Guru Talk

4 สิ่งต้องรู้ก่อนเลือก “เพชร” คู่ใจ

Pinterest LinkedIn Tumblr


>>“เพชร” เครื่องประดับที่มีคุณค่าทางจิตใจ ไอเท็มช่วยเสริมบุคลิกของผู้สวมใส่ โดยเฉพาะสาวๆ เครื่องเพชรเป็นสิ่งที่ต้องมีไว้ครอบครอง แถมยังสนใจซื้อเพชรเพื่อการลงทุนมากขึ้น เพราะยิ่งเป็นเพชรน้ำงามและเม็ดโต มูลค่าก็ขยับสูงขึ้นไปอีก

วันนี้ “ยูบิลลี่ ไดมอนด์” (JUBILEE DIAMOND) มีคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อเพชร ที่เรียกว่า “4Cs” (Carat, Color, Clarity และ Cutting) มาฝาก
Carat คือหน่วยวัดน้ำหนักเพชร ซึ่ง 1 กะรัตเท่ากับ 100 สตางค์ หากเป็นเพชรทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง (Diameter) 1 กะรัตจะประมาณ 6 มม. (เกินครึ่งเซนติเมตรเล็กน้อย) ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสำหรับแหวนเพชรเม็ดเดียว (Solitaire Ring) เริ่มตั้งแต่เพชรขนาด 10 สตางค์ขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นสวมใส่เครื่องประดับเพชร

Color เพชรธรรมชาตินั้นมีหลากสี ทั้งแดง ชมพู เหลือง น้ำเงิน แต่ที่ได้รับความนิยมที่สุดคือกลุ่มเพชรใสไร้สี ซึ่งเป็นเพชรที่ดีที่สุด คนไทยจะเรียกความใสของเพชรว่า “น้ำ” ความใสที่ดีที่สุดคือ D color หรือ “เพชรน้ำ 100” ไล่ไปจนถึง Z color ซึ่งจะเริ่มเห็นการเจือปนของสีอื่นๆ ในเพชรมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ สีเหลือง วิธีดูสีของเพชรว่าขาวใสระดับใดสามารถดูได้ด้วยตนเอง โดยคว่ำหน้าเพชรลงบนกระดาษขาว สังเกตสีที่ก้นเพชรจะเป็นตำแหน่งที่ชัดเจนที่สุด ส่วนเพชรที่เหมาะจะนำไปทำเครื่องประดับ เริ่มตั้งแต่ระดับ J color ขึ้นไป

Clarity ความสะอาด หรือตำหนิภายในและภายนอกตามธรรมชาติที่ไม่สามารถลบออกได้ เพชรที่ดีที่สุดต้องมีตำหนิน้อยที่สุดหรือแทบไม่มีเลย ซึ่งระดับเพชรที่สะอาดมากที่สุด เรียกว่า IF (Internally Flawless) คือไม่มีตำหนิในเนื้อเพชรเลย เพชรที่เหมาะกับการใส่เป็นเครื่องประดับ เริ่มตั้งแต่ความสะอาด VS ขึ้นไป หากคุณซื้อเพชรที่มีใบ Certificate มาตรฐานระดับโลกจากสถาบัน HRD หรือ GIA ในใบ Certificate นั้นจะระบุตำแหน่งของตำหนิเพชรไว้อย่างชัดเจน สามารถมั่นใจว่าเลือกซื้อเพชรตรงตามคุณภาพอย่างแท้จริง

Cutting การเจียระไน ทำให้เพชรเป็นประกายระยิบระยับ เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุดมี 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1. สัดส่วนเพชรจะต้องสมบูรณ์แบบที่สุด จะทำให้ประกายของเพชรสะท้อนขึ้นมาด้านบนกระทบกับตามากที่สุด 2. คุณภาพการขัดเงา เหลี่ยมเจียระไนที่ดีจะทำให้เพชรเม็ดนั้นส่องประกายที่ดีแวววาวและสวยงาม 3. ความสมมาตร คือการเจียระไนที่ทำให้เหลี่ยมเพชรทุกๆ เหลี่ยมได้สัดส่วน ขนาดเท่ากัน จะมีผลทำให้เพชรมีการสะท้อนประกายได้ระยิบระยับมากที่สุด

หากครบทั้งสามข้อนี้จะได้ระดับ Excellent หรือตามมาตรฐานการให้เกรดคุณภาพเพชรระดับโลก ทั้งจากสถาบัน HRD หรือ GIA จะนิยมเรียกว่า เพชรระดับ Triple Excellent

Comments are closed.

Pin It