่หนังสือภาพทั่วไป แต่เป็นโครงการที่นำเสนอเรื่องราวที่เป็นปัญหาของโลกยุคปัจจุบันได้อย่างละเอียดแบบที่เข้ากับยุคสมัย หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานที่เกิดจากการศึกษาเกี่ยวกับการค้าเฮโรอีนของอัฟกานิสถานที่ Knoth และ d Jong ใช้เวลาค้นคว้าติดตามมาเกือบ 20 ปี ยาเสพติดเป็นกลยุทธที่สำคัญใน “สงคราม” ทั่วโลก และอัฟกานิสถานก็เป็นเหมือน “ตัวละคร” หลักในการขายยาเสพติด

สถานที่และเรื่องราวที่เล่าผ่านหนังสือเล่มนี้คือความจริงที่ผู้เขียนและช่างภาพได้สัมผัสมาโดยตรง ผู้เขาได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์ในยูเครน ออกตระเวนร่วมกับตำรวจอังกฤษ เปิดโปงกลุ่มลักลอบขนของเถื่อนในโซมาเลีย และพ่อค้าชาวรัสเซีย และบางครั้งก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องช่วยชีวิตผู้อื่น ถึงแม้ว่าเรื่องเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร และเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัว แต่หนังสือเล่มนี้กลับทำให้เราเข้าใกล้ปัญหามากขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ


Documenting science
ช่างภาพ Berenice Abbott

ภาพถ่ายของ Abbott มีพื้นฐานมาจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ อาจดูไม่น่าสนใจในแว้บแรก แต่เมื่อได้เห็นพลังของธาตุต่างๆในโลก ความงดงามของภาพถ่ายเหล่านั้นจะทำให้คุณต้องทึ่งและรู้สึกสนใจใคร่รู้ว่าเหตุการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจนั้นถูกสื่อออกมาได้อย่างไร และปฏิกิริยาแบบนี้ Abbott ก็ได้คาดเดาไว้แล้วตั้งแต่เมื่อ 70 ปีก่อน และจนถึงทุกวันนี้ ผู้คนก็ยังรู้สึกเช่นนั้นอยู่เมื่อได้เห็นภาพของเธอ เธออยากกระตุ้นให้คนหันมาสนใจและชอบวิทยาศาสตร์ธรรมชาติมากขึ้น เธอกล่าวไว้ว่า การถ่ายภาพนั้นเป็นสื่อกลางดีเลิศที่จะรวมศาสตร์และศิลป์เข้าไว้ด้วยกัน

Abbott (1898 – 1991) เป็นหนึ่งในช่างภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 20 หลังจากปี ค.ศ.1939 เป็นต้นมา เธอตัดสินใจที่จะเน้นถ่ายภาพแนววิทยาศาสตร์เพื่อที่จะสื่อถึงวิทยาศาสตร์ในแบบของเธอเอง เธอรับงานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ และใช้เวลาถึง 20 ปี กว่าความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่จะมาถึงในปี 1958 เมื่อดาวเทียมสปุตนิก 1 ถูกส่งออกไปสู่ห้วงอวกาศในปีนั้น เธอได้รับผิดชอบโครงการของตัวเองที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูแซตส์(MIT)อันมีชื่อเสียง


Darkroom
ช่างภาพ Adam Bartos

นานมาแล้ว เหล่านักวิชาการที่ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูแซตส์(MIT)ได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับภาพถ่ายของ Adam Bartos

และอีก 60 ปีต่อมา กระแสคล้ายกันนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ ศาสตราจารย์ Nicholas Negroponte ผู้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการทางสื่อขึ้นที่สถาบัน MIT สามารถมองย้อนกลับไปยังยุคสมัยที่การถ่ายภาพยังเป็นระบบอนาล็อกผ่านภาพถ่ายของ Adam Bartos ภาพถ่ายในหนังสือภาพของ Bartos ที่ส่วนใหญ่มีการใช้แสงที่จัดจ้านและเต็มไปด้วยสีสันได้สะท้อนให้เห็นรายละเอียดต่างๆของห้องปฏิบัติการถ่ายภาพแบบอนาล็อกได้เป็นอย่างดี

เมื่อการถ่ายภาพเข้าสู่ยุคดิจิตอล “ห้องมืด” ซึ่งเคยเป็นที่เก็บรักษาเทคนิคการล้างภาพด้วยมือมากกว่า 200 ปี กลายเป็นห้องที่ไร้ประโยชน์ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะถูกลืมเลือนไป Bartos ได้จับภาพสิ่งเหล่านั้นไว้ ได้ภาพถ่ายที่สื่อความหมายตรงจุด กระชับ โดยไม่ลืมให้ความสำคัญกับองค์ประกอบโดยรวมและอารมณ์ของภาพ


Nostalgia
ช่างภาพ Sergei Michallowitsch Prokudin – Gorski

คำว่า Nostalgia นั้นอาจฟังดูขัดหู เพราะชวนให้นึกถึงความหดหู่ของชาวรัสเซีย แต่ผลงานในหนังสือภาพถ่ายเล่มนี้ กลับให้ความรู้สึกตรงข้าม การบอกว่าภาพถ่ายในหนังสือเล่มนี้มีสีสดใสนั้นยังน้อยเกินไปสำหรับสีสันที่ดูเหมือนถูก “ระเบิด”ออกมา และบินว่อนไปอย่างบ้าคลั่งราวกับผลงานของ Andy Warhol หรือราวกับแม่น้ำฮัดสันถูกนำมาวางบรรจบกับแม่น้ำโวลก้าแบบผิดที่ผิดทาง แต่นั่นกับเป็นสิ่งที่ทำให้งานชิ้นนี้น่าดึงดูดใจ และเข้ากันอย่างลงตัวในแบบที่ไม่ได้จงใจให้เป็นศิลปะแนวป๊อบ

พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สองไม่ชอบการเดินทางเท่าใดนัก พระองค์จึงส่งช่างภาพ Prokudin- Gorski ให้ไปถ่ายภาพอาณาจักรอันกว้างใหญ่ของพระองค์ในช่วงปี ค.ศ.1909 – 1915 ภาพถ่ายเหล่านั้นดูเป็นภาพที่สดชื่นแจ่มใส หากมองจากมุมมองในยุคปัจจุบัน แต่ถ้าหากมองในบริบทของยุคอนุรักษ์นิยมสุดโต่งสมัยนั้น ภาพถ่ายเหล่านี้ดูเหมือนจะกำลังบอกว่า “ดูนี่สิ นี่คืออาณาจักรของเรา” ในตอนนั้น

ภาพเหล่านี้ไม่ได้ถูกเผยแพร่มากนักเพราะความผิดพลาดทางด้านเทคนิค เช่น มีรอยบกพร่อง ความผิดพลาดเกี่ยวกับการใช้สี และคุณภาพกระดาษ แต่นั่นกลับกลายเป็นเรื่องโชคดี เพราะสิ่งไม่สมบูรณ์แบบทั้งหมดในตอนนั้นทำให้ภาพถ่ายเหล่านี้น่าดึงดูดใจในยุคปัจจุบัน
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com

และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews

Comments are closed.

Pin It