By Lady Manager
เข้าใจค่ะ ว่าผู้หญิงเราชอบ ทางลัดเนรมิตความงาม ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาผิวพรรณ จึงมักขยันค้นหาสารพัดเทคนิค ทั้งพึ่งยา พึ่งหมอ และพึ่งตัวเอง!
ทว่าบางกรรมวิธีก็เพี้ยนและเสี่ยงเกินไป
เรารวบรวมเคล็ดลับความงามพิเรนทร์ๆ ที่ตกเป็นข่าวจากต่างประเทศมาเตือนใจสาวไทยกันค่ะ
โหดเกิ๊น! เย็บลิ้นลดน้ำหนัก
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง เว็บไซต์สื่อชื่อดังของอังกฤษเผยว่า มิสเวเนซุเอลา เมเยอร์ นาวา วัย 18 ปี ลงทุนทุ่มเงินกว่า 2 แสนบาท ทำศัลยกรรมจมูกและเสริมหน้าอก แถมยังเย็บแผ่นพลาสติกไว้ที่ลิ้น เพื่อให้ตัวเองกินน้อย เพราะเจ็บลิ้น ซึ่งส่งผลให้น้ำหนักลด นางกินได้แต่อาหารเหลว และก็สมหวังคว้ามงกุฎมาครอง
ทว่าในกระบวนการพิจารณาตัดสิน คงไม่ใช่วัดกันแค่จมูกสวย นมใหญ่ และหุ่นดีกระมังคะ เชื่อว่านางต้องมีดีอย่างอื่นด้วย จึงได้รับการคัดเลือก…
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เราจะพูดถึง คำถามที่เราสงสัยคือ ใครนะช่างคิดวิธีการเย็บลิ้นเพื่อคุมน้ำหนัก มีประสิทธิภาพขนาดไหน ได้รับการรับรองจากบรรดาแพทย์ไหม ที่สำคัญ มีข้อเสียผลข้างเคียงอะไรบ้าง
ดร.นิโคลาส ชูเก้ ศัลยแพทย์ความงาม สหรัฐอเมริกา เป็นผู้ค้นคิดวิธีการลดน้ำหนักสุดพิลึกนี้ จากแผ่นพลาสติก Marlex หรือวัสดุทางการแพทย์ที่ใช้ซ่อมแซมส่วนที่เสียหายจากอาการไส้เลื่อน มาคิดพลิกแพลงช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก โดยนำมาเย็บติดที่ลิ้น เพื่อ ให้รู้สึกเจ็บปวดเมื่อกินอาหารแข็งๆ
โดยธรรมชาติคนเรา พอรู้สึกเจ็บและลำบากเวลากินอาหารแข็งๆ ก็จะหันไปกินอาหารเหลว ทำให้ไม่อยากอาหาร น้ำหนักก็ย่อมลดลง เขาใช้วิธีการเย็บลิ้นกับคนไข้ของเขามาตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งรับประกันว่าช่วยลดน้ำหนักได้ถึง 13 กิโลกรัม ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน
ข้อเท็จจริงคือ คนที่เลือกใช้วิธีการเย็บลิ้นลดน้ำหนักต้องเผชิญกับความเจ็บปวด และความยากลำบากในการดำรงชีวิต หลายคนมีอาการลิ้นบวม ประสบปัญหาในการออกเสียงการพูด รวมทั้งทำให้นอนหลับยากขึ้น
และต้องพึงสังวรเป็นอย่างยิ่ง ว่าเย็บติดลิ้นได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น ห้ามเกินเวลาเด็ดขาด มิฉะนั้นเนื้อเยื่อของลิ้นจะเริ่มเติบโตจนกลืนแผ่นพลาสติกเป็นเนื้อเดียวกับลิ้น ถาวรเลยก็เป็นได้
ดังนั้นพอครบ 1 เดือน แพทย์จะผ่าตัดเอาแผ่นพลาสติกออก และให้นักโภชนาการรับช่วงต่อ คอยให้ปรึกษาเรื่องการกิน
กล่าวคือ ถึงอย่างไรก็ต้องควบคุมน้ำหนักด้วยจิตใจมุ่งมั่นความมีวินัยของตัวเองอยู่ดี
ศัลยแพทย์ความงามทั้งในไทยและสหรัฐฯเอง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การเย็บลิ้นด้วยแผ่นพลาสติกเพื่อลดความอยากอาหารนี้ยังไม่ได้ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (USFDA) เป็นวิธีการที่ไม่มีข้อบ่งใช้ในการรักษา และไม่มีงานวิจัยสนับสนุนเพียงพอว่าได้ผลหรือจะเป็นอันตรายมากน้อยเพียงใด
การนำแผ่นพลาสติกติดที่ลิ้นยังถือเป็นการนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย ดังนั้นโอกาสที่ร่างกายจะปฏิเสธ เกิดการแพ้พลาสติกก็อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงเสี่ยงเกิดภาวะติดเชื้อจากแผลเย็บ ลิ้นบวม อักเสบ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้เป็นอันขาด
เสี่ยงไป! ฝังหัวใจทองคำขาวในดวงตา
นี่ก็เพิ่งเป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์เดลิเมล์รายงานว่า สาวนิวยอร์คอุตริทำเท่ห์ ให้หมอฝังแพลทินัม (Platinum) ในดวงตาข้างขวา
สาวใจกล้าคนนี้ชื่อ คริสทินา โควาเลฟสกายา นางยินดีเสียเงินเกือบแสนบาท พาตัวเองไปหา นพ. เอมิล คายอันน์ ที่ ศูนย์ปาร์ค อเวนิว เลเซอร์ วิชั่น ในนิวยอร์ค เพื่อผ่าตัดทำศัลยกรรมฝังทองคำขาวในดวงตา
หมอเอมิล ก็ออกตัวอธิบายเองว่า ใช้วิธีการกรีดตาบางๆ บริเวณตาขาว แล้วฝังทองคำขาวรูปหัวใจขนาด 3.5 มิลลิเมตร ลงไปในดวงตาข้างขวา แผลที่ถูกกรีดจะปิดภายใน 3 วัน
หมอเอมิลยังพูดอีกว่า เทรนด์วิธีนี้ถูกริเริ่มในยุโรปตั้งแต่ปี 2004 มาแล้ว มีความปลอดภัย ไม่ทำให้ตาบอด ส่วนเรื่องการติดเชื้อก็มีการป้องกันโดยใช้ยาปฏิชีวนะ
อย่างไรก็ตาม แพทย์ในสหรัฐฯ ท่านอื่นๆ กลับไม่สบายใจ และแสดงความวิตกชี้ว่า ในกระบวนการทำศัลยกรรมสุดเสียวนี้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เพราะสามารถเกิดเชื้อโรคขึ้นใต้เบ้าตา ซึ่งกระทบต่อการมองเห็น หรือทำลายดวงตาได้
อย่ามโน! กินเครื่องสำอาง แล้วจะสวยขึ้น
เป็นเรื่องตลกที่ขำไม่ออก แต่เป็นเรื่องจริงค่ะ
แม่สาวอเมริกันผิวสีที่รัฐโอไฮโอ ชื่นชอบการรับประทานเครื่องสำอางเป็นชีวิตจิตใจ เข้าขั้นเสพติดกันเลยทีเดียว
ข่าวบอกว่า นางเริ่มกินตั้งแต่ตอนอายุ 9 ขวบ โดยแอบขโมยเครื่องสำอางของแม่มาลิ้มลองและติดใจ โดยคิดไปเองว่าจะได้สวยตั้งแต่ข้างใน
ข่าวยังบอกอีกว่า นางโปรดปรานอายแชโดว์สีเทา ขาว น้ำตาล เป็นพิเศษอีกแน่ะ
แต่ข่าวไม่ได้บอกต่อว่า ป่านนี้หม่ามี้พานางไปหาจิตเพทย์บำบัดอาการเสพติดกินเครื่องสำอางล่ะยัง
เพราะถ้าขืนยังปล่อยให้มโนกินไปเรื่อยๆ สุขภาพต้องเสื่อมลงแน่ๆ เนื่องจากเครื่องสำอางล้วนประกอบด้วยสารพิษนานาชนิด ทั้งสารตะกั่ว สารปรอท ฯลฯ อันเป็นสาเหตุนำไปสู่โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Comments are closed.