Advice

8 เทคนิคเนรมิตตัวคุณให้เป็นคนน่ารักน่าคบหา!

Pinterest LinkedIn Tumblr

By Lady Manager

เคยสังเกตไหมคะ เพื่อนสาวบางคนไม่จำเป็นต้องเก่งล้ำ ฉลาดเลิศ หรือสวยหยาดเยิ้ม แต่ทำไม๊ทำไมคุณเธอถึงกลายเป็นสาวป๊อปปูล่าร์ ที่ใครต่อใครให้ความสนใจ อยากคบค้าสมาคมด้วย

เพราะความโดดเด่นและความประทับใจ สามารถสร้างได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเจอ งานนี้เรามี 8 เทคนิคเด็ด ที่จะช่วยให้คุณวางตัวได้ดูดีมีเสน่ห์ สร้างความประทับใจให้กับผู้คนตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ ไม่ว่าใครก็รู้สึกอยากคบหาสนิทสนม แถมจำได้แม่นว่าคุณน่ะเป็นสาวน่ารักนิสัยดี จนอยากสานสัมพันธ์ ทำความรู้จักไปยาวๆ

เทคนิคแรก: กล่าวชื่นชมอย่างจริงใจ

ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนของเพื่อน ที่นานครั้งจะได้เจอกันที วิธีการซึ่งดีมากๆ ที่จะช่วยให้คุณกลายเป็นสาวน่ารักน่าคบหาก็คือ การสร้างความรู้สึกดีๆ ให้เกิดขึ้นแก่ผู้คนรอบข้างเสียก่อน

“เมื่อคุณทำให้ใครสักคนยิ้มหรือหัวเราะ หรือกล่าวคำชื่นชมแก่เขา คุณก็จะได้สิ่งเหล่านั้นตอบกลับมา” Anne Demarais ผู้ก่อตั้งบริษัท ด้านการฝึกอบรมการสร้างความประทับใจครั้งแรก ประเทศสหรัฐอเมริกาให้ข้อมูล

เห็นมะ.. ไม่ยากซักหน่อย ถ้าอยากให้ใครประทับใจ หรือรู้สึกดีต่อคุณ ก็เพียงแค่เอ่ยชมอย่างจริงใจ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้รับความรู้สึกดีๆ และความจริงใจตอบแทนกลับมาเพียบ ทว่าข้อสำคัญที่ต้องจำ นั่นคือ ต้องแน่ใจด้วยนะคะ ว่าคำชมของคุณน่ะ ออกมาจากใจ และอยู่ในพื้นฐานของความเป็นจริง ไม่ใช่แค่พูดมั่วซั่วเพียงเพื่อหวังเอาใจ โดยไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความจริง

เช่น ชมว่า ‘ช่วงนี้สวยนะคะ หุ่นดีเชียว’ แต่คู่สนทนาเขาน้ำหนักขึ้น 8 กิโล แถมแพ้เครื่องสำอางจนสิวเห่อเต็มหน้า…. แบบนี้เขาก็รู้หมด ว่าคุณน่ะแกล้งชมไปอย่างงั้น ไม่ได้มีความจริงใจเอาซะเล้ย

ทั้งนี้เทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้คุณกล่าวคำชื่นชมใครสักคนได้อย่างจริงใจก็คือ คุณต้องมี “ความคิดแง่บวก” กับผู้อื่นก่อนเสมอ เพราะเมื่อคุณคิดดีกับเขาแล้ว คุณก็จะมองหาและมองเห็นแต่ข้อดีของเขาไงล่ะ แต่หากคุณมีความคิดแง่ลบ ตั้งแง่รังเกียจ ไม่ชอบหน้าเขาแต่แรกแล้วล่ะก็ ไม่ว่ายังไงคุณก็หาข้อดีของเขาไม่เจอหรอก

เทคนิคสอง : ไม่พูดมาก เอาแต่คุยเรื่องของตัวเอง

สิ่งสำคัญ ที่จะทำให้ใครต่อใครอยากพูดคุยกับคุณคือ อย่าเป็นคนช่างเม้าท์เกินเหตุ เพราะการที่คุณเอาแต่พร่ำพรรณนาเรื่องของตัวเอง จนคู่สนทนาอีกฝ่ายทำได้แค่นิ่งและฟังคุณน่ะ มันทำให้เขาอึดอัดมาก ถึงมากที่สุด!

แม้คู่สนทนาจะเหมือนตั้งใจฟัง และชื่นชอบเรื่องที่คุณพูดมานับชั่วโมง แต่ใครจะไปรู้ เขาอาจทำไปตามมารยาท ทั้งที่ในใจอาจกำลังคิดอยู่ว่า “เมื่อไหร่จะหยุดพูดเนี้ย ฉันไม่เห็นอยากรู้เล้ย”

ฉะนั้นท่องให้ขึ้นใจค่ะ ว่าไม่มีใครอยากเป็นผู้ฟังอยู่ตลอด คุณจึงต้องเดินทางสายกลาง นอกจากจะเป็นผู้พูดที่ดีแล้ว ยังควรเว้นจังหวะการพูด เมื่อเล่าเรื่องราวของตัวเองแล้ว ก็ย้อนถามกลับให้คู่สนทนาได้พูดคุยถึงเรื่องของเขาอย่างเต็มที่ด้วย การสนทนาจึงจะราบรื่นน่ารื่นรมย์ โอกาสหน้าหากเจอกันเขาจะได้อยากเข้ามาทักทายพูดคุยกับคุณอีก ไม่ใช่ว่า เห็นคุณมาแต่ไกลต้องรีบเดินหนี เพราะขี้เกียจฟังคุณพูดฝ่ายเดียว
เทคนิคสาม : แต่งกายให้เหมาะสม บ่งบอกถึงความเป็นคุณ

สิ่งแรกที่จะแนะนำให้ใครต่อใครได้รู้จักตัวตนของคุณก็คือการแต่งกาย คุณเป็นสาวเรียบร้อย มั่นใจ หรือเปรี้ยวซ่า สิ่งเหล่านี้ยังไม่มีใครรู้แน่จนกว่าจะได้พูดคุยหรือรู้จักมักจี่กับคุณ ฉะนั้นถ้าไม่อยากกลายเป็นคนไม่น่าคบ (ตั้งแต่แรกเห็น) ก็ต้องดูแลเครื่องแต่งกายเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองให้เป๊ะสักหน่อย ท่องไว้เสมอว่า การแต่งกายคือสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นคุณ ทั้งอุปนิสัย และมารยาทการแสดงออก

ดังนั้นการแต่งกายควรคำนึงถึงความเหมาะสมของสถานที่ และบุคคลที่คุณต้องไปพบเสมอ เช่น หากจะไปร่วมงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในโรงแรมหรู คุณก็ควรต้องใส่ใจสอบถามเจ้าภาพถึงเดรสโค้ด (Dress Code) หรือข้อกำหนดการใส่เสื้อผ้าภายในงาน เพื่อที่จะได้สวมชุดอย่างเหมาะสม ไม่กลายเป็นแกะดำในงาน

นอกจากนี้ เรื่องเสื้อผ้าการแต่งกายยังช่วยสานสัมพันธ์และทำให้คุณเป็นที่ชื่นชม, จดจำ หรือประทับใจใครต่อใครได้ง่ายๆ เพียงแค่คุณจะใช้ไหวพริบเปิดประเด็นเรื่องใกล้ตัวอย่างเครื่องแต่งกาย ให้กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ดี

เช่น “ผ้าพันคอของคุณสวยจังค่ะ ทราบมาว่าคุณชอบงานฝีมือ ผืนนี้ถักเองด้วยหรือเปล่าคะ” (ในกรณีที่คุณทราบว่าเขาชื่นชอบงานฝีมือ) แค่นี้คุณก็มีเรื่องพูดคุยได้อย่างสนุกสนาน แถมคู่สนทนาก็ยังรู้สึกภูมิใจที่คุณให้ความสำคัญ จำความชื่นชอบของเขาได้ … แค่นี้ก็ได้ใจไปเต็มๆ รับรองคู่สนทนาเป็นต้องประทับใจ แถมจดจำคุณได้แน่!

เทคนิคสี่ : ให้ความสนใจกับคู่สนทนา

“เมื่อคุณให้ความสนใจ คุณก็จะได้รับการสนใจ” Jill Spiegel ผู้เขียนหนังสือ How to Talk to Anyone About Anything ให้ข้อมูล พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า วิธีหนึ่งซึ่งมีประสิทธิภาพมากในการทำให้คุณกลายเป็นจุดสนใจ หรือได้รับความสนใจจากคู่สนทนาก็คือ คุณต้องใส่ใจและให้ความสำคัญกับคู่สนทนา ด้วยการซักถามเกี่ยวกับเรื่องราวของคู่สนทนา พร้อมพยักหน้า และแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วม อยากฟัง อยากรู้เรื่องราวของเขาอย่างจริงใจ

อย่าได้ทำเชียวค่ะ กับการซักถามไปอย่างนั้น แต่พออีกฝ่ายตั้งใจอธิบาย กลับหันหน้าไปมองทางอื่น ไม่สนใจฟังผู้พูด เพราะการทำเช่นนั้น จะทำให้คู่สนทนารู้สึกแย่ มองว่าคุณไม่ให้เกียรติ และไม่จริงใจที่จะพูดคุยกับเขาสักนิด

และจะดียิ่งขึ้น ถ้าคุณพยายามชวนพูดคุยถึงเรื่องราวสิ่งที่เขาชื่นชอบ เช่น หากเขาชอบฟังเพลงแนวแจ๊ส (Jazz) แล้วคุณก็ชอบแนวเพลงนี้เหมือนกัน สามารถยิงคำถามได้เลยว่า เขาชอบศิลปินคนไหนเป็นพิเศษ ต่อด้วยการบอกเล่าว่า ตัวคุณเองก็ชอบเพลงแนวนี้เช่นกัน…. เพียงเท่านี้คุณก็มีเรื่องเอาไว้คุยได้อย่างออกรส สร้างความสนิทสนมได้รวดเร็ว แถมการพูดคุยในเรื่องที่คุณชื่นชอบ ยังเป็นการช่วยให้การสนทนาของคุณดูเป็นธรรมชาติ และเป็นกันเองเป็นที่สุด
เทคนิคห้า : กล่าวแนะนำตัวแบบขี้เล่น แต่เปิดเผย

“เคล็ดลับที่ทำให้คุณเป็นที่น่าจดจำควรคือ แสดงความเป็นตัวเองของคุณออกมา และเมื่อยามแนะนำตัวเอง ก็ควรแนะนำตัวเองแบบขี้เล่น แต่เปิดเผย” Jill Spiegel อธิบายให้แนวทาง พร้อมยกตัวอย่างเช่น การกล่าวคำทักทายบนโต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยสาวๆ เพื่อนใหม่ คุณอาจพูดว่า

“สวัสดีค่ะ ชื่อส้มนะคะ เป็นโสดค่ะ ไม่รู้ว่าโต๊ะนี้ยังมีใครเป็นผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันหรือเปล่า”

พูดเล่นแบบเปิดเผยให้ผู้คนในโต๊ะจดจำความขี้เล่นของคุณ ซึ่งกรณีการแนะนำตัวนี้ หากคุณไม่มั่นใจนัก ควรมีการฝึกแนะนำตัวที่หน้ากระจกบ่อยๆ เพื่อดูว่า สีหน้าท่าทางระหว่างที่คุณพูดนั้นเป็นอย่างไร ดูเป็นมิตร และเหมาะสมหรือยัง ที่สำคัญการออกแบบคำพูดแนะนำตัวแต่ละครั้ง ควรคำนึงถึงผู้คนรอบข้างด้วย เช่น หากผู้คนที่คุณจะแนะนำตัวเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องออกแบบคำพูดให้เหมาะสมและสุภาพ มากกว่าคำพูดที่ใช้แนะนำตัวกับเพื่อนในวัยเดียวกัน

เทคนิคหก : มีส่วนร่วม – ชักชวนผู้คนร่วมวงสนทนา

เป้าหมายของการเข้าร่วมวงสนทนา ไม่ใช่แค่ให้คนรู้จักคุณ แต่พึงระลึกเสมอว่า การพูดคุยหรือร่วมสนทนากับใครนั้น ก็เพื่อให้คุณได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และทำความรู้จักผู้คนมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่คุณทำก็คือ การพยายามพูดคุยแบบเป็นกันเอง พูดคุยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทำให้ผู้คนในวงสนทนาผ่อนคลาย และกล้าที่จะพูดคุย อย่างไม่รู้สึกเกร็งหรืออึดอัด

ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น ลองแนะนำคนอื่นๆ ที่อยู่นอกวงสนทนาให้เข้ามาร่วมพูดคุยด้วย เช่น หากในงานเลี้ยง คุณกำลังพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนใหม่อย่างสนุกสนาน บังเอิญเหลือบไปเห็นว่ามีสาวนางหนึ่ง เธอยืนอยู่คนเดียว ไม่รู้จะพูดคุยกับใคร ลองเข้าไปทักทายและชวนเธอเข้ามาร่วมพูดคุย หรือร่วมโต๊ะกับคุณดูสิ… แค่นี้ ก็สร้างความประทับใจให้กับแม่สาวที่คุณชวนมาร่วมโต๊ะได้มากโข แถมรัศมีความเป็นผู้นำของคุณก็จะเปล่งประกาย จนคุณดูโดดเด่น เป็นที่จดจำของผู้คนในวงสนทนาไดอีกต่างหาก
เทคนิคเจ็ด : หมั่นสบสายตา

หากคุณกำลังพูดคุยหรือสนทนากับใครอยู่ การประสานสายตา หรือสบตา คือ กุญแจสำคัญที่จะทำให้คู่สนทนาสนใจ และอยากมีส่วนร่วมในการสนทนาครั้งนั้นๆ

“ผลการวิจัยของประเทศสหรัฐอเมริกายืนยันว่า การสบตาหรือประสานสายตา ถือเป็นวัฒนธรรมที่เหมาะสม และควรจะทำเสมอเมื่อพูดคุย ผู้พูดที่จะประสบความสำเร็จ ต้องสบตากับผู้ฟัง ประมาณ 90% ของระยะเวลาการสนทนา ทั้งนี้หากคุณหลบสายตา หรือไม่สบตาขณะพูดคุย จะทำให้คู่สนทนารู้สึกว่าคุณไม่จริงใจ” ผู้เชี่ยวชาญด้านการพูด Lisa B. Marshall ระบุ

ดังนั้นเทคนิคข้อนี้ที่เราได้ยินกันมานาน จึงไม่ใช่เรื่องเก่าเลย สามารถนำมาใช้ได้เสมอค่ะ เพราะการประสานสายตาจะช่วยเชื่อมโยงความรู้สึก แถมใช้สังเกตได้ด้วยว่าคู่สนทนาคิดอย่างไรกับคุณ

เทคนิคแปด : พูดคุยอย่างพอเหมาะ หยุดพูดเมื่อคู่สนทนาต้องการ

ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนใหม่ที่คุยกันถูกคอในงานเลี้ยง หรือแม้แต่จะได้คุยกับหนุ่มหล่อกระชากใจในงานสังสรรค์ แม้ว่าใจคุณอยากจะสานสัมพันธ์ต่อแค่ไหน แต่การพูดคุยแต่พอดี ก็ยังถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ที่จะทำให้คู่สนทนาประทับใจในตัวคุณมากขึ้นเป็นทวีคูณ

ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ การหมั่นสังเกตว่าคู่สนทนายังอยากคุยกับคุณอยู่หรือไม่ หากเขายังอยากพูดคุยกับคุณอยู่ คุณทั้งคู่ก็จะยังคงสบตากันอยู่ และเขาก็ยังฟังอย่างตั้งอกตังใจ ทว่าหากเขาเริ่มหลบสายตา หรือหาข้อสรุปของเรื่องที่คุยกัน นั่นคือ สัญญาณที่บอกว่าเขาต้องการยุติบทสนทนานั้นแล้ว เมื่อคุณสัมผัสได้ถึงสัญญาณดังกล่าว ก็ควรหยุการสนทนานั้นเสีย เพราะหากดึงดันชวนคุยต่อ จะถือเป็นการเสียมารยาทได้

จำไว้ว่า ความรู้จักพอดีในการพูดคุยถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะทำให้คุณกลายเป็นสาวน่ารักพูดคุยแบบมีมารยาท หรือเป็นสาวพูดมากในสายตาใครต่อใคร!

เรียบเรียงจากวูเมนเดย์ดอทคอม

>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net

Comments are closed.

Pin It