By Lady Manager
ในบรรดาเทคโนโลยีความงาม เทอร์มาจ (Thermage) ยังคงได้รับความนิยม ใครๆ ก็ยังเต็มใจจ่ายยกหน้าด้วยเทอร์มาจทุกปี
ยิ่งทำ ยิ่งเป๊ะ
เราจึงตามสาวทำงานนางหนึ่งที่ทำเทอร์มาจมาแล้ว 2 ปีติดกัน ปีนี้เป็นปีที่ 3 ซึ่งเธอรีบนัดหมอทำเทอร์มาจครั้งที่3 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อเตรียมเป็นเจ้าสาวเจ้าของใบหน้าสวยเรียวกระชับในวันแต่งงานปลายปีนี้
เทอร์มาจเป็นการนำเอาเทคโนโลยีความถี่ของคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) ส่งพลังงานเข้าไปในผิวหนังชั้น Dermis โดยพลังงาน RF จะสร้างความร้อนอย่างสม่ำเสมอ ลงไปแก้ปัญหาที่เส้นใยคอลลาเจนที่หย่อนคล้อย ขาดการยืดหยุ่นสปริงตัว ทำให้โครงสร้างที่อยู่ใต้ผิวหนังให้มีการกระชับตัวดีขึ้นทันที
และคอลลาเจนจะถูกสร้างเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยในการกระชับผิวเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง แก้มและคางจะค่อยยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ในระยะเวลา 6 เดือนหลังจากทำ กรอบหน้าจะกระชับเรียว แลดูอ่อนเยาว์ ซึ่งผลในการยกกระชับนี้จะยาวนานถึง 2 ปี
“ทำไมต้องมาพูดถึงเทอร์มาจกันอีก มันเป็นเรื่องเดิมนี่นา” นพ.วรพจน์ ศิรามังคลานนท์ หรือหมออาร์ม ผู้บริหารเฮอร์ทิจูด คลินิก (Hertitude Clinic) บอกจุดเด่นของเทอร์มาจ
“สังเกต เทคโนโลยีต่างๆ ส่วนใหญ่จะมา และก็ไป และก็มีตัวใหม่ที่ดีกว่า มาแทนตัวเดิม แต่เทอร์มาจเป็นเทคโนโลยีเดียวที่มีมาตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว จนกระทั่งปีนี้ครบปีที่ 10 เทอร์มาจยังคงใช้เทคโนโลยีเดิม แต่พัฒนาเรื่องการควบคุมความเจ็บของคนไข้ให้ดียิ่งขึ้น (Thermage CPT) คนที่รักษาด้วยวิธีเทอร์มาจ ก็จะมาทำทุกปีๆ”
รวมทั้งคุณปูเป้ ปัจจุบันอายุ 34 ปี เธอทำเทอมาจครั้งแรกเมื่อพศ.2554 ต่อมาครั้งที่สองเมื่อพศ.2555 และล่าสุด ครั้งที่สามในเดือนมกราคม พศ.2556 ที่ผ่านมา แต่ละครั้งห่างกัน 1 ปี
“ตอนทำเสร็จครั้งแรก จำได้ว่าเหมือนหน้าออกจากเตาอบ รู้สึกอุ่นๆ แก้มแดง ดูสุขภาพดี” เธอเล่าว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอก็ทำทรีตเมนต์เพื่อให้ความชุ่มชื่นกับผิว ทำเลเซอร์ลดกระ แต่ในส่วนกระชับ เธอเลือกทำเทอร์มาจอย่างเดียว และทำต่อเนื่องทุกปี
“ชอบ เพราะสิวไม่มี หน้าไม่มัน รูขุมขนกระชับขึ้น เพื่อนถามไปทำอะไรมา ทำไมผิวละเอียดขึ้น”
ต่อประเด็นนี้ หมออาร์มอธิบายว่า
“เพราะความร้อนที่สูงลงไปสู่ใต้ผิว ต่อมไขมันที่อยู่ใต้ผิวมันก็จะฝ่อ ทำงานน้อยลง ทำให้คนไข้รู้สึกว่าหน้ามันน้อยลง สิวน้อยลง รูขุมขนกระชับขึ้น แต่ไม่แนะนำให้ให้เทอร์มาจในการรักษาสิวนะครับ เพราะจะเป็นการรักษาสิวที่แพงที่สุดในโลก ถือว่าเป็นผลพลอยได้จากการยิงเทอร์มาจ”
สำหรับคุณปูเป้กับการทำเทอร์มาจครั้งที่3 หมออาร์มทำเพียง 300 ชอต
“ครั้งแรกยิงไปแล้ว 600 ชอต (shot) ครั้งที่สอง 300 ชอต ครั้งนี้ก็ 300 ชอตพอ ซึ่งจะเน้นบริเวณขากรรไกร เพราะคนไข้อายุ 30 ปีกว่าแล้ว เนื้อจะเริ่มมากองข้างล่าง”
จำนวนชอตมากน้อยขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน สาวใหญ่อายุ 40 ปีอาจต้อง 900 ชอต หรือสาวใดต้องการยกกระชับหน้าท้อง ต้อง 1,200 ชอต”
ดูคุณปูเป้ชิลล์มาก ไม่แสดงความรู้สึกร้อนจี๊ดเจ็บจนทนไม่ไหวแต่อย่างใดเลย
“ไม่เจ็บเลยค่ะ เค้ามีระบบ Vibration ดึงความรู้สึกเราจากความร้อน”
ตัวนี้แหล่ะค่ะที่หมออาร์มบอกไว้ตอนต้นว่า เทอร์มาจพัฒนาเรื่องควบคุมความเจ็บของคนไข้
“เป็น Vibration system ระบบใหม่ที่มีในเทอร์มาจรุ่น CPT ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจเส้นประสาทของคนไข้ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยลง โดยอาศัยทฤษฎี Gate control theory”
นอกจากนี้ เทอร์มาจรุ่น CPT ยังมี Frame Tip 600 shots ซึ่งเป็นหัวทิปเฉพาะ ให้พลังงานความร้อนสม่ำเสมอและลงได้ลึกกว่ารุ่นเดิม และ Cryogen Spray ช่วยทำให้ผิวหนังเย็น ไม่ให้เกิดการไหม้ โดยรุ่น CPT นอกจาก Pre cool และ Post cool แล้วยังมีการปล่อยความเย็นในระหว่างยิงด้วย จึงรู้สึกสบายผิวมากกว่า
“ทำเสร็จแล้วต้องใจเย็นๆ รอดูผล 6 เดือน จะค่อยๆ ยกกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ”
ภาพ AFTER เปรียบเทียบหลังทำเสร็จทันที กับ 3 เดือนต่อมา
ภาพซ้ายมือเสื้อดำถ่ายเมื่อหลังจากทำเสร็จใหม่ๆ เมื่อมกราคม 2556 กับภาพขวามือเสื้อฟ้า เพิ่งถ่ายเมื่อเมษายน 2556 นี้ค่ะ
เห็นได้ว่าหน้าคุณปูเป้เป๊ะขึ้น และจะยกกระชับสวยสมบูรณ์ขึ้นอีก 3 เดือนถัดไปค่ะ
ทั้งนี้หมออาร์มฝากบอกว่า ไม่ว่าคุณสาวๆ จะทำทรีตเมนต์ เลเซอร์ หรือเทคโนโลยีความงามใดๆ คุณสาวๆ ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดแอลกอฮอล์ และเลิกบุหรี่ แล้วผลลัพธ์ออกมาจะดียิ่งขึ้นค่ะ
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Comments are closed.