การระบาดของ COVID-19 อาจจะเป็นวิกฤตของคนจำนวนมาก โดยเฉพาะบรรดาแฟชั่นเฮาส์ต่างๆ ที่ต้องเจ็บตัวกันไปเป็นตัวเลขมหาศาล
ทว่า สถานการณ์ของแบรนด์ฟาสต์แฟชั่น อย่าง ยูนิโคล่ ของ ทาดาชิ ยานาอิ กลับตรงกันข้าม วิกฤตของโลกครั้งนี้กลับทำให้ยอดขายของเสื้อผ้าพะยี่ห้อญี่ปุ่นแบรนด์นี้ มั่นคงเป็นกอบเป็นกำ จน ทาดาชิ ยังรั้งตำแหน่งคนที่รวยที่สุดในญี่ปุ่นเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แถมยังมีทรัพย์สินมากกว่าเศรษฐีอันดับ 2 เป็นหมื่นล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
เจ้าของอาณาจักรเสื้อผ้ามูลค่า 3 หมื่นล้าน เปิดช็อปยูนิโคล่แห่งแรกในปี 1984 ก่อนจะขยับขยายกิจการไปมากกว่า 2,000 แห่งในกว่า 20 ประเทศ
“ยูนิโคล่ เป็นเสื้อผ้าสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นมหาเศรษฐี คนชั้นกลาง หรือคนชั้นล่าง เรามีสินค้าสำหรับคนทุกกลุ่ม” ทาดาชิ เคยให้สัมภาษณเอาไว้ในปี 2011 “เราไม่ต่างจากมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ แก๊ป เอช แอนด์ เอ็ม หรือซาร่า เลยครับ”
สำหรับอาณาจักรยูนิโคล่ของเขาแล้ว เขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นมันสมอง เป็นประธาน เป็นซีอีโอ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เขาถึงกับสละตำแหน่งบอร์ดบริหารซอฟต์แบงก์ เพื่อที่จะมาโฟกัสในธุรกิจของตัวเองอย่างเต็มตัว จนขณะนี้เรียกได้ว่า ยูนิโคล่ กลายเป็นธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ยังไม่นับแบรนด์พี่แบรนด์น้อง อย่าง ทีโอรี่ กอมป์ตัวร์ เดส์ โกตอนนิเยร์ และเจ แบรนด์
ทาดาชิ ยานาอิ เกิดทางใต้ของญี่ปุ่นในปี 1949 ในครอบครัวพ่อค้าเสื้อผ้า โดยพ่อของเขามีร้านขายเสื้อผ้าผู้ชาย ชื่อว่า โอโกริ โชจิ อยู่ที่ชั้นล่างของบ้าน โดยในทศวรรษที่ 1970 ร้านของพ่อประสบความสำเร็จไม่น้อย มีการขยายสาขาออกไปหลายแห่ง
หลังจบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง จากมหาวิทยาลัยวาเซดะ ในปี 1971 มาดาชิ ก็เข้าสู่วงการนักขาย ด้วยการเป็นพนักงานของจัสโก้ ซูเปอร์มาร์เก็ตในแผนกเสื้อผ้าและเครื่องครัว ทำอยู่เพียงปีเดียวก็ออกมาช่วยบิดาขายเสื้อผ้า
ช่วงแรกๆ เขายอมรับว่า ไม่ได้มีไฟในการทำงานอะไร ก็ทำๆ ไปอย่างนั้น ที่ไปทำงานที่จัสโก้เพราะพ่อสั่ง ไม่ได้คิดอยากจะไปทำงานแบบนั้นเลย รวมทั้งยอมรับด้วยว่า ที่กลับมาทำงานกับพ่อก็เพราะว่า ไม่มีที่จะไป แต่พอทำไปทำมาก็รู้สึกว่า ขายเสื้อผ้านี่สนุกดีแฮะ
“ความตั้งใจของผมคือไม่อยากเป็นลูกจ้างคนอื่น อยากเป็นนายของตัวเอง แต่พอพ่อบอกให้ไปหางานทำ ผมก็ไปสมัครที่จัสโก้ และรู้สึกเสียใจมากที่เขาดันรับผมเข้าทำงานด้วยสิ”
ในปี 1984 ทาดาชิ ก่อตั้ง ยูนีค โคลสซิง แวร์เฮาส์ขึ้นในฮิโรชิม่า ก่อนที่จะเรียกสั้นๆ ว่า ยูนิโคล่ และในอีก 2-3 ปีต่อมา เขาก็เปลี่ยนบริษัทของพ่อ จากร้านขายเสื้อผ้าผู้ชาย กลายเป็นร้านเสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับทุกเพศทุกวัย ยูนิโคล่ เติบโตอย่างรวดเร็ว ภายในปี 1996 ก็มีกว่า 200 สาขาทั่วญี่ปุ่น
มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น มักจะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ชายป่าราคา 50 ล้านดอลลาร์นอกกรุงโตเกียว แต่เขาก็มีบ้านในเมืองมูลค่า 74 ล้านดอลลาร์ อยู่ในย่านมหาเศรษฐีของโตเกียว อย่างชิบูย่าด้วย นอกจากนี้ เขายังเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟ 2 แห่งในฮาวาย ซึ่งเขามักจะไปออกรอบทุกๆ ซัมเมอร์
ระหว่างปี 2013 – 2018 การขยายกิจการของทาดาชิได้ผลอย่างสวยงาม จากรายได้หมื่นล้าน ไต่ขึ้นมาเป็นเท่าตัวภายใน 5 ปี ล่าสุด จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ไม่เพียงไฮแฟชั่นแบรนด์ แต่แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นในยุโรปก็ต้องประสบอาการขาดทุน แต่สำหรับยูนิโคล่กลับตรงกันข้าม ยอดขายทั่วโลกยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในสหรัฐ จีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และในญี่ปุ่น รวมทั้งการขยายตลาดสู่ประเทศยุโรป อย่างเดนมาร์กและอิตาลีเรียบร้อยแล้ว
ยูนิโคล่ ไม่วิ่งตามเทรนด์ พวกเขาวางตัวเป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้เรื่อยๆ ในราคาที่จับต้องได้ ทาดาชิ มักจะบอกว่า เอช แอนด์ เอ็ม และซาร่า คือคู่แข่งรายสำคัญ ซึ่งเป้าหมายของเขานอกจากต้องการมีรายได้ให้ถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2020 แล้ว ยังต้องการขึ้นมาเป็นแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นอันดันหนึ่งของโลกอีกด้วย
แม้ ทาดาชิ จะยังนั่งตำแหน่งประธานของยูนิโคล่อยู่ แต่เขาก็เริ่มมองหาผู้สืบทอด วันนี้ในวัย 70+ เขามีบุตรชาย 2 คน ที่ล้วนอยู่ในบอร์ดบริหาร “แม้ว่าผมจะไม่อยู่ บริษัทก็จะมีผู้บริหารต่อไปอย่างไม่ขาดตอนแน่ๆ
“เอาเข้าจริงๆ ผมคิดว่า ตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของยูนิโคล่ ผมอยากให้เป็นผู้หญิงมากกว่า เพราะผมว่า ผู้หญิงมีความละเอียดอ่อนกว่าผู้ชาย ขยันหมั่นเพียรกว่า แล้วก็เข้าใจเรื่องความสวยความงามมากกว่า”
ในบรรดาผู้บริหารระดับสูงของยูนิโคล่ มีผู้หญิงอยู่ 6 คน เป็นไปได้ว่า ทาดาชิ กำลังหมายตา มากิ อาเคดะ ผู้บริหารของยูนิโคล่ ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นยูนิตที่มียอดขายสูงสุด ให้เป็นผู้สืบทอดของเขา โดยก่อนหน้านี้ มากิ ดูแลช็อปทั้งหมดในจีนและญี่ปุ่น ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
Comments are closed.