Advice

จับสาวผิวขาวไปแปลงกายเป็น “สาวผิวแทน” ทำเท่ห์หน้าร้อน

Pinterest LinkedIn Tumblr

การเปลี่ยนผิวขาวให้เป็น “สีแทน” ถ้าเป็นเมื่อก่อน เห็นจะมีแต่สาวฝรั่งตาน้ำข้าวเท่านั้นที่ตื้นเต้นอยากจะมีผิวสีน้ำผึ้ง แต่มาถึงยุคนี้สาวไทยจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเหล่านักเรียนนอก เซเลบฯ ดารา นางแบบ นางงาม ชอบแอบไปทำผิวแทนกันทั้งน้าน เพราะนอกจากจะทำให้ได้ลุค(look)สวยเท่ห์แล้ว เวลาถ่ายรูปหรือออกกล้องยังช่วยให้ดูผอม และเซ็กซ์ซี่มากขึ้นด้วย

ราจึงไม่รอช้า คว้าเพื่อนใกล้ตัวเจ้าของผิวข๊าวขาวมาลองเปลี่ยนสีผิว ให้สาวผิวแทนกิ๊บเก๋ทันเทรนด์หน้าร้อนนี้ซะหน่อย

Makeover เรื่องนี้ต้องไปที่ Apex Profound Beauty สถานที่เหล่าคนดังเดินเข้า-ออก ทำผิวสีแทนเป็นว่าเล่น




จิราภรณ์ พิทำ
พยาบาลสาวผู้เชี่ยวชาญในด้านการทำผิวสีแทนของที่นี่ มาให้ความรู้ พร้อมช่วยแปลงกายนางแบบผิวขาวจั๊วะของเราให้กลายเป็นสาวผิวสีน้ำผึ้งสุดเซ็กซี่

คุณพยาบาลสาวให้ข้อมูลกับเราว่า จุดกำเนิดของการเปลี่ยนสีผิวขาวให้กลายเป็นผิวสีแทนนั้น มาจากชาวยุโรปผิวขาวที่มีค่านิยมว่า “ผิวสีแทน” คือผิวที่ดูมีสุขภาพดี สาวๆ ผิวขาวจึงพากันไปนอนอาบแดดให้ผิวกลายเป็นสีแทน จากนั้นจึงเริ่มมีวิทยาการใหม่ๆ มาช่วยเปลี่ยนสีผิวโดยไม่ต้องไปนอนอาบแดดให้ร้อนและเมื่อย

วิธีหลักๆ ที่ได้รับความนิยม คือ

– ใช้เครื่องอบผิวแทน (Sun bed) วิธีนี้จะให้ผู้ที่ต้องการทำผิวสีแทนเข้าไปนอนในตู้ที่มีลักษณะคล้ายแคปซูล (Capsule)โดยภายในตู้จะเป็นส่งผ่านแสงยูวี (UV-Ultraviolet)ชนิดเข้มข้น ฉายไปที่ผิวของผู้ที่เข้าไปนอน จนทำให้สีผิวกลายเป็นสีแทน วิธีนี้แม้จะมีข้อดีคือ ทำให้ผิวคงสีแทนไว้ได้ระยะเวลานานนับเดือน แต่ข้อเสียที่หลายคนต้องผวาก็คือ มีความเสี่ยงให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ เนื่องจากขั้นตอนการฉายแสงยูวีเข้มข้นมาที่ร่างกาย ไม่ต่างกับการไปนอนให้แสงแดด แผดเผา กระตุ้นการเกิดมะเร็งผิวหนังไปหลายเท่าตัว

การทาครีมผิวแทนชั่วคราว (Cream Tan) วิธีนี้มีข้อดีคือ ไม่ต้องเสี่ยงต่อโรคมะเร็งผิวหนัง แต่จุดด้อยคือ เมื่อทาครีมแล้วจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะด้วยความที่มีลักษณะเป็นเนื้อครีมที่เคลือบผิวไว้เท่านั้น ดังนั้นหากโดนแดดแล้วเกิดเหงื่อออก หรือมีใครแตะบริเวณที่ทาครีมเอาไว้ ก็จะหลุดเป็นคราบออกมาได้ง่าย ทำให้การทาครีมแบบนี้เป็นการทาผิวแทนที่ให้ผลเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

– การใช้ตู้พ่นสเปรย์แทน นั่นคือ การนำผู้ที่ต้องการทำผิวสีแทน เข้าไปในตู้ซึ่งสามารถพ่นสเปรย์ออกมาเพื่อเปลี่ยนสีผิวให้กลายเป็นสีแทน โดยวิธีนี้จะทำให้ผิวเป็นสีแทนได้ราว 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นสีแทนที่พ่นไว้จะค่อยๆ หลุดลอกออกไปจนผิวกลายเป็นสีเดิม

พยาบาลจิราภรณ์บอกว่าทาง Apexฯ ใช้วิธีหลังสุด

“คนที่มาทำผิวสีแทนที่นี่ส่วนใหญ่ 70% เป็นชาวต่างชาติ โดยเน้นหนักไปที่ชาวยุโรปผิวขาว อีก 30% เป็นคนไทย”

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวสังคมที่ก่อนเวลาออกงานก็จะมาทำกัน เพราะผิวสีแทนทำให้ดูโดดเด่น ถ่ายรูปออกมาสวย หน้าตาดูเข้มและมีมิติ

“อย่างฝรั่ง ถือว่าเป็นค่านิยมของเขาเลยว่า เวลามาเมืองไทยจะต้องดำกลับไป แต่ถ้าเขามาแล้วเจอสภาวะที่ไม่มีแดด ทำให้ผิวไม่เป็นสีแทน จะให้ไปตากแดดก็ไม่ไหว กลัวเป็นมะเร็งผิวหนัง เพราะผิวฝรั่งเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งผิวหนังได้มากกว่าคนผิวดำ หรือผิวเหลือง เพราะเม็ดสีผิวของเขาจะไม่ค่อยแข็งแรง เขาก็จะมาทำผิวสีแทนแบบนี้ก่อนกลับบ้าน มาถึงก็เที่ยวไป พอก่อนกลับก็มาทำล่ะ เพื่อนจะได้รู้ว่าไปเมืองไทยมาแล้วนะ มีผิวสีแทนแล้วนะ ส่วนคนไทยก็จะมีไฮโซนางแบบมากันเยอะ เพราะมองว่าสีผิวเข้มทำให้ดูสวยเท่ห์ โดดเด่นเวลาออกงาน ที่สำคัญเวลาถ่ายรูปหรือออกกล้อง ก็จะดูผอม แล้วก็คมเข้มขึ้นด้วย”

สำหรับตู้สเปรย์แทนที่ Apexฯ ให้บริการอยู่ ทั้งในส่วนของตู้พ่นและสเปรย์ทั้งหมดนำเข้ามาจากประเทศอังกฤษ ตัวสเปรย์ได้รับการรับรองจากทางประเทศอังกฤษว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรืออุดตันผิวหนัง เพราะผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ

“พี่เป็นคนทำใช้เครื่องนี้ให้บริการลูกค้ามา 4 ปี ก็ตั้งแต่สั่งซื้อเครื่องเข้ามาก็ถูกเทรน (train) แล้วก็ทำมาคนเดียวเลย ยังไม่เจอว่าลูกค้าแพ้นะคะ แม้แต่ใบหน้า ก็ไม่เคยพบว่าลูกค้ามาบ่นว่าทำแล้วสิวขึ้น สเปร์ยตัวนี้อ่อนโยนมาก ถึงขนาดลูกค้าหลายคนขอให้ช่วยพ่นซอกหลืบจุดซ่อนเร้นสุดๆ ด้วย เพื่อให้เป็นสีแทนหมดทั้งตัวจริงๆ”

ส่วนข้อกังขาที่ว่าทำแล้วจะกลับมาขาวเหมือนเดิมหรือไม่นั้น พยาบาลสาวใจดียืนยันว่า

“กลับมาเป็นสีผิวปกติแน่นอน 100% เพราะหลักในการทำจะเหมือนการที่เอาสีทาไว้ที่ตัว พอผ่านไประยะหนึ่งสีก็จะลอกออกไปจนหมด ไม่ได้ฝังลงไปที่ผิว แต่เป็นแค่การเคลือบสีไว้ระยะหนึ่งเท่านั้นเอง”

ด้วยคุณสมบัติที่มีการยืนยันว่าทำแล้วไม่แพ้ สิวไม่ขึ้น และผิวจะกลับมาขาวเหมือนเดิม 100% ทำให้นางแบบของเราที่ต้องวงเล็บไว้นิดว่าปกติเป็นคนผิวแพ้ง่าย ยินยอม(แต่โดยดี!)เข้าตู้พ่นสเปร์ยแปลงกายจากผิวขาวๆ ให้เป็นสาวผิวสีน้ำผึ้งแล้วล่ะคะ

คู่มือการปฏิบัติตัว ในการใช้เครื่องเปลี่ยนสีผิว
เริ่มขั้นตอนเปลี่ยนสีผิว

1. ผู้เข้ารับบริการเปลี่ยนสีผิว ต้องล้างเครื่องสำอาง โลชั่นต่างๆ บนร่างกายออก รวมถึงต้องถอดเสื้อผ้าออกให้หมด เพื่อให้ได้สีแทนทั่วร่างกายอย่างแท้จริง แต่หากสาวท่านใดไม่มั่นพอ จะขอใส่บิกินี่เอาไว้ก็ไม่ว่ากัน เพียงแต่ต้องยอมรับว่าผิวที่อยู่ในส่วนของบิกินี่จะไม่มีสีแทนเท่าส่วนอื่น

2. ใส่หมวกคลุมผม เพื่อป้องกันไม่ให้ผมเปื้อนสเปรย์แทน รวมถึงสวมถุงมือ และถุงเท้า (พลาสติก) เพื่อห่อหุ้มมือและเท้าไว้ไม่ให้ถูกพ่นสีไปด้วย โดยพยาบาลของเราให้เหตุผลในข้อนี้ว่า บริเวณมือและเท้าจะมีรอยข้อพับต่างๆ จำนวนมาก หากไม่คลุมไว้ สเปรย์แทนที่เครื่องพ่นไปโดนเข้า จะทำให้มีสีที่เข้มมากเกินไป หรือเป็นกระดำกระด่าง ไม่สวยงาม ดังนั้นในส่วนของมือและเท้า เราจึงห่อด้วยพลาสติกไว้แล้วนำออกมาพ่นด้วยสเปรย์ (ด้วยมือ) หลังเครื่องพ่นเสร็จ จะได้สีที่สวยงามกว่า

3. ผู้เข้ารับบริการจะอ่านทำความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติตัว และ การวางท่วงท่าการยืนระหว่างอยู่ในตู้สเปรย์แทน โดยท่าการยืนนั้นจะหันทั้งหมด 4 ด้าน คือ ซ้าย ขวา – หน้า หลัง ซึ่งภายในตู้จะส่งสัญญาณบอกคอยบอกให้ผู้เข้ารับบริการหันตัว ตามจุดที่ระบุไว้ โดยระยะเวลารวมที่ยืนอยู่ในตู้พ่นสเปรย์เพียง 1 นาทีเท่านั้นเอง
ด้วยขั้นตอนการทำที่นางแบบของเราต้องอยู่ในชุดแสนเซ็กซี่ จึงไม่อาจนำมาเปิดเผยได้ เราจึงขอนำมาเพียงบางส่วน ภายหลังจากพ่นสเปรย์ภายในตู้เกือบเรียบร้อยแล้ว (ซึ่งนางแบบของเราพอจะสวมชุดที่เซ็กซ์ซี่น้อยลงได้แล้ว) นั่นคือ ขั้นตอนของการเก็บรายละเอียด เราจึงได้รับอนุญาติให้พบตัวนางแบบของเราอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเป็น “สาวผิวน้ำผึ้ง” เรียบร้อยแล้ว


เจ้าหน้าที่ใช้สเปยร์แทน (แบบพ่นด้วยมือ) ฉีดเพิ่มไปในส่วนต่าง ๆ
ถึงเวลานี้ พยาบาลจิราภรณ์ทำการฉีดพ่นสเปรย์สีแทน (ด้วยมือ) แล้วใช้ถุงมือสำหรับถู ขัดไปบริเวณที่ต้องการเพิ่มความแทน เพื่อเก็บรายละเอียดตามที่ลูกค้าพอใจ ซึ่งก็เพียงอึดใจเดียวเท่านั้นสเปรย์ที่ฉีดก็แห้งไป กลายเป็นผิวสีแทนซะแล้ว

“เนื้อสเปรย์ที่ใช้พ่นด้วยมือในส่วนเติมรายละเอียดนี้ เป็นชนิดเดียวกับสเปรย์ที่ใช้ในตู้พ่น จะต่างก็ตรงที่หัวพ่นภายในตู้ จะสามารถพ่นสเปรย์ได้เนื้อละเอียดกว่า ไม่ต้องใช้ถุงมือถูซ้ำเหมือนการพ่นด้วยมือ”

เธออธิบายต่อว่า เนื้อสเปร์ยที่พ่นด้วยมือจะออกมาเหมือนกับหยดน้ำ จึงต้องใช้ถุงมือเกลี่ยให้เรียบเนียนอีกครั้ง คุณสมบัติของสเปรย์ชนิดนี้จะแห้งเร็วได้มาก คล้ายการทาโลชัน(lotion) ที่ฉีดไปครู่เดียวเนื้อก็จะซึมเข้าผิวไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีผิว ทำให้ผิวเข้มขึ้น จากนั้นประมาณ 4-5 ชั่วโมงสีก็จะเข้มขึ้นเรื่อยๆ เช่น หลังทำเสร็จจะเข้มประมาณนี้ ในวันพรุ่งนี้สีจะเข้มขึ้นอีกประมาณ 20% จากนั้นก็จะคงที่อยู่ จนหลังวันที่ 5 สีก็จะเริ่มจางลง

สำหรับการเลือกเฉดสีว่าจะแทนมากน้อยแค่ไหนนั้น พยาบาลจิราภรณ์กล่าวว่า

“เราจะเลือกตามใจลูกค้า โดยลูกค้าจะเป็นคนบอกเราเอง หลังจากที่สเปรย์ทั่วทั้งตัวแล้ว ลูกค้าก็จะส่องกระจก แล้วบอกเราเองว่า แทนเท่านี้พอหรือยัง น้อยไปหรือเปล่า เพราะรอบแรกเราจะทำให้เป็นเพียงแทนอ่อนๆ แต่หากลูกค้ายังไม่พอใจ ก็อาจจะเข้าเครื่องฉีดอีกครั้งเพื่อให้แทนมากขึ้น แต่ส่วนมาก..โดยเฉพาะฝรั่ง จะไม่ชอบแทนมากนะ เขาจะบอกเลยว่า Not to dark … Look good healthy พวกเขาไม่ชอบให้ดูดำปื้ด เขาจะชอบให้ดูเป็นแทนทองๆ ดูสุขภาพดี ส่วนมากก็จะเข้าตู้สเปรย์กันแค่ครั้งเดียว ทำให้ผิวกลายเป็นแทนสุขภาพดี”


…จากปากคำนางแบบของเรา

หลังใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง นางแบบของเราก็เปลี่ยนจากสาวผิวขาว กลายเป็นผิวสีแทนไปแล้วค่ะ โดยเธอบอกเล่าถึงความรู้สึกขณะทำการเปลี่ยนสีผิวว่า

“ในตู้พ่น จะพ่นแค่แป็บเดียวค่ะที่ช่วงตัว ก็ไม่รู้สึกว่าแสบหรือคัน จะมีก็ที่ใบหน้า รู้สึกเย็นๆ”

สำหรับเรื่องของอาการรู้สึกเย็นๆ บนบริเวณใบหน้านั้น พยาบาลจิราภรณ์ ตอบว่า

“อาจเกิดจากการที่ผิวหน้านางแบบอ่อนไหวง่าย จึงทำให้รู้สึกว่าเย็น แต่โดยทั่วไปแล้วก็ไม่ได้เกิดการคัน หรือแสบร้อน จึงไม่ใช่การแพ้แต่อย่างใด”

แม้จะยังไม่เคยพบว่าลูกค้าทำแล้วเกิดอาการแพ้ แต่พยาบาลของ Apexฯ กล่าวว่า

“ที่นี่มีมาตรการเอาไว้ว่า ถ้าลูกค้าเกิดอาการแสบร้อนหรือคัน จะต้องทำการล้างตัวสเปรย์ทั้งหมดออกทันที เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้”

* เกร็ดต้องรู้ ก่อนทำผิวสีแทน

– ก่อนทำควรชโลมมอยเจอร์ไรส์เซอร์ (moisturelizer) ก่อนมาทำสัก 2-3 คืน เพื่อให้ผิวชุ่มชื่น โดยเฉพาะคืนก่อนที่จะมาทำ เพื่อไม่ให้ผิวแห้ง เนื่องจากในคนผิวแห้งนอกจากสีแทนจะติดยากแล้ว ยังหลุดลอกง่าย ที่สำคัญ เวลาลอกอาจออกมาเป็นขุยๆ ดูไม่งามตาอีกด้วย

– หากคิดจะทำผิวแทนเพื่ออวดสวยในงานพิเศษ แนะนำให้ทำล่วงหน้า 1 วัน เนื่องจากเมื่อทำไปราว 4-6 ชั่วโมงสีจะเข้มขึ้น และสวยที่สุดในตอนนั้น

– หลังเปลี่ยนสีผิวแล้ว 6 ชั่วโมง สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ ทั้งอาบน้ำ เล่นกีฬา หรือแม้แต่ว่ายน้ำ แต่ก็ไม่ควรขัดผิวแรงๆ เพราะอาจทำให้สีผิวหลุดลอกได้เช่นกัน

* เกร็ดแก้ไข หลังเปลี่ยนสีผิวแทน ดับสนิท..ไม่ชอบใจ ทำไงดี !?!

หากทำผิวสีแทนออกมาแล้ว เกิดไม่พอใจอย่างแรง เรามีทางออกคือ ให้ทำการอาบน้ำทันที หรือทำการขัดผิว ภายใน 6 ชั่วโมงหลังทำเสร็จ ก็จะสามารถล้างสีแทนเหล่านั้นออกได้ แต่หากเกิน 6 ชั่วโมงไปแล้ว แนะนำว่าไม่ควรขัดผิวอย่างยิ่ง เพราะอาจจะทำให้คุณผิวกระดำกระด่างได้โดยง่าย

ปิดท้ายด้วยการตามไปดูนางแบบของเรากันหน่อย

หลังผ่านไป 3 วัน ซึ่งกังวลว่านางแบบของเราจะมีสิวขึ้นมั้ย ได้รับการวิจารณ์จากคนรอบข้างอย่างไร

“ก็ดีค่ะ ไม่ได้สิวขึ้นหรือแพ้อะไร สีที่ตัวก็ยังเนียนๆ อยู่ คนรอบตัวก็ถามว่าไปทำอะไรมา ไปทะเลมาเหรอ พอบอกว่าไปทำผิวแทนมาก็ฮือฮากันนะ คงเพราะไม่คิดว่าเราจะไปทำ แต่พอบอกไปแบบนั้นก็ชมกัน บอกว่าสีผิวสวยดี ไม่ถึงกับดำไหม้ ดูแปลกไปอีกแบบ เลยเน้นถ่ายรูปค่ะ เพราะรู้สึกถ่ายแล้วหน้าไม่อ้วน” เธอหัวเราะผ่านสายโทรศัพท์มาอย่างอารมณ์ดี


Comments are closed.

Pin It