>>ดีเอ็นเอทางแฟชั่นไทยได้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ทั้งเหล่าแฟชั่นนิสต้าไทยและเทศ การประกาศความเป็นตัวตนทางรสนิยมจึงเป็นสิ่งที่จะยิ่งตอกย้ำความแข็งแรงทางแฟชั่นของบ้านเรา 3 ดีไซเนอร์ผู้ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่นไทย ที่มีปรัชญาในการสร้างสรรค์ผลงานไปในทิศทางเดียวกัน อันได้แก่ พลพัฒน์ อัศวะประภา แห่ง ASAVA ภูภวิศ กฤตพลนารา จาก ISSUE และ ธีร์รัฐ ว่องวัฒนะสิน จาก VICTEERAT จับมือกันจัดงานแฟชั่นที่ได้เปลี่ยนค่ำคืนฉ่ำฝน เป็นค่ำคืนที่ร้อนแรงด้วยความสร้างสรรค์ แฟชั่น ฟิลด์ ทริป (Fashion Field Trip) ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 แล้ว
ภายในงานเต็มไปด้วยเหล่าเซเลบคอแฟชั่นทั้งหลายที่ต่างตบเท้าเข้าร่วมชม และแสดงความยินดีกับคอลเลกชันใหม่ (Autumn/Winter 2014) ของทั้งสามแบรนด์ โดยโชว์แรกมีขึ้นท่ามกลางความตื่นตาตื่นใจ และลุ้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อที่นั่งสองฟากฝั่งของรันเวย์ถูกจับจองเต็มตั้งแต่แถวแรก
โชว์แรกเริ่มต้นจาก ‘วิคธีร์รัฐ’ (VICKTEERUT) ที่นำเสนอเสื้อผ้าคอลเลกชันชื่อว่า ‘อะ คลาส ออฟ สเตอริโอสโคปี้’ (A Class of Stereoscopy) ได้แรงบันดาลใจมาจากวิชาที่ว่าด้วยเรื่องของการนำเอาความคลาสสิกมีรสนิยมก ผสานมุมมองสามมิติ โดยเครื่องแต่งกายยังคงความเรียบหรู สง่า และทันสมัยตามแบบฉบับของ ‘วิคธีร์รัฐ’ แต่แฝงด้วยกลิ่นอายชุดยูนิฟอร์มสุดคลาสสิก นำเสนอความแปลกใหม่ด้วยการจำลองห้องทดลองวิทยาศาสตร์ (LAB) สีขาวสว่าง บรรยากาศถูกปกคลุมด้วยหมอกควันจางๆ พร้อมด้วยเหล่านางแบบเดินอวดโฉมชุดสวยคัตติ้งเนี้ยบโดดเด่น สะท้อนความเรียบง่ายที่สะกดทุกสายตาให้หลุดเข้าไปในโลกของวิคธีร์รัฐ
ต่อด้วย ‘อาซาว่า’ (ASAVA) กับเสื้อผ้าคอลเลกชัน ‘ฮาเร็ม แรพโซดี้’ (HARLEM RHAPSODY) ที่ดีไซเนอร์ได้สรรค์สร้างความแปลกใหม่โดยการนำ 2 สไตล์แฟชั่นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ระหว่าง วิกตอเรียน (Victorian) และฮิปฮอป (Hip Hop) มาผสานกันอย่างลงตัว ด้วยหลากหลายวัสดุการตัดเย็บ และเนื้อผ้าคุณภาพดี ที่สร้างความโดดเด่นให้กับหญิงสาวในทุกสรีระ โดยโชว์ครั้งนี้ถูกจำลองเอาบรรยากาศของย่านฮาเร็มแห่งมหานครนิวยอร์ก ที่อบอวลไปด้วยวัฒนธรรมสตรีตอาร์ต ไฮไลต์อยู่ที่การจำลองกำแพงเปล่ากำลังถูกพ่นสีด้วยนักกราฟฟิตี ที่ทำหน้าที่โดยหุ่นยนต์กับลวดลายในสไตล์อาซาว่า สร้างความประทับใจให้กับเหล่า Fashionable ที่ถึงกับต้องลุกขึ้นปรบมือ ทั้งยังภาพถ่ายในโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ถูกแชร์กันแบบเรียลไทม์
จบด้วย ‘อิชชู่’ (ISSUE) ที่นำเสนอคอลเลกชัน ‘เพลย์’ (PLAY) บอกเล่าเรื่องราวของชาวตะวันตกที่คลั่งไคล้ความเป็นตะวันออก ในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 จึงก่อเกิดเป็นเสื้อผ้าที่มีความลึกลับเย้ายวนตามแบบฉบับของตะวันออกแต่ยังคงความคลาสสิกหรูหราของกลิ่นอายตะวันตก เห็นได้ชัดจากลวดลาย และสีสัน ที่มีความสวยงามโดดเด่น รวมไปถึงการนำเสนอที่สัมผัสได้ถึงมนต์เสน่ห์ความงดงามของศิลปวัฒนธรรมในอดีต ประยุกต์เข้ากับการผูกปริศนาสร้างภาพมายาโดยให้นางแบบ-นายแบบ ปรากฏตัวด้วยการนั่งลอยตัวกลางอากาศ สร้างความอัศจรรย์จนไม่อาจละสายตา พร้อมใช้แสงสีแดงสะท้อนความลึกลับ ดุดันน่าเกรงขาม เคล้าเสียงเพลงสากลผสมเครื่องดนตรีไทยอย่าง ระนาด ฆ้อง กลอง ฉิ่ง สร้างมนต์ขลังบนความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว
ปิดท้ายความสนุกด้วยปาร์ตี้แบบเอ็กซ์คลูซีฟจากเครื่องดื่ม RED BULL ที่มาสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ร่วมงานแบบไม่รู้จบ และถือเป็นการปิดงานที่เต็มไปด้วยความประทับใจ ประสบการณ์ และความคิดสร้างสรรค์ที่เหล่าดีไซเนอร์ไทยทั้ง 3 ได้นำเสนอเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการสร้างปรากฎการณ์ทางวงการแฟชั่นไทยครั้งใหญ่อีกงานหนึ่งที่คงจะเป็นที่จดจำ และให้เด็กรุ่นใหม่ได้นำไปพัฒนาเพื่อให้วงการแฟชั่นบ้านเราขึ้นแท่นสู่ระดับโลกได้ :: Text by FLASH
Fashion
Comments are closed.