Guru Talk

5 วิธีต่อสู้กับแดดตัวร้ายที่ทำให้เราทั้งดำ ทั้งเหี่ยว

Pinterest LinkedIn Tumblr

ริ้วรอยบนใบหน้าของเรานั้น เกิดขึ้นจากภัยของแสงแดดถึงร้อยละ 90
>>แสงแดดถือเป็นหนึ่งในศัตรูตัวฉกาจของสาวๆ ทุกวัย เพราะนอกจากแสงแดดจะเป็นภัยร้ายที่ทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำแล้ว “ริ้วรอย” ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะมาปรากฏให้ได้เห็นด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่อาจคิดว่าริ้วรอยจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่ออายุของเราเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วริ้วรอยบนใบหน้าของเรา เกิดขึ้นจากภัยของแสงแดดถึงร้อยละ 90 เลยทีเดียว และนี่คือสาเหตุว่าทำไมแม้เราจะมีอายุเพียงแค่เลข 2 นำหน้า แต่ริ้วรอยก็เริ่มมาให้เห็นแล้ว เราจึงได้รวบรวมเคล็ดลับเพื่อดูแลผิวสวยให้สดใสไร้ริ้วรอยมาแนะนำกัน

:: ครีมกันแดดแบบไหน ที่ใช่สำหรับผิวคุณ

เลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวคุณเอง โดยถ้าหากคุณเป็นสาวผิวมัน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่เป็นเจลหรือโลชั่น เพื่อที่จะไม่เพิ่มความมันให้กับใบหน้า พร้อมทั้งยังสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังได้เป็นอย่างดี ในทางตรงกันข้าม หากคุณเป็นสาวผิวแห้ง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่เป็นเนื้อครีม ซึ่งมีส่วนประกอบของน้ำมัน เพื่อช่วยทำให้ผิวเกิดความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น
เลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวคุณ
:: ปกป้องผิวอย่างมั่นใจ ด้วยการเลือก SPF ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณ

ใครว่าผู้หญิงควรมีครีมกันแดดเพียงแค่ขวดเดียว เมื่อเราต้องเผชิญกิจกรรมที่แตกต่างกันในแต่ละวัน เราก็ควรจะเลือกค่า SPF ของครีมกันแดดให้เข้ากับปริมาณของแสงแดดที่เราจะเจอในวันนั้นๆ อย่างเช่น หากวันนั้นไม่ต้องเผชิญกับแสงแดดมาก กลางวันทำงานเฉพาะภายในออฟฟิศ ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ก็สามารถปกป้องผิวได้อย่างเพียงพอแล้ว แต่หากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานานก็ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงกว่า SPF 30 ขึ้นไป และหากต้องทำกิจกรรมทางน้ำ อย่างเช่นว่ายน้ำ ไปทะเล หรือแม้แต่เล่นกีฬากลางแจ้งที่ทำให้เสียเหงื่อเยอะ สาวๆ ก็ควรจะเลือกใช้ครีมกันแดดที่เป็นสูตรกันน้ำแทน

ทั้งนี้สำหรับสำหรับสาวๆ ยุคใหม่ที่ทำกิจกรรมหลายอย่างในหนึ่งวัน ต้องเผชิญกับรังสียูวีหลากหลายรูปแบบก็ควรจะเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากพอที่จะปกป้องผิวได้ในทุกสถานการณ์ แต่ยังคงความบางเบา ทาง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ เพื่อให้เหมาะแก่การใช้ในชีวิตประจำวัน

โดยเทคนิคง่ายๆ ในการทาครีมกันแดดให้ไม่เกิดคราบนั้น หลังจากที่ทามอยส์เจอไรเซอร์ลงบนใบหน้า ให้เว้นระยะเวลาสักพักหนึ่งเพื่อให้ครีมได้ซึมซาบลงบนผิวหน้าก่อน ซึ่งหากคุณเป็นสาวผิวมัน อาจจะใช้กระดาษทิชชูแผ่นใหญ่วางทาบลงบนผิวหน้า พร้อมใช้ปลายนิ้วกดลงเบาๆ เพื่อซับน้ำมันส่วนเกินออก ต่อมาด้วยขั้นตอนการลงครีมกันแดด ให้สาวๆ ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเนื้อครีมกันแดดจากบริเวณด้านในสู่ด้านนอกของใบหน้าไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เนื้อครีมดูเรียบเนียน พร้อมรอจนเนื้อครีมซึมลงสู่ผิวหน้าสักพักก่อนเช่นกัน หลังจากนั้นเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการลงรองพื้น ให้ใช้ปลายนิ้วหรือฟองน้ำกดรองพื้นลงบนผิวหน้าแทนการปาด เนื่องจากการปาดจะทำให้เห็นเนื้อรองพื้นเป็นเส้น และอาจเกิดคราบได้ง่าย ปิดท้ายด้วยการลงแป้งฝุ่น ซึ่งหากใช้แปรงปัดแป้งจะทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่บางเบา ดูเป็นธรรมชาติ แต่หากต้องการการปกปิดที่มากยิ่งขึ้น อาจจะใช้พัฟฟ์แทน โดยวิธีการใช้ก็เช่นเดียวกับการทารองพื้นคือใช้วิธีกดแป้งลงบนใบหน้าแทนการปาดนั่นเอง

:: ใช้ครีมกันแดดอย่างไร ให้ได้รับประสิทธิภาพเต็มร้อย

ผู้หญิงหลายคนอาจจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้ครีมกันแดดนั้น เราควรใช้หลังจากการทามอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวหน้า และก่อนการลงรองพื้นแต่งหน้า แต่แท้จริงแล้วยังมีรายละเอียดสำคัญที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ หรือเผลอมองข้ามไป นั่นคือการเว้นระยะเวลาในแต่ละลำดับขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรจะเว้นระยะเวลาประมาณ 20-30 นาทีในแต่ละชั้น ก่อนและหลังการทาครีมกันแดด เพื่อครีมแต่ละชนิด ไม่ว่าจะเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ ครีมกันแดด หรือรองพื้น ไม่ผสมรวมกัน จนทำให้ประสิทธิภาพในการปกป้องรังสียูวีของครีมกันแดดลดน้อยลง แต่หากไม่มีเวลามากพอ การเลือกใช้ครีมกันแดดแบบมีสีที่ช่วยปรับให้กลมกลืนกับสีผิวพร้อมช่วยให้ดูนวลเนียนตลอดวัน ก็สามารถนำมาใช้ทดแทนขั้นตอนการลงรองพื้นได้เช่นกัน

นอกจากนี้การใช้ปริมาณครีมกันแดดให้เหมาะสมก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน โดยสาวๆ ควรใช้ครีมกันแดดประมาณ 2 ข้อนิ้วชี้สำหรับการทาให้ทั่วผิวหน้า เพื่อให้ได้รับการปกป้องจากภัยของรังสียูวีตามค่า SPF ที่ระบุในบรรจุภัณฑ์ เพราะหากเราใช้ในปริมาณที่น้อยเกินไปประสิทธิภาพที่ได้ก็จะลดลงตามไปด้วย

5 เทคนิคการทาครีมบนใบหน้าเพื่อกระชับผิวหน้าและลดริ้วรอยที่เกิดก่อนวัยอันควร

1. แต้มครีมให้ทั่วทั้ง 6 จุด บนใบหน้า คือ เริ่มจากหน้าผาก จมูก แก้มทั้งสองข้าง คาง และตา

2. ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางในการเกลี่ยครีมให้ทั่วใบหน้า โดยเริ่มเกลี่ยเนื้อครีมจากบริเวณแก้มข้างจมูก ไล่ขึ้นไปทางโหนกแก้มทั้งซ้ายและขวาพร้อมๆ กัน โดยเว้นบริเวณใต้ตาเอาไว้ก่อน

3. สำหรับการทาครีมรอบดวงตาควรใช้นิ้วนางเพียงนิ้วเดียวในการทาและใช้ปริมาณในการทาครีมเพียง 1 เมล็ดถั่วเขียวเท่านั้น สาเหตุที่ต้องใช้นิ้วนางเท่านั้นในบริเวณนี้เพราะนิ้วนางจะให้น้ำหนักกดที่เบาที่สุด โดยนวดไล่ตามแนวโครงกระดูกเบ้าตาจากหัวตาก่อน จากนั้นค่อยๆ วนครีมรอบๆ ดวงตา โดยวนออกไปทางหางตา ทั้งสองข้าง

4. หลังจากทาครีมรอบดวงตาเสร็จแล้วให้กลับมาเกลี่ยครีมบริเวณใบหน้าที่เหลือโดยเริ่มจากสันจมูกออกไปทางด้านข้างทั้งสอง ทำแบบเดียวกันนี้กับหน้าผากและคางจนเนื้อครีมเรียบเนียนเท่ากันหมด ทั้งนี้ ยังคงใช้นิ้วกลางและนิ้วนางในการทาครีมให้ทั่วใบหน้า

5. เมื่อเนื้อครีมเข้าที่ดีแล้ว ให้ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางในการนวดรอบข้างๆ ใบหน้า โดยเริ่มจากคางและค่อยๆ นวดขึ้นไปจนถึงหน้าผาก บริเวณหน้าผากค่อยๆ นวดโดยเริ่มจากด้านนอกเข้าด้านใน เพียงเท่านี้เนื้อครีมจะซึมซับลงสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้นกว่าการทาครีมปกติและยังช่วยลดเลือนปัญหาริ้วรอยก่อนวัยอันควร




:: ต่อต้านริ้วรอยได้ง่ายๆ แค่ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร

นอกจากการทาครีมบำรุงผิวหน้าแล้ว เรายังสามารถบำรุงจากภายในด้วยการเลือกรับประทานอาหารประเภทที่ให้คุณประโยชน์ในการช่วยต่อต้านริ้วรอย และรักษาความชุ่มชื้นของผิวหลังออกแดด ก็สามารถช่วยชะลอริ้วรอยให้เกิดขึ้นช้าลงได้ อย่างเช่น

อะโวคาโด ที่ได้รับการยกย่องมาอย่างยาวนานว่าเป็นผลไม้ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านริ้วรอยอย่างเต็มเปี่ยม เนื่องจากน้ำมันที่พบในอะโวคาโด สามารถซึมซับเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่าผลไม้ชนิดอื่น ทำให้ช่วยคงความอ่อนเยาว์ได้ดีที่สุด

ผักใบเขียว ถือเป็นหนึ่งสิ่งที่สามารถหามารับประทานได้ง่าย พร้อมทั้งมีคุณประโยชน์มากมายในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระและการชะลอวัย โดยในผักใบเขียวนั้นจะมีสารที่ชื่อว่า Luxin และ Zeaxanthin ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะช่วยป้องกันผิวจากภัยของรังสียูวี

ดาร์กช็อกโกแลต เนื่องจากเมล็ดโกโก้ที่ใช้ในการทำช็อกโกแลตนั้น มีความเข้มข้นของสารต้านอนุมูลอิสระมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดาร์กช็อกโกแลตที่มีการเจือจางของเมล็ดโกโก้น้อยที่สุด จะมีคุณสมบัติในการช่วยลดการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสกับรังสียูวี พร้อมช่วยในเรื่องการผลัดเปลี่ยนชั้นผิวหนังและการกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวหนัง ซึ่งลดการปรากฏตัวของริ้วรอยได้

ผลเบอร์รีชนิดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผลเบอร์รีที่มีสีเข้ม จะมีความเข้มข้นของสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าสีอ่อน และมีกรดฟีโนลิก วิตามินซี และโฟเลตสูง ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ ผิวพรรณชุมชื้นสดใส พร้อมช่วยฟื้นฟูคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังเราไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร
รู้วิธีเตรียมรับมือกับแสงแดดช่วงซัมเมอร์นี้อย่างถูกวิธีแล้ว รับรองว่าสาวๆ ได้อวดผิวสวยใส ห่างไกลริ้วรอยไปอีกนาน

ข้อมูลจาก “โอเรียนทอล พริ้นเซส”

>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net และ ติดตาม CelebStagram ได้ที่ http://www.manager.co.th/celebonline/celebstagram/

Comments are closed.

Pin It