เจ้าของผู้ก่อตั้ง เอสเอฟ เอกซเพรส “หวังเว่ย์” ตอนนี้ติดอยู่ในท็อปเท็นของมหาเศรษฐีจีน ทั้งๆ ที่ เมื่อก่อนยังแอบลักลอบส่งสินค้าข้ามแดนแบบผิดกฎหมายอยู่หยกๆ
เขาแปลงสภาพจากกิจการเล็กๆ ในย่านเกาลูน มาสู่บริษัทให้บริการส่งของผ่านสายการบินคาร์โก้ของเขาได้ยังไง
ปัจจุบัน เอสเอฟ เอกซเพรส ประกอบด้วยพนักงานกว่า 8 หมื่นคน พร้อมสาขารองรับทั่วโลก ทั้งยุโรปและเอเชีย
เส้นทางสู่ความร่ำรวยของ หวังเว่ย์ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ก่อนที่จะผ่านพ้นการขนของข้ามแดนจากฮ่องกงมาเมืองจีนแบบผิดกฎหมาย กลายเป็นเศรษฐีพันล้านเจ้าของอุตสาหกรรมขนส่งขนาดใหญ่ ก็ต้องแลกมาด้วยน้ำพักน้ำแรงมากมาย
บิดาของหวังเว่ย์ทำงานเป็นล่ามภาษารัสเซียในกองทัพ ส่วนมารดาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ตัวเขาเกิดในเซี่ยงไฮ้ แต่ครอบครัวย้ายไปปักหลักที่ฮ่องกง หวังเว่ย์เริ่มออกมาทำงานตั้งแต่ยังเรียนมัธยมปลาย ในร้านรับพิมพ์เอกสารเล็กๆ ในกวางตุ้ง
เมื่อเขาพยายามจะส่งตัวอย่างงานพิมพ์ไปยังฮ่องกง ก็พบว่า ต้องมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งด้วย ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะเห็นเป็นความยุ่งยาก แต่หวังเว่ย์เห็นเป็นช่องทางทำธุรกิจ
จังหวะและเวลาช่างพอเหมาะพอเจาะ ในทศวรรษที่ 1980 เมื่อจีนแผ่นดินใหญ่เองก็เริ่มเปิดให้มีการค้าขายกับต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งของข้ามมาขายที่ฮ่องกง
หวังเว่ย์ขอยืมเงินบิดาราวๆ 13,000 ดอลลาร์สหรัฐ มาเข้าหุ้นกับเพื่อนๆ เปิดบริษัทชุนเฟิ่ง (เอสเอฟ) เอกซเพรส ขึ้นที่ใจกลางย่านเกาลูน
ในสมัยนั้น การขนส่งเอกชนยังเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ใครจะส่งอะไรไปไหนต้องผ่านไปรษณีย์ของรัฐเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งการบริการนั้นก็ไม่ค่อยได้เรื่องเอาเสียเลย
“เอสเอฟ เริ่มมีการขนส่งสินค้าข้ามแดนไปมาระหว่างจีน-ฮ่องกง แบบผิดกฎหมาย เรียกว่าเราทำแบบใต้ดินนั่นแหละ” หวังเว่ย์ให้สัมภาษณ์ ในปี 2011 ตอนที่ธุรกิจนี้ถูกกฎหมายแล้ว “เราต้องถูกปรับเงิน ถ้าทางไปรษณีย์จับได้ เพราะฉะนั้น เราต้องแอบๆ ขนส่ง”
ต่างจากตอนนี้ที่แพ็คเกจต่างๆ ได้รับการขนส่งผ่านเครื่องบินโบอิ้ง 38 ลำในสังกัดไปทั่วโลก อย่างภาคภูมิ ตั้งแต่จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย รวมไปทั้งยุโรปและสหรัฐ และล่าสุด เพิ่งมีการทดสอบเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่แบบไร้คนขับไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ในปี 2017 ในที่สุดหวังเว่ย์ก็ไต่ระดับขึ้นมาเป็นเศรษฐีเงินล้าน ทั้งยังติดระดับท็อปเท็นของมหาเศรษฐีจีนอีกด้วย ต้องเรียกว่า เก่งบวกเฮงจริงๆ
Comments are closed.