คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม
ฉันนั่งหน้าดำคร่ำเคร่ง อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ที่ว่าหน้าดำเพราะตั้งแต่เช้านั้นฉันยังไม่ได้ล้างหน้า แว่บหนึ่งของความรู้สึกที่แล่นเข้ามาคือคำว่า “ชีวิตเหมือนฝัน..และวันเวลาที่เหมือนฝัน”
อะไรจะเป็นไปได้ขนาดนั้น แต่มันก็เป็นไปแล้ว บางสิ่งบางอย่างผ่านเข้ามาในชีวิตของเราเหมือนราวกับฝันจริงๆ จนเราซึ่งนั่งอยู่กับปัจจุบันนี้แทบจะไม่เชื่อว่า นั่นเป็นความจริง หรือมันได้เกิดขึึ้นจริงๆ
ทำไมหนอ คนเราจึงมั่นใจอะไรได้มากขนาดนั้นกับบางสิ่งบางอย่างในเมื่อวานนี้ และรู้สึกเลือนลางกับมันได้ขนาดนั้นกับสิ่งเดียวกันภายในวันต่อมา ฉันใคร่ครวญและพยายามที่จะหาตรงกลางของมันให้เจอ ก็เรื่องมันดีอยู่แล้วแล้วใจจะคิดให้มันเป็นอื่นไปทำไมเล่า นี่ฉันเป็นอะไรไปหนอ ช่างเป็นคนที่ไม่มั่นใจกับอะไรได้นานหากขาดการยืนยันบ่อยๆ ครั้งไปเสียได้หนอ
ใช่ ..ฉันเป็นมนุษย์ที่ต้องการให้คนมายืนยันในบางสิ่งบางอย่างที่เป็นสิ่งสำคัญต่อฉันอยู่เสมอๆ และบ่อยๆ
“มันเป็นเวลาที่เธอควรจะอาบน้ำและไปนอนได้แล้วนะ”
ฉันบอกกับตัวเอง
“คำว่าชีวิตเหมือนฝันที่แว่บเข้ามาล่องลอยเข้ามาปะทะอารมณ์อย่างจงใจนั้น นั่นมันจะกลายเป็นงานชิ้นใหม่ของเธอในวันพรุ่งนี้นะ องุ่น จงพักสายตาและร่างกายในวันนี้เสียเถิดเพื่อวันพรุ่งนี้ที่จะดีกว่า”
วันนี้ทั้งวันฉันนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ค้นหาแต่เรื่องราวของโสเภณีและหญิงงามเมืองอยู่ทั้งวัน ฉันนั่งค้นหา และถ่ายภาพงานของฉัน เอาผ้าขนหนูมาเช็ดงานไปๆ มาๆ ให้เกิดความเงาบนชิ้นงานบรอนซ์ ฉันกำลังดูแลงานและคิดบางอย่างเกี่ยวกับมัน
ทั้งวันหมดไปกับสิ่งนี้ นี่นับเป็นวันที่ฉันได้กลับมาจมอยู่กับโลกของตัวเองอีกครั้ง
นับจากเมื่อหลายต่อหลายวันก่อนฉันได้ออกจากโลกของตัวเองไปสัมผัสกับคนอื่น
คนที่จะมาเป็นญาติมิตรของฉันในอนาคต ฉันคิดว่านะ พวกเขาดีและน่ารักต่อฉันมากๆ ฉันหัวเราะจนเหนื่อยในหลายต่อหลายวันที่อยู่ร่วมกับพวกเขา ได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์อันอบอุ่นจากบุคคลเหล่านั้น ฉันทิ้งโลกของตัวเองเอาไว้ที่บ้าน
ออกเดินทางไปกับพวกเขา อย่างไร้ความรู้สึกแปลกแยกใดๆ ฉันไม่คิดถึงบ้าน ไม่ห่วงบ้านไม่ห่วงแมวๆ ที่เหลือเหมือนครั้งอื่นครั้งใดที่เคยเดินทางไปจากบ้าน
มันไม่ง่ายนักกับการเป็นคนที่ละเอียดอ่อนเรื่องความรู้สึก และแน่นอนฉันรู้สึกดีกับการเดินทางเมื่อหลายวันก่อนมาก จนกระทั่งเมื่อฉันกลับมายังบ้าน ยังโลกของตัวฉันเองตามลำพังดังเดิม ฉันจึงอดคิดไปไม่ได้ว่า
สิ่งที่ผ่านมานั้นมันช่างเหมือนฝัน
สิ่งที่แน่นอนที่สุด คือความไม่แน่นอน
“เอาเหตุผลและความเป็นจริงมาคิดสิ” ฉันพยายามบอกกับตัวเอง ให้ละทิ้งความคิดเรื่อยเปื่อยอันเป็นอารมณ์ที่จรมาเหล่านั้นไปเสีย
หากเธอจะมีชีวิตที่สมบูรณ์ได้เธอจะต้องหัดคิดด้วยเหตุและผลบ้าง คิดถึงความเป็นจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นและจงเชื่อมั่นในเหตุการณ์นั้น ว่ามันเกิดขึ้นจริง แล้วเธอจะไม่รู้สึกเลื่อนลอย ความเลื่อนลอยเป็นธรรมชาตินิสัยของเธอที่มักจะคิดไปว่ามันจะเป็นอย่างนั้น หรือมันจะไม่เป็นอย่างนี้ จงเชื่อมั่นในตัวเองและความเป็นจริงที่เธอพานพบมานั่นสิ แล้วเธอจะเต็มได้ในสิ่งที่เธอพร่องนะ
เอาความฝันไว้สร้างงาน และเอาชีวิตไว้กับความเป็นจริง เธอต้องแยกสิ่งที่เธอคิดกับชีวิตจริงให้ได้นะองุ่น
มิฉะนั้นเธอนั่นแหละจะเป็นทุกข์ ระหว่างสองสิ่งที่เธอแยกมันจากกันไม่ได้ และมันจะมีผลต่อความสุขทุกข์ของเธอโดยตรง
“ทำไมล่ะ คนเป็นศิลปินจะมีความสุขหรือความสมบูรณ์บ้างไม่ได้หรือ”
เธอเคยถามตัวเองอย่างนั้นใช่ไหม ศิลปินก็คือคนคือมนุษย์ แต่อาจจะมีความอ่อนไหวมากกว่าปกติทั่วไปสักนิดหนึ่ง ในเมื่อเธอโชคดีที่รู้จุดอ่อนของตัวเอง
แล้วเธอทำไมจึงยังตกอยู่ภายใต้หลุมพรางแห่งอารมณ์และความอ่อนไหวนั่นอยู่อีกเล่า แยกมันให้ออกคือเวลานี้จงลุกไปอาบน้ำและเข้านอนเสีย
เพื่อในวันพรุ่งนี้เธอจะจับดินแล้วปั้นในบางสิ่งที่เธอรู้สึกว่า มันเหมือนฝันนั่น ออกมาให้เป็นรูปร่าง ให้ปรากฏออกมา นั่นคือสิ่งอัศจรรย์แห่งจิตใจที่ได้มอบให้กับเธอ
แต่ขอให้เธอจงแยกมันให้ออกจากกันระหว่างสิ่งที่เธอคิด และสิ่งอันเป็นความจริง เพื่อจะไม่สับสนกับการดำเนินชีวิตและไม่ทำให้เธอเหนื่อยกับความคิดของตัวเองจนเกินไปนะ องุ่นที่รัก
รู้จัก… องุ่น เกณิกา สุขเกษม
จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี
ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด
ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี
เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า
“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ
รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข
ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”
ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews
Comments are closed.