Fashion

กลับสู่บัลลังก์เจ้าพ่อแฟชั่นกูตูร์ จอห์น กัลลิอาโน

Pinterest LinkedIn Tumblr

Kate Moss and John Galliano
>> เป็นข่าวลือสะพัดอยู่พักใหญ่กับการกลับมาของดีไซเนอร์ผู้ช่ำชองความฟู่ฟ่าแบบแฟชั่นกูตูริเยร์สุดอลังจากเกาะอังกฤษ จอห์น กัลลิอาโน (John Galliano) จวบจนกระทั่งเป็นที่ยืนยันจากประธานบริหารในเครือ OTB Group นาย เรนโซ รอสโซ (Renzo Rosso) ว่าเราจะได้เห็นการกลับมาอีกครั้งของจอห์นในฐานะครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์แหงแบรนด์ Maison Martin Magiela
John Galliano at the End of Show
จอห์น กัลลิอาโน เกิดในดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร ยิบรอลตาร์ (Gibraltar) ก่อนที่จะย้ายมาอังกฤษตอนเขาอายุได้ 6 ขวบ หลังจากเรียนจบที่โรงเรียนเซนต์แอนโทนี และสถาบันสอนภาษาวิลสันที่ลอนดอน กัลลิอาโนได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนศิลปะเซนต์มาร์ติน และในปี 1988 เขาจบการศึกษาพร้อมเกียรตินิยมอันดับหนึ่งสาขาแฟชั่นดีไซน์ โดยคอลเลกชันแรกของเขาได้รับแรงบันดาลใจจากการปฏิวัติฝรั่งเศส โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเหล่าผู้เข้าชมและถูกซื้อลิขสิทธิ์เพื่อเข้าขายในห้าง บราวน์สฺ (Browns) ห้างแฟชั่นบูติกชั้นนำของอังกฤษ แต่ชีวิตเขาก็ไม่ได้สวยหรูดังฝัน เมื่อกัลลิอาโน ตัดสินใจเช่าพื้นที่ทำสตูดิโอส่วนตัวในลอนดอน หากแต่เขาไม่มีหัวทางด้านธุรกิจสักเท่าไหร่ และด้วยนิสัยชอบใช้ชีวิตกลางคืนเป็นอย่างมาก จนในที่สุดการเงินของเขาก็เข้าสู่สภาวะวิกฤต
French Twists Vogue shoot on May 2004
ในช่วงแรก กัลลิอาโน ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก โจฮาน บรัน (Johan Brun) และหลังจากนั้นก็มีผู้ประกอบการชาวเดนิช พีเดอร์ เบอร์เทลเซ่น (Peder Bertelsen) เจ้าของบริษัท Aguecheek เป็นผู้สนับสนุน และหลังจากที่การสนับสนุนจาก เบอร์เทลเซ่น จบลง กัลลิอาโนก็ได้พบกับ เฟคอล เอมัวร์ (Faycal Amor) เจ้าของ และดีไซเนอร์แบรนด์ Plein Sud ผู้ซึ่งนำพาให้กัลลิอาโนย้ายฐานไปยังฝรั่งเศส และมองหาผู้สนับสนุนทางการเงินที่มั่นคง โดยโชว์แรงของเขาที่ฝรั่งเศสมีขึ้นในปี 1989 ในส่วนหนึ่งของ Paris Fashion Week หากแต่ในปีต่อมาเขากลายเป็นบุคคลล้มละลาย เนื่องจากความล้มเหลวในฐานการผลิตของเขาในลอนดอน นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เขาย้ายเข้ามาสู่ปารีสอย่างเต็มตัว
Natalia and the inimitable John Galliano as the Queen of Hearts Vogue, December 2003
หลังจากข้อตกลงทางการเงินระหว่างกัลลิอาโน และเอมัวร์ จบลง เขาได้รับการช่วยเหลือจากบรรณาธิการบริหารนิตยสารโว้กอเมริกา เจ้าแม่แห่งวงการแฟชั่นโลก แอนนา วินทัวร์ (Anna Wintour) และอองเดรย์ ลีออน แทลลี่ (André Leon Talley) และผู้สื่อข่าวชาวยุโรปที่นิตยสาร Vanity Fair ที่ซึ่งกัลลิอาโนได้ทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จักในหมู่สังคมชั้นสูงชาวโปรตุเกส และยังทำให้เขารู้จักกับผู้อุดหนุนอย่าง ซาว สคัมเบอเกอร์ (Sao Schlumberger) ไปจนถึงผู้ร่วมทุน อาเบลา อิงค์ (Arbela Inc) จอห์น บัลท์ (John Bult) และมาร์ค ไรซ์ (Mark Rice) ซึ่งนั่นทำให้กัลลิอาโนได้รับการสนับสนุน โดยคอลเลกชันที่เกิดขึ้นนั้นสำคัญต่อชีวิตเขามาก เพราะส่งผลให้กัลลิอาโนก้าวเข้าไปอยู่ในแวดวงเสื้อผ้าแฟชั่นชั้นสูง
Givenchy by John Galliano
โดยในเดือนกรกฎาคมปี 1995 เขาได้รับความไว้วางใจจาก เบอร์นาท เออนาวท์ (Bernard Arnault) เจ้าของเครือ LVHM ให้ดำรงตำแหน่งดีไซเนอร์แบรนด์ Givenchy เขาเป็นดีไซเนอร์ชาวอังกฤษคนแรกที่ได้ขึ้นเป็นดีไซเนอร์ใหญ่ของห้องเสื้อชั้นสูงแห่งฝรั่งเศส โดยคอลเลกชันกูตูร์แรกของเขามีขึ้นในเดือนมกราคม 1996 ที่ Stade de France โดยเสื้อผ้าที่เขาออกแบบนั้นถูกชื่นชมยกย่องจากหลายสื่อ เนื่องจากดีเอ็นเอของเขาบางอย่างไปตรงกับความเป็น VOGUE ที่หลายคนอาจเห็นชุดของเขาในหน้านิตยสารหัวนี้หลายครั้ง
Dior by John Galliano
ในปีต่อมา LVHM ได้ย้ายให้เขาไป Christian Dior แทนดีไซเนอร์ชาวอิตารี จานฟรังโก แฟร์รี (Gianfranco Ferré) เขาดำรงตำแหน่งนี้เรื่อยมาจนกระทั่งมีนาคม 2011 เขาจบหน้าที่การเป็นดีไซเนอร์ใหญ่ และครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์ แห่งแบรนด์ระดับตำนานแบบกะทันหัน สร้างความไม่พอใจกับเขาเป็นอย่างมาก
John Galliano at the End of Show
โดยเมื่อปีที่ผ่านมา (2013) จากคำเชิญของ ออสก้า เดอ ลา เรนต้า (Oscar de la Renta) มาช่วยทำโชว์ในคอลเลกชัน Fall 2013 ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของ New York Fashion Week นั่นจึงเป็นเสมือนก้าวแรกของการกลับมาของเขานับตั้งแต่ออกจาก Dior และปีนี้ ข่าวที่คนในวงการให้ความสนใจ และแน่ชัดแล้วว่า เขาจะกลับมาโลดแล่นในวงการแฟชั่นชั้นสูงอีกครั้ง ด้วยการดำรงตำแหน่ง ครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์ให้กับ MMM (Maison Martin Magiela) จึงเป็นที่จับตามองของคนในวงการแฟชั่น ว่าอดีตดีไซเนอร์มือระดับพระกาฬแห่งโลกแฟชั่นกูตูริเยร์ จะหวนกลับคืนสู่บัลลังก์นี้ได้หรือไม่ และเขาจะคงอยู่บนบัลลังก์นี้ได้ยาวนานแค่ไหน คงต้องให้ผลงานในรันเวย์กูตูร์ครั้งหน้านี้เป็นข้อพิสูจน์ :: Text by FLASH

Comments are closed.

Pin It