คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม
ฉันออกไปข้างนอก..
เมื่อขับรถกลับมาถึงบ้าน ฉันลงจากรถในมือก็หยิบจับข้าวของพะรุงพะรังที่เพิ่งซื้อมา เดินผ่านพ่อกับแม่ ฉันพูดทักแม่แต่แม่ไม่ได้ยินเสียงฉัน
แม่แก่แล้วหูไม่ได้ยิน ฉันเดินผ่านมาตามทางจนถึงบ้าน..
ที่ใต้ถุนมีแต่เศษใบมะขามร่วงหล่นเปรอะกระจายเกลื่อนทั่วพื้นเต็มไปหมด ตั้งแต่เช้าฉันมัวง่วนอยู่แต่บนบ้านจึงไม่ได้ลงมากวาดเลย
จนกระทั่งความหิวได้นำพาฉันให้รีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านเพื่อไปหาของกิน..
เศษใบไม้ที่ร่วงหล่นเกลื่อนกล่นพื้นไปหมดนั้น ได้ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ ไปได้อย่างฉับพลัน..
เหมือนราวกับว่าใจคอของฉัน มันได้ตกหายไปอยู่กับพื้นเช่นเดียวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นเหล่านั้น
มีแต่แมวๆ สามสี่ตัวที่นั่งมองมายังฉัน
มันช่างเป็นเสี้ยวแห่งความเป็นจริง ที่ได้บังเอิญแทรกผ่านเข้ามากระทบกับใจฉันอย่างฉับพลัน และมันได้บอกกับฉันว่า
โอ..นี่ฉันไม่มีใครเลยหรือนี่ บ้านนี้มีเพียงฉันอาศัยอยู่คนเดียว กับแมวอีกสี่ตัวเท่านั้น
ด้วยเสี้ยวแห่งเวลา ณ ขณะนั้น ฉันลืมมองโลกในแง่ฝัน..
การมองโลกด้วยสายตาและหัวใจแห่งความฝัน ทับซ้อนความเป็นจริงอีกชั้นหนึ่งนั้นมันช่างจำเป็นสำหรับฉัน..เพราะมันทำให้ชีวิตของฉันนั้นดูสวยงามและมีความหมายมากขึ้น “อย่าเผลอใจที่จะไม่ฝัน” ฉันกระซิบบอกตัวเอง
“อย่าเผลอเปิดช่องใจให้ความเป็นจริงบางอย่างเข้ามากระทบกับใจจนเกินไป” เพราะมันอาจทำให้ฉันเศร้าเอาได้ง่ายๆ
ฉันย้อนนึกไปถึงบทสนทนาที่ผ่านมาเมื่อเจ็ดแปดปีก่อน ขณะนั้นฉันได้เคยยื่นมือไปให้ผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ในศาสตร์และศิลป์ต่างๆ หลายแขนง รวมทั้งการดูลายมือด้วย..
ฉันแบมือของตัวเองทั้งสองข้างแล้วยื่นไปให้ท่านช่วยดู พร้อมกับถามว่า “ตอนแก่ๆ องุ่นจะลำบากมากไหมคะ ?..”
ฉันถามออกไปอย่างนั้น เพราะฉันมักคิดเสมอว่าฉันคงต้องมีวัยชราที่ลำบากแน่ๆ…แต่ความลำบากนั้นจะมากหรือน้อยอย่างไร จนฉันจะทนมันได้หรือไม่..นั่้นคือสิ่งที่ฉันแอบกลัวและอยากรู้
เขามองเส้นลายมือบนฝ่ามือทั้งสองของฉัน แล้วบอกอย่างสุขุมว่า
“ไม่ลำบากนี่..ยิ่งแก่ยิ่งสบาย ยิ่งแก่ยิ่งมีสตางค์”
“โอ..จะเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือคะ” ฉันย้อนถามอย่างดีใจ กึ่งไม่แน่ใจ..
“เส้นลายมือขององุ่นบอกว่า ที่อยู่อาศัยขององุ่นต่อไปภายภาคหน้าจะมีราคา..แต่ผมว่าไม่ใช่หรอก เพราะคนโบราณ..ตำราโบราณเมื่อพูดถึงทรัพย์ก็มักจะหมายถึงที่ดิน แต่ผมว่า สำหรับองุ่น มันคงจะเป็นงานขององุ่นนะ ผมว่าผลงานขององุ่น นั่นแหละจะมีราคาและทำให้องุ่นไม่ลำบากในตอนแก่..”
ฉันรับฟังด้วยความดีใจและยังจดจำคำพูดเหล่านั้นมาจนถึงทุกวันนี้
ก็ในทุกๆ วัน ชีวิตของฉันนั้นไม่ได้โรยไปแต่ความสุข เพราะความเป็นจริงของฉันคือคนที่ชอบที่จะอยู่ตามลำพังคนเดียว ฉันแทบไม่อยากทำงานถ้ามีใครๆ เข้ามาอยู่ในบ้านของฉัน
ฉันจึงมีเพียงแต่งาน พ่อกับแม่นั้นก็แก่ชรามากแล้ว และฉันเองก็อยู่ในวัยที่กำลังจะแก่เฒ่า ตามอย่างท่านไปด้วยในทุกๆ วัน
การงานที่ฉันทำก็หยิบจับเอามาจากความว่างเปล่า ที่มาสัมผัสใจฉัน..รัก..เหงา เศร้า เสน่หา..สิ่งเหล่านี้ล้วนจับต้องไม่ได้ฉันวนเวียนอยู่กับมันวันแล้ววันเล่า..
งานชิ้นแล้วชิ้นเล่าของฉัน ได้เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้น พวกเธอจะปรากฏขึ้น และอยู่ในบ้านของฉัน เป็นเพื่อนฉันในยามชรา..
ท้ายที่สุดแล้ว “หญิงสาวดินปั้น” และดอกกุหลาบแห้งอันงดงามข้างในตู้ พวกเธอคือเพื่อนผู้เก็บงำเรื่องราวต่างๆ ของฉันเอาไว้
เธอเหล่านั้นจะเป็นเพื่อนและที่พึ่งของฉันในอนาคต
ถ่ายภาพโดย : ชาญชัย แซ่ฉั่ว
รู้จัก… องุ่น เกณิกา สุขเกษม
จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี
ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด
ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี
เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า
“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ
รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข
ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”
ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews
Comments are closed.