By Lady Manager
ปิดฉากงานในปีนี้อย่างสวยงามสำหรับ ELLE FASHION WEEK 2014 เลดี้แมเนเจอร์ขอพาไปเจาะลึกชมเบื้องหลังความสำเร็จแบบประชิดตัวนางแบบ ช่างแต่งหน้า เสื้อผ้า หน้า ผม กันถึง backstage
ไปดูกันค่ะ ว่าก่อนที่เหล่านางแบบเขาจะมาเดินขบวนตบเท้าเก๋เท่กันบนแคทวอล์คนั้น นอกจากเสื้อผ้าแล้ว สีสันบนใบหน้าของนางแบบ ก็เป็นเรื่องใหญ่อลังการเช่นเดียวกับเสื้อผ้า เพราะจะช่วยเสริมกันและกันให้ลงตัว
เราจึงขอมาคุ้ยล้วงข้อมูลแฟชั่นเมกอัพตัวพ่อแห่ง Bobbi Brown กับ คุณอ๊อด-ศิลาวิวัฒน์ โชติช่วงพัฒน Bobbi Brown Senior National Makeup Artist ว่า ขั้นตอนการแต่งหน้าแฟชั่นวีคเขาแบบมืออาชีพเขาพิถีพิถันทำอย่างไรกัน
“Bobbie Brown ได้ร่วมแต่งหน้าให้กับ Elle Fashion Week มาเป็นปีที่ 16 แล้ว โชว์ทั้งหมดมี 4 วัน แต่ละวันจะมีโชว์แตกต่างกัน
ทีมเมกอัพอาร์ทติสไทยแลนด์ จะมีประมาณ 11-12 คน และมีเมกอัพอาร์ททิสจากต่างประเทศด้วย เช่น สิงคโปร์ จีน ออสเตรเลีย
อย่างเสาร์-อาทิตย์ โชว์จะเยอะ เราก็จะมีทีมมาเสริมเป็น 16-18 คน เพราะอย่างแรกคนที่จะมาแต่งหน้าได้ต้องเป็นซีเนียร์อาร์ทติส สอง-ต้องผ่านการคัดก่อน เราก็จะคัดเลือกกันในแบรนด์ว่าจะมีใครบ้างที่เข้ามาร่วมแต่งหน้าในแฟชั่นวีคดังนั้นการที่จะเข้ามาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องมีแวว เหมือนหาดารา มีแววเข้ามาร่วมงานได้
หลักของช่างแต่งหน้าที่ได้มาทำแฟชั่นวีค สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องเห็นเหมือนที่หัวหน้าทีมเห็น ก็คือ ต้องเห็นว่า ลุคนี้เขาโฟกัสที่อะไร” คุณอ๊อด หัวหน้าทีมช่างแต่งหน้าของทุกโชว์ใน ELLE FASHION WEEK กล่าว
ปฏิบัติการเมกอัพแฟชั่นวีค
อ่ะ! เราอยากรู้ซะแล้วว่า ขั้นตอนการแต่งหน้าของงานแฟชั่นนั้น เขาจะมีขั้นตอนอย่างไรก่อนออกสู่สายตาบนรันเวย์ สวยๆ เลิศๆ แบบนี้
“หลักการทำงานกับแฟชั่นวีคนี่สำคัญ คือ 1. ทำอย่างไรให้โชว์แต่ละโชว์มันได้โฟกัสตามที่เราคุยกับดีไซเนอร์ไว้ตอน Meeting Designers เพื่อครีเอทลุคคุยกับดีไซเนอร์ว่า Final Look จะออกมาเป็นแบบไหน
2. เมื่อเราคุยกับเขาเสร็จแล้วในลุคทั้งหมด จะทำอย่างไรให้ทุกคนสามารถแต่งออกมาแล้ว นางแบบทุกคนหน้าเหมือนกันหมด ฉะนั้นเราจะมีความลับของการทำแฟชั่น อย่างแรก คือ Finish Look และ Face Charts ขั้นตอนทั้งหมดที่เป็นโฟกัส จะมีภาพอารมณ์การแต่งหน้าของแต่ละลุค จะออกมาเป็นแบบไหน
ก่อนโชว์จะเริ่มเราจะสาธิต คือ แต่ละวันเราจะทำสาธิตหน้าว่า ดีไซเนอร์อยากจะได้ผิวแบบไหน ผิว Glow, Mattes, หรือ Creamy Mattes แล้วก็ How To ทีละขั้นตอนว่า แก้ม-เป็นแบบไหน ปาก-ต้องแต่งอย่างไร เพราะช่างแต่งหน้ามาจากทุกมุมโลก เรายังไม่เคยเจอกันมาก่อน เราก็จะเจอกันวันที่เราทำงาน
จากนั้นพอแต่งเสร็จแล้ว ผมเป็นหัวหน้าทีม ก็จะเดินเช็ก Final Look ทั้งหมด จากนั้น Final Look ว่าแต่ละคนออกมาแล้วเหมือนกันไหม คนนี้ต้องเพิ่มตรงไหน แก้ตรงไหน เพราะโครงสร้างหน้านางแบบแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถึงเราจะไกด์ไลน์ไปแล้วว่า อยากได้ปากแบบนี้ บางคนริมฝีปากเล็ก มันไม่เห็นลิปสติกเราอาจจะต้องมีการเพิ่มริมฝีปาก หรือบางคนริมฝีปากใหญ่ จะต้องเสริมอย่างไรที่มันจะทำให้นางแบบทุกคนออกมาแล้วมีความเหมือนกันมากที่สุด
อย่างโชว์ของ ASAVA เริ่มแต่งหน้าบ่ายโมง เดินจริงๆ ก็ประมาณ 6 โมงเย็น ฉะนั้นเวลาแต่งจริงอาจจะเสร็จเร็วกว่านั้น แต่เมกอัพจะอยู่บนหน้าของนางแบบนาน เราจะต้องมาครีเอทอีกว่า ผลิตภัณฑ์อะไรที่มัน Long-lasting ให้อยู่บนริมฝีปาก บนหน้าได้นาน
จากนั้น ก่อนโชว์อีกรอบจะมีการนำนางแบบไปเช็กไฟ จะมีตากล้อง และเราดูจากกล้องว่า มีตรงไหนที่ยังไม่สมบูรณ์ไหม จากนั้นก่อนเขาเปลี่ยนชุดจะออกไปเช็กกับไฟเวทีจริงอีกที เช็กระดับความเข้มของแสง ว่าสว่างมากสว่างน้อย เราจะต้องดูการสะท้อนของผิวนางแบบที่อยู่ท่ามกลางแสงอีกที
เพราะถ้าได้ไปนั่งดูโชว์จะเห็นเลยว่า งานโชว์มันค่อนข้างจะเคลียร์มาก จะเห็นชัดหมดเลย ฉะนั้นลุคการแต่งหน้าแฟชั่นโชว์มันจะเป็นอะไรที่ดูสะอาด
ส่วนขั้นตอนต่อไปจะเป็นการ Touch-up พอนางแบบเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็จะเข้าไป Touch-up เราก็จะมีอีกทีมหนึ่งที่เราเซ็ทไว้ว่า คนนี้ไว้ Touch-up ปาก คนนี้ Touch-up ผิว คนนี้ Touch-up อัพแป้ง เพื่อที่จะทำให้ Final ก่อนที่โชว์จะออกมามันเหมือนกัน ส่วนในระหว่างที่โชว์แรกกำลังเริ่ม โชว์ที่ 2 ก็จะเริ่มเข้ามา เพราะจากโชว์แรกไปโชว์ที่ 2 ประมาณ 1 ชั่วโมง” คุณอ๊อด เล่าให้ฟังอย่างเจาะลึก
การแต่งหน้าดารา VS รันเวย์ แตกต่างโดยสิ้นเชิง!
“การแต่งหน้าบนรันเวย์ กับแต่งหน้าดารา ไม่เหมือนกันนะ” คุณอ๊อด บอกว่าแม้จะเป็นศาสตร์เดียวกันแต่ไม่เหมือนกันเลย
“แต่งหน้าดาราจะต้องเป๊ะทุกอย่าง คิ้ว ตา ขนตา มีปัดแก้ม มีเฉด คัดเบ้าตา แต่แต่งหน้ารันเวย์ต้องเป็นอะไรที่ ไม่ไปแข่งทำให้เสื้อผ้าของดีไซเนอร์ให้ดู drop มันต้องเสริมกัน อย่างบางครั้งบางโชว์ มันเป็น inspiration ก็ต้องมีแรงบันดาลใจว่า เขามีเรื่องราวมาจากอะไร Meeting Designers กัน 2 วันเต็ม เราก็ต้องเข้าใจว่า แรงบันดาลใจจากเสื้อผ้าเขามาจากอะไร เขาก็จะบอกในสิ่งที่เขาต้องการ ว่าเขาจะต้องการอะไรบ้าง ฉะนั้นเราก็จะครีเอทลุคนั้นให้เขา
งานศาสตร์แต่งหน้าทั่วไปกับแฟชั่นเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกันนะ แต่มันคนละเรื่องเลย อย่างแฟชั่นโชว์มันเป็นการถ่ายทอดแรงบันดาลใจของดีไซเนอร์ออกมาให้สอดคล้องกับเสื้อผ้า นางเอกคือเสื้อผ้า หน้าที่ของเมกอัพจะเป็นตัวที่เสริมทำให้เสื้อผ้าดูโดดเด่นขึ้น ดูสวย และดูสมบูรณ์มากขึ้น
ส่วนการแต่งหน้าในชีวิตประจำวันของผู้หญิง จริงๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับคาแร้กเตอร์ของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ ถ้าผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าคาแร้กเตอร์ของตัวเองเป็นแบบไหน เสร็จแล้วเขาก็สามารถเลือกลุคการแต่งหน้าบนรันเวย์ได้
อย่างรันเวย์วันนี้ถ้ามองไปปุ้บ จะเห็นนางแบบมีปากสีไวน์ หากเราอยากได้ปากสีไวน์จังเลย เราก็จะหยิบปากสีไวน์ แต่แทนที่จะทาให้เหมือนนางแบบ ที่มีลักษณะเหมือนจิบไวน์
เราอาจจะทาแค่บางๆ เม้มๆ ให้ดูแค่มีความก่ำของไวน์ เราจะเรียกว่า การดึงลุคจาก Runway to Real Way
หรือลุคนี้ เน้นอายไลน์เนอร์จังเลย เราอาจจะหยิบลุคเอาอายไลน์เนอร์บางๆ แทนที่จะทาทั้งบน และล่าง อาจจะทาแค่ข้างบนอย่างเดียว หรืออย่างบางคนมองว่า คนนี้ขนตาสวยจัง เราอาจจะไม่จำเป็นต้องติดขนตาปลอม แต่แค่ปัดมาสคาร่าเยอะๆ” คุณอ๊อดแนะนำการปรับใช้การแต่งหน้าจากรันเวย์สู่ชีวิตจริง
เสน่ห์ของผู้หญิงต้องจับต้องได้ ไม่สวยเป๊ะเว่อร์
สวยเป๊ะมาก ปากเด่น ขนตาหนาเตอะ คัดเบ้าตาลึก เฉดดิ้งสามมิติ มันไม่ธรรมชาติเอาซะเลย คุณอ๊อด จึงแนะสาวๆ ว่า
“เสน่ห์ของผู้หญิงมันไม่ใช่ว่า ต้องสวยเป๊ะมาก ต้องดูจับต้องได้ง่าย ดูเป็นผู้หญิงจริงๆ ที่เดินบนท้องถนนจริงๆ และยุคนี้เครื่องสำอางมันทันสมัยมาก สามารถทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งสามารถแต่งหน้าตัวเองได้ง่ายๆ เพียงแค่เรียนรู้ว่า ตัวเองสไตล์แบบไหน ผิวประเภทไหน ชื่นชอบอะไร ไลฟ์สไตล์เป็นอย่างไร เรียนรู้การแต่งหน้าด้วยตนเอง มันจะดูทันสมัยกว่า ที่จะให้คนอื่นมาแต่งหน้าเรา โดยที่เขาไม่รู้ว่า สไตล์ของเราเป็นแบบไหน
ช่างแต่งหน้าจะมีภาพในหัว พอจ้างเขามาแต่งปุ้บ เขาก็จะแต่งภาพในหัวของเขาลงบนหน้าเรา แต่ถ้าเป็นตัวเราเอง เราก็จะรู้ว่า เราไม่ชอบแบบนี้ เราชอบแบบนี้ เราจะต้องไปที่ไหน เราจะต้องทำอะไรบ้าง เราสามารถหยิบยกสไตล์นั้นมาแต่งกับตัวเองได้ เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือ เมื่อมีแรงบันดาลใจที่จะลุกมาแต่งหน้าจากการดูแฟชั่นโชว์
เราต้องเรียนรู้การหยิบแฟชั่นโชว์นั้นๆ มาใส่กับตัวเรา ให้มันเหมาะสม จริงๆ ข้อจำกัดแทบจะไม่มีเลยในการนำการแต่งหน้าบนรันเวย์มาใช้ในชีวิตจริง เพียงแค่คุณสนุกกับมัน และหาบทเรียนการแต่งหน้าง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง หาคนที่จะมาคอยสอน
ทว่าหน้าที่ของเมกอัพอาร์ทติสไม่ได้มีแค่แต่งหน้านางแบบ เพราะเมกอัพอาร์ทติสมีหน้าที่สอนผู้หญิงให้เป็นช่างแต่งหน้าด้วยตัวเอง สอนให้เขาเข้าใจว่า จริงๆ แล้วผิวของเขาเป็นแบบไหน ตาเขาเป็นแบบไหน ปากเป็นอย่างไร เหมือนกับบทเรียนตามเว็บไซต์ หนังสือ มากกว่าที่จะให้ผู้หญิงอ่านแล้วทำได้เอง เพราะเรามีหน้าที่สร้างแรงบันดาลใจ”
สาวรุ่นใหม่แต่งหน้าเผยผิว เน้นจุดจี๊ดอย่างเดียวบนหน้า
คุณอ๊อดบอกด้วยว่า การแต่งหน้าสไตล์นู้ด เผยผิวกำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงมาก ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าเต็มเด่นแย่งซีนกันซะทุกอย่าง
“การแต่งหน้าเราไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าให้ทุกคนรู้ว่าเราแต่งหน้า แต่มองภาพใหม่ว่า การแต่งหน้าในยุคนี้มันคือ การที่เราจะปกป้องผิวของตัวเรา ผลิตภัณฑ์ที่ดีมักจะมีตัวปกป้องผิวไปด้วย เป็นตัวบำรุงผิวที่ทำให้เราสวย และเด็กไปนานๆ และการแต่งหน้ามันทำให้คุณดูเฟรชขึ้น ไม่จำเป็นต้องแต่งให้เป็นสีบนหน้า
อย่างโชว์ต่อไป จะเป็นการแต่งหน้าไม่เหมือนแต่งหน้า คือแต่งให้เป็นผิวจริงๆ ที่เดินบนท้องถนนจริงๆ ฉะนั้นการแต่งหน้ามันมีหลายระดับ แต่ภาพของคนไทย คือ การแต่งหน้าให้รู้ว่าแต่ง มีสีสันบนใบหน้า ต้องติดขนตาปลอม คัดเบ้าตา เยอะๆ แต่จริงๆ แล้วผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมาแต่งหน้าตัวเอง เพื่อแค่ดูสดใสขึ้น สดชื่น ดูดีขึ้นในแบบที่เราเป็น
ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าให้เหมือนคนนั้น หรือคนนี้ก็ได้ แค่ไม่อยากให้คุณเดินโทรมออกจากบ้านไป หรือเรียนรู้ที่จะดูผิวตัวเอง เพราะปัจจัยและพื้นฐานที่สำคัญในการแต่งหน้าที่สำคัญที่สุด คือ ผิว และต้องรู้ว่าเราผิวแบบไหน ผิวมัน ผิวผสม ผิวแห้ง แพ้อะไรไม่แพ้อะไร อากาศเปลี่ยนผิวจะเป็นแบบไหน หลังจากนั้นผลิตภัณฑ์อะไรบ้างที่เราจะนำมาใช้ในช่วงอากาศ หรือผิวช่วงต่างๆ ที่เปลี่ยนไป
สิ่งสำคัญเราต้องหาจุดเด่นในตัวเอง เลือกจุดเด่นนั้น อย่างเราเป็นคนตาสวย ลองหาการแต่งตาที่มันทำให้ตาเราเด่นขึ้น หรือริมฝีปากสวย เลือกทาลิปสติกที่สีเด่นแค่อย่างเดียว เลือก 1 อย่างบนหน้าให้เด่น อย่างเช่นแฟชั่นนิสต้าคนนี้เดินมาปุ้บ ปากสีเด่นอย่างเดียวอยู่บนหน้า แต่จะแตกต่างจากดาราแต่งหน้าจะมาหมด” คุณอ๊อด-ศิลาวิวัฒน์ แนะนำการแต่งหน้าสไตล์สาวทันสมัยต้องจี๊ดอย่างเดียวปิดท้าย
:: ชมคลิป แฟชั่นโชว์ของ Asv by Asava
:: ส่องคนดังร่วมงาน
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Comments are closed.