Beauty

5 อันดับกีฬาท็อปฮิต ฟิตแบบเออร์เบิร์นนิสต้า

Pinterest LinkedIn Tumblr


>>ปัจจุบันนับว่าเทรนด์การเล่นกีฬาและออกกำลังกายได้รับความสนใจจากผู้คนทุกเพศทุกวัยเป็นอย่างมากเนื่องจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้คนหันมาดูแลใส่ใจกับสุขภาพของตนเองอย่างจริงจังมากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่มีการคิดค้นและสร้างสรรค์รูปแบบการออกกำลังกายชนิดใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ส่งผลให้ผู้คนยุคใหม่มีทางเลือกเพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด

การเลือกวิธีการออกกำลังกายให้เข้ากับรูปแบบของการใช้ชีวิต ก็เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องที่น่าสนุกและสามารถปฏิบัติได้อย่างสม่ำเสมอ คอตตอน ยูเอสเอ สัญลักษณ์แห่งคุณภาพของผลิตภัณฑ์ฝ้าย 100% จึงได้เผยผลสำรวจ 5 การออกกำลังกายยอดนิยม จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพนักงานออฟฟิศในเขตกรุงเทพมหานคร ในช่วงอายุระหว่าง 23-45 ปี จำนวน 200 คน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับบรรดาเออร์เบิร์นนิสต้าทั้งหลาย ไว้ดังนี้

:: อันดับที่ 1 ชวนเพื่อนสุดจี๊ดเล่น “แบดมินตัน” กระชับความสัมพันธ์
แบดมินตันถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากเป็นกีฬาที่สนุกทั้งผู้เล่นและผู้เชียร์ สามารถสัมผัสได้ถึงความแพ้ชนะแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน โดยกีฬาแบดมินตันเป็นการออกกำลังกายที่ใช้อวัยวะทุกส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมือ แขน ขา สายตาอันว่องไว และต้องอาศัยความสัมพันธ์กันระหว่างความแข็งแรง ความอดทน พลังความยืดหยุ่นของอวัยวะต่างๆ ความคล่องตัว ดังนั้นจึงทำให้ผู้เล่นมีสมรรถภาพร่างกายแข็งแรง โดยเฉลี่ยแล้วการเล่นแบดมินตัน 1 ชั่วโมงสามารถเผาผลาญพลังงานเฉลี่ย 200-800 แคลอรี นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาระบบความคิด ปฏิภาณไหวพริบ รวมถึงการวางแผนให้เฉียบคมอยู่เสมอ และยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะใช้พบปะเพื่อนฝูงเป็นประจำได้อีกด้วย

:: อันดับที่ 2 ผ่อนคลายจิตใจ เพิ่มพลังชีวิตด้วย “โยคะ”
โยคะ (Yoga) นับว่าเป็นหนึ่งในการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมในเมืองไทยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโยคะช่วยบำบัดร่างกายได้หลากหลายมิติ ทั้งช่วยสร้างความยืดหยุ่นของร่างกาย สร้างสมาธิ ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย และลดความเครียดได้ดี ซึ่งเหมาะมากสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศที่ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน โดยการเล่นโยคะ 1 ชั่วโมง สามารถเผาผลาญพลังงานเฉลี่ย 200-400 แคลอรี และปัจจุบันยังมีการดัดแปลงให้การเล่นโยคะมีรูปแบบที่แปลกใหม่และให้ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นอย่างโยคะร้อนหรือล่าสุดกับโยคะบิน (Yoga Fly) ซึ่งเป็นการนำเอาศาสตร์แห่งโยคะมาผสานกับศาสตร์ต่างๆ อาทิ กายกรรม การเต้นรำ พิลาทิส อโครบาติก มาบูรณาการจนกลายเป็นการออกกำลังกายแนวใหม่ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

:: อันดับที่ 3 สดชื่นหลังเลิกงานด้วยกีฬา “จ็อกกิ้ง”
กีฬาสุดคลาสสิกสำหรับการออกกำลังกายคือการวิ่ง หรือ “จ็อกกิ้ง” ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายและเหมาะกับผู้คนทุกเพศทุกวัยและไม่ยุ่งยากกับการเตรียมอุปกรณ์ มีเพียงใจที่มุ่งมั่นและรองเท้าวิ่งคู่เก่งที่สามารถรองรับแรงกระแทกจากน้ำหนักตัวเพื่อป้องกันการบาดเจ็บขณะวิ่งก็เพียงพอแล้ว ในขณะเดียวกันกีฬาชนิดนี้ยังทำให้หลายแบรนด์ดังแข่งกันสร้างสรรค์แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือที่ช่วยเพิ่มความท้าทายให้การวิ่งเป็นเรื่องที่สนุกมากยิ่งขึ้น ทั้งสามารถเช็กระยะทางวิ่ง วัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดอัตราการเผาผลาญพลังงาน รวมไปถึงการวางแผนการวิ่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งสามารถแบ่งปันประสบการณ์วิ่งให้กับเพื่อนๆ ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กได้อีกด้วย โดยการวิ่งจ็อกกิ้ง 1 ชั่วโมงสามารถเผาผลาญพลังงานโดยเฉลี่ยที่ 600-750 แคลอรี นอกจากนี้ทั้งก่อนและหลังวิ่ง ควรทำการวอร์มอัพและคูลดาวน์เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการบาดเจ็บด้วย

:: อันดับที่ 4 กระชับสัดส่วนให้ได้รูปด้วย “แอโรบิก”
ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เห็นใครๆ นิยมเต้นแอโรบิกกัน เพราะการเต้นแอโรบิกนั้น คุณสามารถขยับร่างกายด้วยท่วงท่าต่างๆ ไปพร้อมกับเสียงเพลงซึ่งช่วยให้คุณสามารถสนุกสนานเพลิดเพลินได้แบบลืมเหนื่อยไปเลย โดยการเต้นแอโรบิกนั้นช่วยให้ระบบต่างๆ แข็งแรงขึ้นอย่างสัมพันธ์กัน ทั้งระบบกล้ามเนื้อ กระดูก การไหลเวียนเลือด การหายใจ รวมถึงการเผาผลาญพลังงานได้อย่างมาก โดยการเต้นแอโรบิก 1 ชั่วโมงนั้นสามารถเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 600 แคลอรี และขณะที่เรากำลังสนุกกับการเต้นด้วยท่วงท่าแปลกๆ ที่ผู้นำเต้นได้คิดสร้างสรรค์ขึ้นมาจนบางครั้งเราก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ในร่างกายจะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งก่อให้เกิดความสุขและที่สำคัญไม่ต้องแข่งขันกับใคร จึงทำให้ไม่เกิดความเครียด และยังทำให้คุณได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ อีกด้วย

:: อันดับที่ 5 จุดพลังความท้าทายด้วยกีฬา “ปั่นจักรยาน”
สำหรับผู้ที่ไม่ชอบออกไปไหน การออกกำลังกายอยู่กับบ้านก็เป็นตัวเลือกที่ดี ลองมองหาตัวช่วยชั้นดีอย่างเครื่องปั่นจักรยานสักเครื่องก็คงจะดีไม่น้อย โดยอาจจะเลือกเครื่องที่สามารถวัดระยะทาง อัตราการเต้นของหัวใจ และอัตราการเผาผลาญพลังงาน หรือแบบที่สามารถเพิ่มแรงต้านในขณะปั่น เพื่อเพิ่มสมรรถภาพให้เบิร์นไขมันของร่างกายให้มีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การออกกำลังกายด้วยเครื่องปั่นจักรยานยังทำให้คุณสนุกได้ โดยไม่พลาดรายการโทรทัศน์สุดโปรด แต่สำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์นั้นนักปั่นก็ควรมองหาโลเกชั่นดีๆ ที่สามารถเปิดประสบการณ์ใหม่ได้ด้วยการปั่นจักรยานคันเก่งเพื่อออกไปรับแสงแดดและบรรยากาศใหม่ๆ ซึ่งช่วยให้คุณสดชื่น ผ่อนคลาย และเติมเต็มแรงบันดาลใจได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งเฉลี่ยแล้วการปั่นจักรยาน 1 ชั่วโมงสามารถเผาผลาญพลังงานได้ 250-600 แคลอรี

เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องควรตั้งเป้าหมายในการออกกำลังกาย เช่น การลดน้ำหนักเพื่อกลับไปมีหุ่นเพรียวลมเช่นเดิม และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาทีต่อวัน อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ควรเลือกชุดกีฬาที่ผลิตจากผ้าฝ้ายธรรมชาติคุณภาพสูง 100% ที่สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี และไม่ควรสวมใส่ชุดกีฬาที่ฟิตจนเกินไป เพราะจะทำให้เคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวกและต้องคอยกังวลอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่ไปด้วย เพียงเท่านี้ชีวิตใหม่ที่มีแต่ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม จริงไหม? :: Text by FLASH

>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net

Comments are closed.

Pin It