Fashion

สีสันปารีส! สุดยอดแรงบันดาลใจจากโชว์ฤดูร้อน

Pinterest LinkedIn Tumblr

Karl Lagerfeld
>>จบไปอย่างสง่างามกับแฟชั่นวีกคอลเลกชันฤดูร้อน 2015 ที่ปีนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกี่ยวกับวงการแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนตำแหน่ง Creative Director แห่งแบรนด์ หลุยส์ วิตตอง จาก มาร์ค จาคอบ (Marc Jacob) เป็น นิโคลัส เกสกุลิเยร์ (Nicolas Ghesquière) ที่ถูกดึงตัวจากแบรนด์ บาลองเซียก้า (Balenciaga) เป็นต้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความร้อนแรงบนรันเวย์ปารีสลดลง

หากแต่เป็นการเพิ่มความสดใหม่ให้กับโชว์ที่ทาง Celeb Online ขอเลือกนำเสนอ 3 โชว์อันเป็นที่น่าสนใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่า Fashionable ได้แก่ Chanel ภายใต้การสร้างสรรค์ของครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์ และดีไซเนอร์ คนเดิมอย่าง คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ Louis Vuitton ภายใต้การดูแลงานของครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์คนใหม่ นิโคลัส เกสกุริเยร์ และ Alexander McQeen โดยฝีมือครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์ และดีไซเนอร์ ซาร่า เบอร์ตัน

Chanels Mob
Chanel Collection Sprin Summer 2015

เริ่มที่โชว์แรก Chanel ซึ่งนอกจากการเป็นแบรนด์ที่เหล่าคอแฟชั่นให้ความสนใจมากที่สุดกันทั่วโลกแล้ว คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ภายใต้หลังคาโดมกระจกของ กอง ปาเร่ (Grand Palace) เหล่านางแบบกว่า 80 คนต่างทยอยออกนำเสนอบนถนนชาแนลที่ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ จำลองขึ้นเพื่อนำเสนอความอิสระ สมัยใหม่ แอกทีฟ เพื่อสะท้อนภาพของ กาเบรียล ชาแนล ผู้ก่อตั้งแบรนด์

ในคอลเลกชันนี้แน่นอนว่าเอกลักษณ์บ่งบอกความเป็นชาแนลมากที่สุดคือ สูทผ้าทวีต ที่ได้แรงบันดาลใจจากความเป็นมัสคูลีน และเฟมินีน ผสมระหว่างเสื้อกระดุมสองแถว กับแจ็กเกตเข้ารูปแบบผู้หญิง ถูกสอดแทรกสีสันให้มีลูกเล่น และสะดุดตารับลมร้อน ทั้งยังลายพิมพ์สีสดที่ใช้เทคนิคสีน้ำลายพฤกษา

แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์ผู้ชมที่นั่งทาบขนานชาแนลสตรีตนั่นก็คือ ผู้ชุมนุมประท้วงที่รวมตัวเหล่านางแบบเพื่อเรียกร้องอิสรภาพให้แก่ผู้หญิง ให้หันมาสนใจเรื่องแฟชั่น และกล้าที่จะหลุดออกจากขนบและกรอบเดิมๆ ที่ถูกจารีต สังคม และประเพณีกำหนดไว้ ดัง กาเบรียล โคโค่ ชาแนล เธอผู้ซึ่งเป็นดีไซเนอร์หญิงที่กล้านำสูทแบบผู้ชายมาปรับแต่งให้ผู้หญิงที่ในสมัยที่ยังต้องใส่กระโปรงสุ่มฟูฟ่อง พร้อมเครื่องศีรษะรกรุงรังด้วยเครื่องประดับประดาสวมใส่ และนั่นถือเป็นจุดเปลี่ยนในวงการแฟชั่นโลกครั้งหนึ่งอีกด้วย
Alexander McQueens Show
Alexander McQueen Collection Sprin Summer 2015

โชว์ต่อมาคือ Alexander McQueen แบรนด์ที่หลายคนยากจะเข้าถึง ด้วยแนวคิดที่ผสมผสานความหลุดโลกแบบอวังการ์ด (Avantgarde) กับคอนเซ็ปต์และแรงบันดาลใจจากดีไซเนอร์ โดยคอลเลกชันนี้มีส่วนผสมของเสื้อผ้าแบบตะวันออกที่ได้แรงบันดาลใจจากกิโมโน ผสมกลิ่นอายเกอิชา ดอกไม้สีชมพู โคมไฟสีแดง กับผ้าไหมแจ็กควอสสีดำในชุดต่อกระโปรง

บนพื้นไม้สีดำเข้มโดดเด่นด้วยดอกกล้วยไม้สัมฤทธิ์ ผลงานจาก มาร์ค ควินส์ (Marc Quinn) เหล่านางแบบต่างนำเสนอคอลเลกชันโดยรอบ ภายใต้หน้ากากหนังสไตล์ล้ำ จบโชว์ด้วยการวนรอบวงเวียนกล้วยไม้ยักษ์ อันเป็นกลิ่นอายแห่งความเป็นเอเชีย และคีย์หลักของคอลเลกชันนี้
Louis Vuittons Show
Louis Vuitton Collection Spring Summer 2015

โชว์สุดท้ายที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ เพราะเป็นที่จับตามองของเหล่าคนในวงการจากการก้าวเข้ามาเป็นครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์คนใหม่ของ นิโคลัส เกสกุลิเยร์ เปิดโชว์ด้วยการนำเสนอความเป็น หลุยส์ วิตตอง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “the ability to travel to any part of the universe without moving,” หรือการท่องไปทั่วทุกมุมโลกโดยปราศจากการเคลื่อนไหว ด้วยการนำเสนอผ่านจอกระจกที่จับเหล่านางแบบมาอธิบายกติกาการชมโชว์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีว่าให้ทุกคนนั่งอยู่ประจำที่ของตัวเอง โดยไม่ให้ออกไปในเวลาที่โชว์กำลังเกิดขึ้น

และแล้วการผจญภัยในโลกของ หลุยส์ วิตตองก็เริ่มขึ้น เมื่อหลอดไฟบนรันเวย์เริ่มทำงาน ในคอลเลกชันนี้ลายพิมพ์แบบ Abstract ถูกนำมาใช้คู่กับสีเขียวทหาร และส้มสีเลือด บวกผสมกับผ้ากำมะหยี่ และผ้าแคนวาสลายพฤกษา กับสัตว์ โดยลายพิมพ์เต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์แต่ยังคงร่วมสมัย ด้วยชุดซิปหน้าต่อระบาย

สิ่งที่ขาดไม่ได้ในความเป็นหลุยส์ วิตตองคือ บูตหนัง และกระเป๋าอันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของสาวหลายคนทั่วโลก ที่คราวนี้มาพร้อมสายโซ่ผสมหนัง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงพร้อมผจญภัยกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของแบรนด์ และเมื่อแสงไฟจากด้านบนพร้อมใจสาดส่องลงมาที่รันเวย์ ก็เป็นเวลาที่เหล่านางแบบจะต่อขบวนเพื่อนำเสนอสิ่งที่สวมใส่อีกครั้ง และจบโชว์อย่างสง่างาม ซึ่งถือว่า เกสกุริเยร์ ไม่ทำให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าทั่วโลกต้องผิดหวังกัน

ฤดูหนาวกำลังดำเนินต่อไป รันเวย์แฟชั่นทั่วโลกสละแล้วซึ่งความร้อนแรงในซีซันหน้า หากแต่ทิ้งเพียงความประทับใจ และกระตุ้นต่อมความต้องการของเหล่าสาวก เทรนด์การแต่งตัวทั่วโลกถูกกำหนดใหม่อีกครั้งเหมือนทุกคราว แต่แน่นอนว่าครั้งนี้ไม่ใช่ความประทับใจครั้งสุดท้าย และในแฟชั่นวีกซีซันหน้า เหล่าแบรนด์ยักษ์ไม่ว่าจะเป็นฝั่ง อเมริกา อังกฤษ หรือยุโรป จะต้องงัดกลยุทธ์พร้อมเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของตน เพื่อคงรักษาฐานลูกค้าที่เป็นผู้เสพในที่มาที่ไป และงานศิลปะ มากกว่าคุณค่าที่มองมันเป็นเพียงเสื้อผ้าอย่างเราได้แน่นอนค่ะ :: Text by FLASH

Comments are closed.

Pin It