By Lady Manager @Bitchy
ถ้าคุณเป็นสาวทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามอยู่ในที่ทำงาน คุณต้องเลิกแบ๊ว อ้อนเจ้านาย ทำตัวเป็นเด็กชิมิกับเพื่อนร่วมงานได้แล้วล่ะค่ะ
สาวบางคนอาจเพิ่งพ้นรั้วมหาวิทยาลัย ขณะที่บางนางทำงานมาเกือบ 10 ปี ปาเข้าวัย 30 กว่าแล้ว ทว่ายังแบ๊วไม่เลิก โดยหารู้ไม่ว่าบุคลิกลักษณะอันไม่มั่นเช่นนี้เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าทางอาชีพการงานของคุณได้
ความน่าเชื่อถือน่าเกรงขามสามารถสร้างได้ค่ะ ทั้งนี้ต้องมาจากภายในของคุณเองจริงๆ ถึงจะมีพลังแผ่ซ่านออกมาให้คนรอบข้างรู้สึกและยอมรับ งั้นเรามาลองเรียนรู้เทคนิตตามนี้เลยค่า
เทคนิค1 : ยืนขณะคุยโทรศัพท์
งง งง งง ท่านผู้อ่านหลายท่านคงนึก “ประหลาด ยืนคุยโทรศัพท์เกี่ยวอะไรด้วย”
แต่ขอบอก เทคนิคนี้เกี่ยวกับพลังเสียงเชียวนะ ยิ่งเป็นโทรศัพท์สายสำคัญ อย่างคุยกับบอส หรือคุยกับลูกค้า การยืนนอกจากจะช่วยให้คุณมีสมาธิกับการคุยแล้ว โทนเสียงยังออกเป็นการเป็นงานด้วย
“เสียงของคนเราสัมพันธ์กับร่างกายและจิตใจ” Susan Berkley ผู้เขียน Speak to Influence ขยายว่า
“เมื่อคุณยืนและแสดงท่าทาง คุณจะมีพลังมากกว่าตอนคุณนั่งเอกเขนกในเก้าอี้”
แต่ไม่ใช่ออกลีลาโอเวอร์แอ็คชั่นสุดฤทธิ์สุดเดชนะคะ การแสดงท่าทางมากเกิน คุมอารมณ์ไม่อยู่ เดินไปพูดไป คุณก็จะหายใจเร็วและแรง ทีนี้แทนที่เสียงจะมีพลัง กลับกลายเป็นเสียงหอบเหนื่อย เสียบุคลิก แถมสร้างความน่ารำคาญแก่ฝ่ายตรงข้ามที่เป็นคู่สนทนาทางโทรศัพท์อีก
“ขณะที่ยืนคุยโทรศัพท์ ต้องหายใจเข้าเต็มที่ถึงท้องเลย เวลาพูดก็ปล่อยเสียงออกมาจากช่องท้อง แล้วเสียงคุณจะมีพลัง” ซูซานแนะเทคนิคการโปรเจกต์เสียงคล้ายนักแสดงละครเวที ที่ได้ผลเสียงทุ้มทรงพลังกังวานไกลมาแล้วนักต่อนัก
เทคนิค2 : แต่งตัวเหมาะสมกับกาลเทศะ
การแต่งตัวเพื่อเสริมความสำเร็จในหน้าที่การงานไม่ได้หมายความว่า คุณผู้หญิงต้องใส่สูทนุ่งกระโปรงหรอกนะคะ
“การแต่งชุดทำงานแบบเชยๆ มีส่วนทำให้คุณดูเหมือนไม่สามารถปรับตัวปรับวิธีคิด พัฒนาเปลี่ยนแปลงตัวเองตามองค์กรได้” ศาสตราจารย์ Dawn Chandler ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล มหาวิทยาลัย California Polytechnic State สะกิดต่อว่า
“และกัดกร่อนอำนาจหน้าที่ของคุณโดยอัตโนมัติ”
ศาสตราจารย์ท่านแนะนำว่า แต่งตัวให้เหมาะสมกับกาลเทศะ
ค่ะ จงยึดหลักไม่ลำลองเกิน แต่ก็ไม่โป๊ไป สาวเราต้องลงทุนซื้อเสื้อเชิ้ตคัทติ้งเนี้ยบๆ กับกางเกงทรงหลวม (slacks) เท่ๆ สีสุภาพ ไว้ประจำตู้เสื้อผ้า เพราะแนวนี้ทำให้คุณคล่องตัวในการทำงาน และดูกระฉับกระเฉงคล่องแคล่ว อ่อ รองเท้าคัทชูสีดำด้วยนะคะ
สาวไทยจำนวนไม่น้อยนิยมหนีบรองเท้าแตะเดินไปเดินมาในที่ทำงาน แต่ทะลึ่งใส่ส้นสูงเวลาออกไปเฉิดฉายกินข้างกลางวันนอกออฟฟิศ เฮ้อ! ผิดกาลเทศะอย่างแรงค่ะ เพราะเท่ากับคุณไม่ให้เกียรติที่ทำงานของคุณ ยิ่งใครไปใครมา อย่างลูกค้า หรือแม้กระทั่งพนักงานส่งเอกสาร เข้ามาเห็นคุณลากรองเท้าออกมารับแขกรับของ พวกเขาคงอดรู้สึกไม่ได้ว่า บริษัทแห่งนี้ไร้ระเบียบ ปล่อยให้พนักงานแต่งตัวเหมือนอยู่บ้าน แล้วจะเชื่อถือมั่นใจในความเป็นมืออาชีพขององค์กรได้ไง
เทคนิค3 : กล้าสบสายตา
ไม่ว่าคุณกำลังนำเสนอผลงานในห้องประชุม หรือกำลังเจรจาต่อรองกับซัพพลายเออร์ (suppliers) คุณต้องไม่หลบสายตาฝ่ายตรงข้าม
คุยกันสองต่อสอง จงมองสบสายตากับคู่สนทนาซะ
ในห้องประชุมที่มีผู้ฟังจำนวนมาก ก็ต้องสื่อสารกวาดสายตาให้ทั่วถึงทุกคน
“การสบสายตาบ่งบอกว่าสิ่งที่คุณกำลังพูดอยู่นั้นมีความสำคัญ และบุคคลที่คุณกำลังสนทนาด้วยเป็นคนสำคัญ” นักประชาสัมพันธ์ Antoinette Kuritz เผยคุณประโยชน์ของเทคนิคสบสายตา
“ผู้คนจะจำคุณได้ก็ต่อเมื่อพวกเขารู้สึกว่าคุณให้ความสำคัญต่อพวกเขา”
เทคนิค4 : ทำตัวเองให้เป็นที่เห็นชัดในห้องประชุม
ครั้นถึงเวลาถูกเรียกเข้าประชุมครั้งใด หลายคนมักแอบนั่งหลบมุม ไม่ยอมเอ่ยวาจาใดๆ เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาจด ถ้าคุณเป็นเลขาผู้มีหน้าที่จดบันทึกการประชุมก็ว่าไปอย่าง
ทว่าหากเป็นคนทำงานมืออาชีพ นอกจากไม่ควรหนีไปหย่อนก้นใกล้ประตูทางออกแล้ว คุณต้องกล้าลุกขึ้นยืนเมื่อแสดงความคิดเห็นด้วย
“คุณต้องยืนให้บ่อยเท่าที่เป็นไปได้” Kuritz คนเดิมแนะให้ยืนทุกวาระ ไม่ว่าตอนที่มีเพื่อนร่วมงานมายืนที่โต๊ะคุยกับคุณ คุณก็ควรลุกขึ้นยืนสนทนากับเขา ไม่ใช่ปล่อยให้เขายืนค้ำศีรษะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องประชุม…
“เวลาคุณแสดงความคิดเห็น การลุกขึ้นยืนจะทำให้ทุกคนหันมามองและเห็นคุณ แล้วคุณจะโดดเด่นขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ”
ทั้งนี้ ‘เสียง’ ต้องไม่สั่นนะคะ มิฉะนั้น ‘แป้ก’ !
ก็กลับไปเทคนิค1 ฝึกโปรเจกต์เสียงให้ออกมาช่องท้อง…ช่วยคุณได้ค่ะ
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Comments are closed.